รวมที่เที่ยวลาว 2567 มีที่ไหนน่าสนใจ ใช้งบเที่ยวเท่าไหร่ เรามีคำตอบ
หลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิดไปก็ถึงเวลากลับมาสู่ยุคของการเปิดประเทศท่องเที่ยวอีกครั้ง เรารู้ว่ามีหลายประเทศที่คุณอยากไป และหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นประเทศ สปป. ลาว เพราะประเทศนี้มีเสน่ห์ความมหัศจรรย์ด้านวัฒนธรรมและความสวยงามทางธรรมชาติที่ไม่เป็นสองรองใคร สำหรับใครที่วางแผนเที่ยวลาว 2567 และกำลังหาข้อมูลว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี เดินทางยังไง ใช้งบเท่าไหร่ เรามีโพยดี ๆ รวบรวมมาบอกคุณให้แล้วที่นี่
ข้อควรรู้ก่อนเดินทางเที่ยวลาว 2567
ตอนนี้ประเทศลาวเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศอย่างเสรีแล้ว โดยไม่ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส รวมถึงบังคับตรวจ ATK
- สามารถเดินทางไปเที่ยวลาวได้หลากหลายทาง ทั้งทางเครื่องบิน, ขับรถข้ามชายแดน, รถไฟ
- ประเทศลาวต้องใช้พาสปอร์ตในการเข้าประเทศ แต่ไม่ต้องใช้วีซ่า โดยอยู่ สปป. ลาวได้ 30 วัน
- คนไทยสามารถใช้ใบผ่านแดนเพื่อท่องเที่ยวบริเวณชายแดนไทย-ลาว ได้ในระยะสั้น ๆ (3วัน)
- ประเทศลาวมีเมืองหลวงคือ นครเวียงจันทร์ และมีประชากรทั้งประเทศประมาณ 7 ล้านคน
- ตัวอักษรและภาษาลาวมีความคล้ายคลึงกับภาษาไทย คนลาวหลายคนสามารถฟังภาษาไทยออก
- พื้นที่ประเทศลาวส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเยอะ
- ประเทศลาวใช้สกุลเงินกีบ ซึ่งตอนนี้ปี 2566 เงิน 1 บาทสามารถแลกได้ประมาณ 500 กีบ
- สามารถนำรถข้ามชายแดนไปเที่ยวลาวได้ แต่ให้ระวังว่าคนลาวขับรถชิดขวา ต่างกับการขับรถในไทยที่ขับชิดซ้าย
- นักท่องเที่ยวต้องพักตามโรงแรมหรือที่พักตามกฎหมายเท่านั้น พักตามบ้านคนอื่นเข้าข่ายผิดกฎหมาย
- ช่วงที่น่าเที่ยวลาวมากที่สุดคือเดือน ธันวาคม-มกราคม เพราะอากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน
ต้องบอกเลยว่าประเทศลาวนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวลาวทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ไปจนถึงแหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ เราจึงขอแบ่งโซนการท่องเที่ยวเป็นภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ถูกท่านจัดตารางและแพลนทริปเดินทางให้ง่ายขึ้น
เที่ยวหลวงพระบาง 2567
เที่ยวลาวครั้งแรกมือใหม่ขอแนะนำให้เริ่มจากเมืองหลักอย่างหลวงพระบางก่อนเพราะเที่ยวง่ายเดินทางสะดวก โดยหลวงพระบางนั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นเรื่องวัฒนธรรมและธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย โดยโซนนี้จะตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือของประเทศ มีอากาศเย็นสบายสามารถเที่ยวได้ทั้งปี บรรยากาศในโซนนี้จะออกแนวย้อนยุคโบราณ หากใครอยากซึมซับกับวิถีของชาวลาวก็แนะนำให้มาเที่ยวโซนหลวงพระบางเลย ซึ่งบริเวณหลวงพระบางมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจดังนี้
วัดเชียงทอง (Wat Xiengthong)
เริ่มกันด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในหลวงพระบางกับวัดเชียงทอง ซึ่งเป็นวัดสำคัญประจำประเทศมาตั้งแต่สมัยโบราณ วัดเชียงทองสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ล้านช้างโดยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชในปี พ.ศ. 2103 โดยมุ่งหวังให้เป็นวัดหลวงประจำอาณาจักร สิมหรืออุโบสถวัดเชียงของนั้นมีความงดงามเป็นอย่างมากเนื่องจากมีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง หลังคาทรงโค้งสอดรับกับลวดลายสีทองด้านนอกอย่างโดดเด่น เรียกได้ว่าเป็นอัญมณีของล้านช้างเลยทีเดียว ส่วนภายในก็มีพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยประดิษฐาน เหมาะกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกให้คนเข้ามากราบนมัสการรับพรก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวที่อื่น
สำหรับใครที่ตัดสินใจมาเที่ยวหลวงพระบางแล้ว ก็ต้องแวะมาวัดเชียงของให้ได้ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่ามาไม่ถึงหลวงพระบาง โดยมีค่าเข้าชม 20,000 กีบ / คน (ประมาณ 40 บาท)
พระราชวังหลวงพระบาง (Royal Palace Museum Luang Prabang)
เที่ยวลาวเยือนหลวงพระบางต้องมาเยือนที่นี่เป็นแห่งแรก เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของประเทศลาวสมัยโบราณ ซึ่งประบรมมหาราชวังในปัจจุบันนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของประเทศลาว พระราชวังหลวงพระบางเป็นที่ประดิษฐานพระบางพุทธลาวัล ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวลาว อีกทั้งยังมีการรวบรวมโบราณวัตถุ ของสำคัญ และสมบัติประจำชาติ จัดแสดงอยู่ด้วย
พระราชวังหลวงพระบางสมัยโบราณเมื่อก่อนเคยเป็นที่พำนักของเจ้ามหาชีวิตสายหลวงพระบาง นอกจากจะมีวัตถุสำคัญจัดแสดงแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้เห็นถึงความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะล้านช้างกับยุโรปอย่างลงตัว อีกทั้งโดยรอบนั้นยังมีอาคารโบราณสถานให้นักท่องเที่ยวได้รับชมอีกมากมาย ผู้ที่สนใจสามารถเที่ยวชมได้วันละสองรอบ คือช่วงเวลา 8.00 น. – 11.00 น. และรอบเวลา 13.30 น. – 16.00 น. โดยต้องซื้อบัตรก่อนเข้ารับชมในราคา 30,000 กีบ / คน (ประมาณ 60 บาท)
วัดพระธาตุพูสี (Phousi Hill)
อีกหนึ่งศาสนสถานสำคัญประจำเมืองหลวงพระบางเพราะเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ชาวลาวนับถือ จุดเด่นของพระธาตุพูสีคือองค์พระธาตุสีทองเหลืออร่ามที่ตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางหลวงพระบางสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ผู้ที่สักการะจะต้องขึ้นบันไดไป 328 ขั้น จากนั้นจะมองเห็นทิวทัศน์รอบเมืองหลวงพระบางได้ 360 องศา ซึ่งนับว่าเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก แสงและเงาจะตกสะท้อนที่องค์พระธาตุให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีก วัดพระธาตุพูสีสามารถขึ้นไปเที่ยวได้ทั้งปี อีกทั้งยังบรรยากาศดีเหมาะกับการถ่ายภาพ
พระธาตุพูสีนั้นสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอนุรุท ในปี พ.ศ.2337 นอกจากจะมีองค์พระธาตุแล้วยังมีพระพุทธรูปและ รอยพระพุทธบาทให้สักการะบูชาด้วย อีกนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือการมาสักการะพระธาตุพูสีในวันขึ้นปีใหม่ เพราะจะมีประเพณีตักบาตรบนยอดพูสี ซึ่งจะจัดปีละครั้งเท่านั้น หากใครต้องการซึมซับกับวัฒนธรรมและศาสนาก็แนะนำให้มาเที่ยวลาวหลวงพระบางในช่วงปีใหม่นี้
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมจะต้องเสียค่าเข้าประมาณ 50,000 กีบ / คน
ตลาดมืดหลวงพระบาง (Luang Prabang night market)
มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวลาวสำหรับขาช้อปกันแล้ว เพราะใครอยากเดินถนนหาซื้อของที่ระลึก ของฝาก หรือหาของอร่อย ๆ ทาน ต้องแวะมาตลาดมืดหลวงพระบาง โดยตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนข้าวเหนียว ส่วนบรรยากาศก็คล้าย ๆ ตลาดนัดกลางคืนบ้านเรา เมื่อถึงเวลากลางคืนพ่อค้าแม่ขายก็จะทยอยตั้งร้านมากมายและมีผู้คนมาเดินกันอย่างคึกคัก โดยของที่ขายก็จะมีไปตั้งแต่ของกินแนวสรีทฟู้ด สินค้าหัตถกรรม ของฝาก กระเป๋า รองเท้า งานแกะสลัก เครื่องประดับ เสื้อผ้า หากใครอยากเดินกลางคืนชิล ๆ มีของติดไม้ติดมือในราคาไม่แพง ต้องไม่พลาดที่นี่แน่นอน
พ่อค้าจะตั้งร้านในตลาดมืดตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนถึงเวลา 23.00 น. ระหว่างที่ตลาดตั้งนั้นถนนจะถูกปิดไม่ให้รถผ่านเพื่อเป็นถนนคนเดินโดยเฉพาะ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ช่วงเช้ามืดนักท่องเที่ยวยังสามารถตักบาตรข้าวเหนียวได้ที่แห่งนี้ด้วย
น้ำตกตาดกวางสี (Kuang Si Waterfall)
แถบหลวงพระบางไม่ได้มีแต่สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ธรรมชาติเองก็งดงามไม่แพ้กันด้วยอย่างน้ำตกตาดกวางสีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในแถบหลวงพระบางเลยทีเดียว ตัวน้ำตกมีความสูงอยู่ประมาณ 75 เมตร ไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นรวมทั้งสิ้น 4 ชั้น ไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้คือน้ำที่เป็นสีเขียวมรกตเนื่องจากไหลผ่านบนภูเขาหินปูน รายล้อมด้วยธรรมชาติและต้นไม้หลากสายพันธุ์ ทำให้บริเวณโดยรอบร่มรื่น
อีกจุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือสะพานไม้ยาวพาดกลางน้ำตก สามารถเข้าเดินถ่ายรูปได้แบบชิล ๆ ที่ใครมาถึงก็ต้องชักภาพถ่ายมุมนี้กันทั้งนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสีสามารถเหมารถจากหลวงพระบางไปได้โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง และมีราคาประมาณ 300,000 – 500,000 กีบ ส่วนราคาเข้าอุทยานจะอยู่ที่ 25,000 กีบ/คน (ประมาณ 50 บาท)
เที่ยวเวียงจันทร์
“เวียงจันทร์” นครหลวงของ สปป. ลาว คนไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวง่ายเพราะอยู่ติดกับชายแดนประเทศไทย สามารถข้ามแม่น้ำโขงฝั่งจังหวัดอุดรธานีไปเที่ยวได้เลย จะเที่ยวเช้าแล้วเย็นกลับก็ยังได้ อีกทั้งวัฒนธรรมของชาวเวียงจันทร์ก็ยังถูกผสมผสานกับชาวไทยอยู่มาก เรียกได้ว่าคนไทยอย่างเราสามารถพูดภาษาไทยกับชาวเวียงจันทร์ได้เลย สำหรับเวียงจันทร์นั้นมักจะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเป็นหลัก ที่น่าสนใจมีดังนี้
พระธาตุหลวง (Pha That Luang)
หรือรู้จักกันในชื่อ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ซึ่งเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดใน สปป. ลาวเลยก็ว่าได้ โดยพระธาตุหลวงนี้สร้างโดยพระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ ผู้ครองนครเวียงจันทร์คนแรก ซึ่งสร้างพระธาตุองค์นี้มาพร้อม ๆ กับเมือง ภายในพระธาตุหลวงนั้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์สำคัญที่ชาวเวียงจันทร์ยกย่องบูชา องค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร ตั้งบนฐานสี่เหลี่ยม มีใบเสมาล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีบันไดสามารถเดินขึ้นไปได้ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นรูปทรงดอกบัวตูมคล้ายกับพระธาตุพนม มีการปิดทองเหลืองอร่ามรอบองค์ดูสวยงาม
สำหรับใครที่ไปเที่ยวลาวโซนเวียงจันทร์แล้วต้องแวะมานมัสการพระธาตุหลวงแห่งนี้เพราะเป็นไฮไลท์สำคัญของเมืองเวียงจันทร์เลยทีเดียว นอกจากนี้หากคุณมาไหว้พระธาตุในวันขึ้น 13 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี ก็จะสามารถเข้าร่วมประเพณีบุญนมัสการพระธาตุหลวงอันศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย
หอพระแก้ว (Haw Phra Kaew)
มาเที่ยวลาวแล้วต้องแวะมาพอพระแก้วกันสักหน่อย หอพระแก้วแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตมาก่อน และยังเคยเป็นวัดสำคัญประจำราชวงศ์ของชาวลาวด้วย หอพระแก้วสร้างขึ้นโดยระเชษฐาธิราช กษัตริย์องค์แรกแห่งล้านช้างในช่วงปี พ.ศ. 2108 แต่เดิมนั้นหอพระแก้วได้ทรุดโทรมไปมาก จนได้มีการบูรณะใหม่ในปี พ.ศ. 2543 โดยใช้เค้าโครงสร้างเดิมเป็นหลัก หลักจากบูรณะแล้วทาง สปป. ลาว ก็ได้ใช้หอพระแก้วเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชาว สปป. ลาว และนักท่องเที่ยวได้เข้าชมศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาวลาว โดยมีการจัดแสดงโบราณวัตถุ พระพุทธรูป และของล้ำค่าต่าง ๆ มากมาย
ความสวยงามของหอพระแก้วคือเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรม ความอ่อนช้อยและลวดลายสีทองล้วนตัดกับสีเขียวของพันธุ์ไม้ได้อย่างลงตัวเหมาะกับการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน โดยแบ่งเป็นสองรอบคือ รอบ 8.00 – 12.00 น. และรอบเวลา 13.00 น. – 16.00 น. โดยมีค่าเข้าชม 5,000 กีบ (ประมาณ 10 บาท)
ประตูไช (Patuxay Monument)
ไหน ๆ ก็ตีตั๋วมาเที่ยวลาวแล้ว ต้องแวะถ่ายรูปที่จุดแลนมาร์กสำคัญของประเทศ ถึงจะถือว่ามาเที่ยวลาวถึงที่ โดยประตูไชแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2500 – พ.ศ. 2511 เพื่อรำลึกเป็นอนุสรณ์สำคัญของวีรชนที่ร่วมสงครามประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส โดยคำว่าไช นั้นหมายถึงคำว่า ชัย ซึ่งตรงกับภาษาไทยที่แปลว่าชัยชนะนั่นเอง จุดเด่นของประตูไชนั้นคือการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง โดยอ้างอิงคอนเซปต์มาจากประตูชัยของฝรั่งเศสนั่นเอง บริเวณรอบประตูไชนั้นล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้ และน้ำพุ พอถึงตอนกลางคืนก็จะมีการเปิดไฟแสงสีสวยงาม เหมาะกับการให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
สวนพระ (Buddha Park)
สวนพระนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงโบราณสถาน สำหรับใครอยากเที่ยวลาวแบบมีมนต์ขลังของเมืองโบราณต้องมาที่แห่งนี้ สวนพระเหมาะกับการแบกกล้องเที่ยวถ่ายรูปเท่ ๆ แม้ว่าสวนพระจะดูเก่าแก่แต่แท้ที่จริงแล้วเพิ่งจะสร้างขึ้นโดยปู่บุญเหลือ เมื่อปี พ.ศ. 2501 นี้เอง โดยจุดประสงค์คือเป็นสถานที่วิปัสนาและใช้ความงดงามทางศาสนาถ่ายทอดหลักธรรมให้กับพุทธศาสนิกชน ภายในอุทยานนั้นจะประกอบไปด้วยรูปปั้นพระพุทธรูปหินและเทวรูปทางศาสนาฮินดูมากมายกว่า 200 องค์ ถูกจัดวางในสวนอย่างสวยงาม ทำให้ดูเหมือนเป็นเมืองโบราณ
สำหรับผู้ที่จะเที่ยวสวนพระต้องเดินทางออกนอกเมืองไปเล็กน้อย โดยสามารถเหมารถเดินทางได้ในราคาประมาณ 250,000 กีบ ซึ่งสวนพระแห่งนี้จะมีการเก็บค่าเข้าที่ 5,000 กีบ (ประมาณ 10 บาท)
เที่ยววังเวียง 2567
“วังเวียง” นับเป็นโซนหนึ่งที่มีความโดดเด่นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติตามฉายา “กุ้ยหลินเมืองลาว” และมีรีสอร์ทที่พักให้บริการมากมายคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ราคาโดยรวมแล้วไม่แพงมาก เดินทางสะดวก เหมาะกับการเที่ยวลาวแบบ 3 วัน 2 คืน จึงโดนใจสายเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำชิลกับธรรมชาติ ตัววังเวียงนั้นอยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศไทยมากนัก สามารถขับรถข้ามชายแดนมาเที่ยวได้ หากมาวังเวียงแล้วควรไปเที่ยวดังนี้
บลูลากูน (Blue Lagoon)
ใครมาวังเวียงแล้วไม่ได้มาบลูลากูนนับว่าพลาดอย่างแรง เพราะที่นี่คือสถานที่เที่ยวลาวไฮไลท์สำคัญที่ทำให้วังเวียงโด่งดังระดับโลก ด้วยน้ำสีฟ้าใสสะอาดมองเห็นถึงพื้นด้านล่าง ตัดกับสีเขียวเป็นธรรมชาติของป่าไม้โดยรอบทำให้เป็นแหล่งพักผ่อนที่สวยงาม จะเดินชิลถ่ายรูปก็ดี จะลงเล่นน้ำก็สนุกสนาน อีกทั้งยังเดินทางได้สะดวกเพราะอยู่ติดกับโซนที่พักต่าง ๆ ในแถบวังเวียง
ภายในบลูลากูนในยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมายทั้งการโหนเชือกโดดน้ำ เล่นซิปไลน์ เครื่องเล่นเป่าลม นั่งทานอาหารพร้อมลิ้มรสกับความสดชื่นของสายธาร เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี
ถ้ำจัง (Tham Chang)
อีกหนึ่งไฮไลท์ของการเดินทางท่องเที่ยวลาวโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาแถบวังเวียง ถ้ำจังสามารถเดินทางท่องเที่ยวง่ายเพราะอยู่ห่างจากวังเวียงไปแค่เล็กน้อย ภายในน้ำจะงดงามไปด้วยหินงอก-หินย้อยต่าง ๆ มากมาย มีแสงไฟส่องแสงให้ดูงดงามไปอีกขั้น บรรยากาศในถ้ำนั้นค่อนข้างเย็นและมีอากาศถ่ายเทเหมาะกับการเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง ไฮไลท์ภายในถ้ำคือทางเดินที่ทอดยาวให้นักท่องเที่ยวเดินชมความงดงามของธรรมชาติได้สะดวก และมีระเบียงที่สามารถมองชมวิวภายนอกถ้ำได้อีกด้วย สำหรับการเดินขึ้นถ้ำนั้นก็ต้องขึ้นบันไดไป 100 กว่าขั้น เดินชิล ๆ แป๊บเดียวก็ถึง โดยมีค่าเข้าชม 15,000 กีบ
แลนด์มาร์กอีกอย่างหนึ่งของถ้ำจังคือสะพานสีส้ม โดยเป็นสะพานแขวนทอดข้ามลำน้ำเชื่อทางเดินระหว่างเมืองวังเวียงไปยังถ้ำจัง หากคุณจะเดินทางไปยังถ้ำจังควรหยุดแวะพักถ่ายรูปที่สะพานแห่งนี้กันด้วยนะ เพราะทิวทัศน์โดยรอบบอกเลยว่าสวยมาก
แม่น้ำซอง (Song River)
เป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านวังเวียง แม่น้ำมีความใสสะอาดเย็นสบายพร้อมด้วยความสวยงามของธรรมชาติทั้งสองฝั่ง เหมาะกับการนั่งชมบรรยากาศชิล ๆ ไฮไลท์ของแม่น้ำซองคือกิจกรรมพายเรือล่องตามลำน้ำและนั่งห่วงยางปล่อยกายปล่อยใจให้กระแสน้ำพัดไปเรื่อย ๆ ซึ่งบอกเลยว่าบรรยากาศฟินมาก ๆ ซึ่งการล่องห่วงยางในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 45 นาที เป็นระยะทางทั้งหมด 8 กิโลเมตร แต่ถ้าใครไม่อยากล่องห่วงยางก็สามารถนั่งชิลริมน้ำได้ เพราะมีร้านอาหาร – คาเฟ่ มากมายคอยให้บริการ
เที่ยวปากเซ-จำปาสัก 2567
ปากเซเป็นประตูสู่โซนลาวภาคใต้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าที่เที่ยวแถวนี้จะมีความโดดเด่นเรื่องธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังเดินทางง่ายเพราะสามารถข้ามชายแดนทางฝั่งด่านช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานีไปไม่นานก็ถึงปากเซแล้วเหมาะกับการแพลนเที่ยวลาวเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางจากปากเซไปเที่ยวที่อื่น ๆ ในแถบภาคใต้ของลาวได้สะดวก ซึ่งฤดูที่เหมาะกับการมาเที่ยวลาวแถบปากเซนั้นก็ต้องเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างเดือน กันยายน – พฤศจิกายน เพราะป่าจะเขียวชอุ่มมีน้ำในน้ำตกเยอะให้ถ่ายรูปสวย ๆ ที่เที่ยวลาวใต้มีสถานที่น่าสนใจดังนี้
น้ำตกตาดฟาน (Tad Fane Waterfall)
น้ำตกตาดฟานเป็นอีกหนึ่งความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป้นสถานที่ท่องเที่ยวลาวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วย โดยมีลักษณะคือเป็นน้ำตก 2 สาย ไหลลงจากหน้าผาสูง 120 เมตร สู่กลางหุบเขา นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงความสดชื่นของละอองน้ำท่ามกลางพันธุ์ไม้สีเขียวชอุ่มสมบูรณ์ หากวันไหนมีแดดออกส่องกระทบในมุมที่พอดีจะได้เห็นรุ้งกินน้ำด้วย ไฮไลท์ของการมาเที่ยวน้ำตกตาดฟานนี้คงหนีไม่พ้นการนั่งซิปไลน์ผ่านกลางน้ำตกเป็นระยะทาง 500 เมตร โดยซิปไลน์นั้นมีหลายแบบให้เลือก จะนั่งธรรมดา จะนั่งโต๊ะจิบกาแฟชิล ๆ หรือจะนอนไปเลยก็ได้ มีค่าบริการประมาณ 900,000 – 1,400,000 กีบ แล้วแต่แพ็กเกจ ซึ่งได้ทั้งความเสียวพร้อมความประทับใจในทิวทัศน์ของน้ำตกไปด้วยกัน ส่วนการเดินทางไปเที่ยวก็ทำได้ง่ายเพราะนั่งรถออกมาจากปากเซประมาณ 20 กิโลเมตรก็ถึงน้ำตกแล้ว
สี่พันดอน (Si Phan Don)
หากคุณนั่งรถจากปากเซลงมาบริเวณตอนใต้สุดของ สปป. ลาว คุณจะพบกับที่เที่ยวลาวทางธรรมชาติอันแสนมหัศจรรย์อย่างสี่พันดอน ซึ่งคำว่าดอน ในภาษาลาวแปลว่าเกาะ ดังนั้น สี่พันดอน จึงแปลว่า สี่พันเกาะนั่นเอง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่น้ำในแม่น้ำโขงลดปริมาณก็จะสามารถเห็นดอนขึ้นมามากมาย สี่พันดอนนั้นเกิดจากการที่แม่น้ำโขงไหลกัดเซาะแนวหินเป็นเวลาหลายพันปีทำให้เกิดเป็นเกาะแก่งต่าง ๆ หลายแห่ง
สี่พันดอนจะมีดอนหลัก ๆ ที่คนชอบเที่ยวคือ ดอนคอน เนื่องจากมีการไหลกัดเซาะของลำน้ำจนเกิดเป็นน้ำตกเล็ก ๆ คือ น้ำตกหลี่ผี ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงดอนพะเพ็งที่มีน้ำตกคอนพะเพ็งตั้งอยู่ มีความสวยงามจนได้รับฉายาว่า “ไนแองการาแห่งเอเชีย” เลยทีเดียว นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงดงามของสี่พันดอนจะต้องนั่งเรือมาเท่านั้น ซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ 20,000 กีบ/คน
ที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateau)
ที่มาของชื่อที่ราบสูงโบลาเวนนั้นมากจากกลุ่มชาวลาเวนที่เคยอาศัยอยู่ในช่วงโบราณ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดงหัวสาวใกล้กับเมืองปากเซ ที่ราบสูงแห่งนี้อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 – 1,350 เมตร อุดมไปด้วยธรรมชาติและต้นกำเนิดสายน้ำ-น้ำตกหลายแห่งอย่างน้ำตกตาดฟาน และน้ำตกตาดผาส้วม มีอากาศเย็นสบายตลอดปีเหมาะกับการท่องเที่ยวทุกช่วง
สำหรับกิจกรรมในที่ราบสูงโบลาเวนคือการเดินป่า ลัดเลาะชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ตะลุยเที่ยวน้ำตก และตั้งแคมป์ค้างแรม แม้ว่าเส้นทางจะมีความยากลำบาก แต่ความประทับใจตลอดเส้นทางบอกเลยว่าคุ้มค่าโดนใจนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์อย่างยิ่ง นอกจากนี้ที่ราบสูงโบลาเวนยังขึ้นชื่อเรื่องกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งคอกาแฟที่แท้จริงต้องไม่พลาดกับทริปเดินชมไร่กาแฟ พร้อมดื่มกาแฟดี ๆ ท่ามกลางป่าเขาแน่นอน เที่ยวลาวสายลุยมาที่นี้ไม่ผิดหวังชัวร์
น้ำตกตาดผาส้วม (Tad Pha Suam Waterfall)
หากกล่าวถึงน้ำตกที่งดงามของตามที่เที่ยวลาว นอกจากน้ำตกตาดฟานแล้ว ก็มีน้ำตกตาดผาส้วมที่งดงามไม่แพ้กัน โดยคำว่า “ส้วม” ในภาษาลาวนั้นไม่ได้หมายถึงห้องน้ำอย่างที่เรารู้จักกัน แต่ส้วมนั้นจะหมายถึงห้องเรือนหอ ด้วยลักษณะของน้ำตกตาดผาส้วมนั้นจะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงหน้าผาโค้งครึ่งวงกลม สายน้ำแต่ละเส้นที่ไหลผ่านแท่งหินทำให้ภาพรวมดูเหมือนห้องขนาดใหญ่เหมือนห้องส้วม(ของชาวลาว) นั่นเอง
ด้วยความโดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาถ่ายรูปสวย ๆ อยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีบ้านพักอุทยานสำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืนใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย
ปราสาทหินวัดพู (Vat Phou Temple complex)
แถบลาวตอนใต้ไม่ได้มีแต่ธรรมชาติที่สวยงามอย่างเดียว แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวลาวเชิงวัฒนธรรมอย่างปราสาทหินวัดพูด้วย ซึ่งปราสาทหินวัดพูนั้นถือว่าเป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญและยังขึ้นเป็นมรดกโลกอีกด้วย โดยปราสาทนั้นเป็นปราสาทศิลปะขอมโบราณสร้างขึ้นในสมัยเจ้ามเหนทรวรมัน ปี พ.ศ.ประมาณ 1200 ตามความเชื่อเรื่องเทวนิยมของศาสนาพราหมณ์ แต่พอช่วงอาณาจักรล้านช้างเรืองอำนาจแทนขอม ปราสาทหินวัดพูก็ถูกเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของพุทธแทน
ตัวปราสาทนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาพูห่างจากเมืองจำปาสักเล็กน้อย พื้นที่ปราสาทรายล้อมด้วยธรรมชาติให้บรรยากาศสวยงาม บนปราสาทสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองจำปาสักและพื้นที่โดยรอบอย่างชัดเจนเหมาะกับการเป็นจุดถ่ายภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชมจะมีค่าเข้าคนละ 50,000 กีบ
วัดพูสะเหลา (Wat Phou salao)
เที่ยวลาวแถวปากเซทั้งทีต้องแวะมานมัสการวัดพูสะเหลาเพื่อเป้นสิริมงคลสักหน่อย เป็นศาสนสถานสำคัญประจำเมืองปากเซ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงใกล้กับสะพานลาว-ญี่ปุ่น ในเมืองปากเซ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองที่อยู่บนเนินผาหันหน้าไปทางแม่น้ำโขงสามารถมองเห็นได้แต่ไกล นักท่องเที่ยวที่แวะมาสักการะจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองปากเซและแม่น้ำโขงได้โดยรอบ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดในบริเวณปากเซอีกด้วย
นอกจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วภายในวัดยังมีพระพุทธรูปองค์เล็กเรียงรายอยู่หลายร้อยองค์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแวะสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลรวมถึงถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกได้
เที่ยวลาว 3 วัน 2 คืน ใช้งบเท่าไหร่?
การเที่ยวประเทศลาวให้ได้ฟิลครบนั้นควรจัดทริปไปแบบ 3 วัน 2 คืน ซึ่งเป็นเวลากำลังดี เที่ยวได้ครบไม่ต้องทำเวลามาก แต่ก็ไม่ได้อยู่นานจนฟุ่มเฟือยเกินไป สำหรับปี 2023 นี้ ค่าเงินบาทไทยแข็งตัวกว่าค่าเงินกีบของประเทศลาวอย่างมาก ทำให้งบประมาณที่เที่ยวลาวนั้นไม่แพงอย่างที่คิด เมื่อเทียบกันแล้วจะใช้เงินประมาณใกล้เคียงกับที่คุณใช้ท่องเที่ยวในประเทศไทยเลย ซึ่งการท่องเที่ยวประเทศลาวให้เตรียมงบดังนี้
- ค่าเดินทางเข้าประเทศลาว ขึ้นกับว่าคุณเดินทางแบบไหนหากเดินทางด้วยเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบินแบบไม่โปรฯ ไป – กลับ จะราคาประมาณ 3,000 บาท แต่ถ้าคุณเดินทางด้วยรถยนต์สาธารณะจะใช้เงินประมาณ 500 – 1,000 บาท
- ค่ากิน โดยรวมแล้วค่าอาหารราคาสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศลาวจะแพงกว่าอาหารทั่วไปในประเทศไทยเล็กน้อย โดยเฉลี่ยแล้วตกอยู่ที่มื้อละ 150 – 200 บาท (ของหลายอย่างนำเข้าจากไทยจึงบอกราคาไปเล็กน้อย)
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ จะตกอยู่ที่ประมาณ 40 บาท
- ค่าที่พักคืนละประมาณ 1000 – 1500 บาท ต่อคืน / ต่อคน พักสองคืนก็ตกคนละประมาณ 2,000 – 3,000 บาท
- ค่าเดินทางในประเทศ แนะนำเหมารถเที่ยวจะได้ใช้เวลาเต็มที่ ตกอยู่ที่ราคาประมาณ 1,000-2,000 บาท
- ช้อปปิ้ง – ซื้อของ ควรพกเงินติดมาคนละประมาณ 1,000 บาท
หมายเหตุ – ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามค่าเงินและกาลเวลา ตลอดจนการใช่จ้ายส่วนบุคคล
สรุปแล้วเที่ยวลาว 3 วัน 2 คืน แบบชิล ๆ ไม่ลำบากมากจะตกอยู่ที่คนละประมาณ 5,750 – 10,000 บาท เรียกได้ว่าไม่แพงจนเกินไป และคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้รับ และถ้ายิ่งคุณมีเพื่อนร่วมทางไปก็จะช่วยหารค่าเหมารถและค่าที่พักได้อีก ยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลงกว่านี้มาก
ไปเที่ยวลาวควรเที่ยวช่วงไหนดี?
สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวลาวในแถบลาวตอนเหนืออย่างหลวงพระบางหรือเวียงจันทร์ เราขอแนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาวดีที่สุด ประมาณเดือน ธันวาคม – มกราคม เพราะเป็นช่วงอากาศกำลัง เย็นสบาย สามารถสัมผัสลมหนาวได้ไม่ต่างจากแถบภาคเหนือของประเทศไทย แต่ถ้าคุณต้องการไปเที่ยวช่วงลาวตอนใต้อย่างปากเซ-จำปาสัก ต้องการสัมผัสผืนป่าที่เขียวชอุ่มและสายน้ำอันเย็นชื่นใจ เราก็ขอให้แนะนำไปช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างช่วงเดือน กันยายน – พฤศจิกายน เนื่องจากเป็นช่วงหมดฝนพอดี แต่ก็ยังมีความชุ่มชื้นจากธรรมชาติอยู่ ป่าจะยังคงมีความเขียวสด และน้ำตกก็มีน้ำไหลสวยงาม
สุดท้ายนี้ หากคุณเลือกที่จะไปเที่ยวลาวแล้วสิ่งสำคัญสุดท้ายที่น้องแคร์ อยากฝากให้นึกถึงก็คือประกันเดินทาง เนื่องจากเป็นการเดินทางออกนอกประเทศ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันล้มป่วยขณะเดินทาง หรือเกิดอุบัติเหตุ คุณจะได้มีค่ารักษา สามารถนอนโรงพยาบาลที่ สปป. ลาวได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ไม่ต้องลำบากตระเวนหายาหรือโรงพยาบาลในต่างแดน
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น