รถยนต์ฟอร์ด (Ford)
ประวัติและวิวัฒนาการของรถยนต์แบรนด์ฟอร์ด (Ford)
แบรนด์ Ford เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและโด่งดังมากที่สุดในโลก เพราะเป็นภาพลักษณ์ของยนตรกรรมอันล้ำสมัย การมุ่งมั่นบริการที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับทุกยุคสมัย ความสำเร็จของฟอร์ดนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นจากบริษัทยานยนต์เล็ก ๆ สู่บริษัทค่ายรถยักษ์ใหญ่ระดับโลก และเป็นมาตรฐานด้านยนตรกรรมให้กับรถรุ่นใหม่ ๆ ในยุคปัจจุบัน
เรื่องราวของ Ford นั้นเริ่มต้นจากเฮนรี่ ฟอร์ด ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1863 ในเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฮนรี่ ได้มีความสนใจด้านยานยนต์ตั้งแต่วัยรุ่น จนสานฝันสร้างรถยนต์ขึ้นเองในปี ค.ศ. 1896 ชื่อ Quadricycle โดยเป็นรถยนต์เครื่องเบนซิน สะท้อนให้เห็นถึงความอัจฉริยะของเฮนรี่ ฟอร์ดได้เป็นอย่างดี และนับเป็นเป็นก้าวแรกในการบุกเบิกตลาดยานยนต์ด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1903 เฮนรี่ก็ได้ก่อตั้งบริษัท Ford Motor ร่วมกับนักลงทุนจำนวนหลายคน ซึ่งได้เปิดตัวรถรุ่นแรก Model A หลังจากนั้นทางบริษัทก็ได้พัฒนายานยนต์รุ่นใหม่ ๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1908 ก็สร้างชื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการเปิดตัวรุ่น Model T หรือ "Tin Lizzie" รถฟอร์ดรุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีราคาไม่แพง มีความทนทาน และมีประสิทธิภาพสูง สามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคยุคนั้นหันมาใช้รถยนต์ขับขี่กันมากขึ้น
ในปี ค.ศ. 1913 ทาง Ford ก็ได้ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมยานยนต์อีกครั้ง ด้วยการสร้างโรงงานผลิตกระจายตัวไปยังภูมิภาคต่าง ๆ หลายแห่ง ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยที่ต้นทุนต่ำลง ลดชั่วโมงการผลิตได้มากกว่าเดิมหลายเท่า ส่งผลให้ภาพลักษณ์รถยนต์ที่เดิมเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยกลายเป็นสินค้าจำเป็น และรถยนต์ก็กลายมาเป็นระบบขนส่งสำคัญในชีวิตประจำวันตั้งแต่นั้นมา
ช่วงปี ค.ศ. 1920 ค่าย Ford ก็ได้เปิดตลาดยานยนต์ไปยังทั่วโลก ด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตในหลาย ๆ ประเทศ โดยชูตัว Model T เป็นหลัก นำไปสู่การเติบโตอันยิ่งใหญ่และสร้างกำไรให้กับบริษัทได้อย่างมหาศาล แต่ถึงกระนั้นทางบริษัทก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันทางตลาดที่เข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากมีค่ายรถแบรนด์อื่น ๆ มากมาย เริ่มพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มาแข่งขัน ทางฟอร์ดจึงได้พัฒนารถ Ford Model A โฉมใหม่ในปี ค.ศ. 1927 ซึ่งเป็นการนำรถรุ่นเดิมมายกเครื่องปรับปรุงสมรรถภาพการขับขี่ให้ล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิมรวมถึงออกแบบรูปลักษณ์ของรถให้ทันสมัย
ต่อมาในยุคปี ค.ศ. 1930 ค่าย Ford ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ยอดขายบริษัทลดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับรถรุ่น Model T ที่ขายดีก่อนหน้านี้ก็เริ่มไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคแล้ว ทางเฮนรี่ฟอร์ดจึงต้องออกมาแก้สถานการณ์ด้วยการพัฒนารถรุ่น Model B และ Model 18 โดยรถทั้งสองรุ่นนั้นจะมีราคาถูกลงเพื่อเข้าถึงผู้มีรายได้น้อย จุดนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เพื่อให้รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกได้
หลังจากพ้นวิกฤตด้านเศรษฐกิจไปในสงครามโลก Ford ก็วางแผนขยายธุรกิจให้มากขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มต้องการซื้อรถยนต์เพื่อใช้เดินทาง บริษัทจึงเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ตลาดอีกครั้งโดยต้องผลิตยานยนต์ที่มีความทันสมัยทั้งด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ เพื่อตอบสนองกับความนิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาสินค้านวัตกรรม
ในช่วงยุคทศวรรษปี 1950 และ 1960 ฟอร์ดก็ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่คือ Thunderbird และ Mustang โดยรถที่สร้างชื่อให้กับ Ford จนมาถึงทุกวันนี้ก็คงไม่พ้น Mustang หนึ่งในรถสปอร์ตสุดคลาสสิกที่เป็นตำนานตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางนวัตกรรมอย่างแท้จริง ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบสไตล์การออกแบบของ Mustang เนื่องจากดูเรียบหรู เท่แบบไม่ซ้ำใคร ในราคาที่จับต้องได้
ในช่วงยุคปี ค.ศ. 1970 ทั่วโลกได้ตระหนักถึงปัญหามลภาวะในอากาศ กระแสอนุรักษ์เรื่องสิ่งแวดล้อมได้ถูกปลูกฝังให้กับผู้คนมากขึ้น ค่ายฟอร์ดจึงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่ในการสร้างยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยต้องพยายามหาทางให้เครื่องยนต์ปล่อยมลภาวะน้อยลง และใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางบริษัทจึงได้พัฒนารถรุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม พร้อมกับต้องสร้างนวัตกรรมเครื่องยนต์ให้ผลิตไอเสียน้อยลงให้ตอบโจทย์มาตรฐานสากล นอกจากนี้ Ford ยังต้องผลิตยานยนต์ที่สนองต่อความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภค จึงได้เปิดตัวรถ Ford Explorer ซึ่งเป็นรถแบบ SUV รุ่นแรก รวมถึงผลิตรถกระบะ F-Series เพื่อรองรับกับการใช้ยานยนต์ขนส่งสิ่งของ กระบะจากค่ายฟอร์ดได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นกระบะขายดีที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาจนมาถึงทุกวันนี้
สำหรับศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา ทาง Ford ก็ได้มุ่งเน้นพัฒนายานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด โดยมีการเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่น Fusion Hybrid และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์อย่าง Mustang Mach-E พร้อมกับนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใส่ไว้ในรถ เช่น ระบบอินโฟเทนเมนต์ขั้นสูง, เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่, และระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์ออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของค่ายแบรนด์ที่กำลังปรับตัวให้เข้ากับตลาดเทรนด์ยุคปัจจุบัน
จากอดีตจนมาถึงปัจจุบันได้สะท้อนให้เห็นว่าทางแบรนด์มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับตลาดอยู่เสมอ มีการขยายฐานผลิตให้ทั่วถึงทุกมุมของโลก และมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีมาใส่ไว้ในยานยนต์ แต่ยังคงราคาขายที่จับต้องได้เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถซื้อรถมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างทั่วถึง ตอกย้ำถึงความสำเร็จของฟอร์ดในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของโลกอย่างแท้จริง
ราคาของรถยนต์ฟอร์ด
คุณสามารถเช็กราคาราคาของรถยนต์ทุกรุ่นตามข้อมูลในตารางดังต่อไปนี้
ราคา | รุ่นรถ |
---|---|
< 1,000,000 | Ranger |
1,000,001 - 1,500,000 | Everest, Ranger Wildtrak |
1,500,001 - 2,000,000 | Ranger Raptor |
2,000,001 - 5,000,000 | Mustang |
Segments ของรถยนต์ฟอร์ด
รถยนต์ค่ายนี้จะแบ่ง Segment ดังข้อมูลในตาราง สามารถเช็กได้ดังนี้
Segments | รุ่นรถ |
---|---|
B-Segment | Ranger |
C-Segment | Ranger Wildtrak |
D-Segment | Everest, Ranger Raptor |
Super Car | Mustang |
ประเภทของรถยนต์ฟอร์ด
รถยนต์แบรนด์ Ford ณ ปัจจุบันนี้ที่ขายในไทย ส่วนมากจะเป็นรถกระบะ โดยสามารถเช็กข้อมูลได้ ดังนี้
ประเภท | รุ่นรถ |
---|---|
Sedan | Mustang |
Pickup | Ranger, Ranger Raptor, Ranger Wildtrak |
SUV | Everest |
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ซื้อรถฟอร์ดป้ายแดงควรทำประกันรถยนต์ Ford ตัวไหนดี?
แม้ว่าค่ายรถฟอร์ดจะมีราคาจับต้องได้ แต่ถ้ารถป้ายแดงเราแนะนำว่าให้ซื้อประกันชั้น 1 ย่อมดีที่สุด เนื่องจากสภาพของรถยนต์ อุปกรณ์ และอะไหล่ต่าง ๆ ยังใหม่อยู่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสำหรับสภาพของรถ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมทุกอย่างจึงเหมาะสมที่สุด ซึ่งประกันขั้น 1 มีจุดเด่นอยู่ที่การให้ความคุ้มครองเรื่องการชนแบบไม่มีคู่กรณี ยกตัวอย่างเช่น หากคุณพลาดขับรถไปชนกับขอบถนนจนเป็นรอย ขับรถชนกับเสาไฟฟ้า หรือจอดรถทิ้งไว้แต่พบว่ามีรอยเฉี่ยวชนโดยที่ระบุคู่กรณีไม่ได้ คุณจะสามารถเคลมค่าซ่อมกับประกันชั้น 1 ได้นั่นเอง รวมถึงประกันยังให้ความคุ้มครองไปถึงกรณีรถยนต์หาย และรถยนต์น้ำท่วมอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับรถใหม่ป้ายแดงอย่างยิ่ง
ซื้อประกันรถยนต์ฟอร์ดผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เมื่อคุณซื้อประกันรถยนต์กับแรบบิท แคร์ คุณจะได้สิทธิประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดรวมสูงสุดถึง 70% สามารถเลือกผ่อนชำระ 0% ได้ยาวนานถึง 10 เดือน อีกทั้งเรายังมีบริการพิเศษเพื่อช่วยเหลือคุณฉุกเฉินบนท้องตลอด 24 ชั่วโมง เช่น บริการรถลาก บริการค่าแท็กซี่กลับบ้าน บริการเรียกรถพยาบาล บริการเติมน้ำมันฉุกเฉิน บริการกุญแจสำรอง ซึ่งทั้งหมดเป็นบริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย (ตามเงื่อนไขของบริษัท)
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะทำประกันภัยแผนไหนดี เราก็ยินดีให้คำปรึกษากับคุณอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด เลือกซื้อประกันภัยรถฟอร์ดกับแรบบิท แคร์ เราดูแลคุณครบตั้งแต่ต้นจนจบ ซื้อง่าย จ่ายเงินได้หลายช่องทาง ซื้อเลย!