ส่องค่าใช้จ่ายโฮมสคูล ประหยัดกว่าไปโรงเรียนจริงหรือ?
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหลังจากการมาถึงของโรคโควิด-19 ทำให้โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศเรียนออนไลน์ติดต่อกันเป็นระยะยาวนาน และอาจไม่ตอบโจทย์ในแง่การศึกษา จึงไม่แปลกที่ผู้ปกครองหลาย ๆ คน ให้ความสนใจกับการเรียนการสอนอย่างโฮมสคูลมากยิ่งขึ้น มีหลายกระแสปากต่อปากบอกว่าการเรียนแบบนี้ประหยัดเสียยิ่งกว่าการไปเรียนโรงเรียน ไม่ต้องมองคอยหาเงินด่วนทุกครั้งที่เปิดเทอม แถมลูกหลานยังเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้นด้วย!
เรื่องนี้จริงหรือเปล่านะ? หากสนใจจะต้องเริ่มต้นอย่างไร มีค่าใช้จ่ายอะไรที่แตกต่างไปจากการเข้าเรียนโรงเรียนปกติบ้างหรือเปล่า? แล้วจะต้องขอสินเชื่อไม่มีหลักประกันไหม? ตาม แรบบิท แคร์ มาเลย!
พาลูกเรียนโฮมสคูล ทางเลือกการศึกษาที่น่าสนใจ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วกับ การศึกษาที่เรียกว่า โฮมสคูล (Home School) อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการศึกษา ที่มีจุดเด่นคือผู้เรียนสามารถเรียนอยู่ที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนเสมอไป มีความยืดหยุ่นในการเรียนสูง นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก
โฮมสคูลสามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือบุคคลในครอบครัว เป็นผู้ดูแลรวมถึงวางแผนการศึกษาให้กับเด็กผู้เรียน นอกจากนี้ หลายคนมักจะคิดว่าโฮมสคูลมีการเรียนการสอนรูปแบบเดียว แต่แท้จริงแล้ว โฮมสคูล สามารถแบ่งได้อีกหลายแบบ ดังนี้
- โฮมสคูลแบบกลุ่ม
เป็นการเรียนการสอนที่ทางผู้ปกครองเป็นคนจัดหลักสูตรการเรียนเอง และได้มีการนัดรวมกลุ่มกับครอบครัวที่ทำโฮมสคูลแบบเดียวกันบ้างในบางโอกาส เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรม และฝึกการเข้าสังคมพร้อมกับเด็กวัยเดียวกัน
- โฮมสคูลแบบรวมศูนย์
เป็นการรวมกลุ่มผู้ปกครองที่ทำโฮมสคูลในจำนวนที่ใหญ่ขึ้น เพื่อปรึกษาหารือและช่วยกันออกแบบวิธีการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุดในทุก ๆ พัฒนาการ และมีการจัดอีเวนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง เช่น การเดินสำรวจนอกสถานที่ หรือการจัดปาร์ตี้ กิจกรรมต่าง ๆ หรือการเข้าค่าย เป็นต้น
- โฮมสคูลแบบร่วมกับทางโรงเรียน
ทางโรงเรียนคอยช่วยเหลือ สนับสนุน สื่อการเรียน หรือสถานที่ให้เด็ก ๆ ใช้ทดลองทำกิจกรรม และอาจมีการพาเด็ก ๆ ไปออกทริปทัศนศึกษาร่วมกับนักเรียนคนอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาได้ทำความรู้จัก และคุ้นชินกับเพื่อนใหม่อีกด้วย
- โฮมสคูลแบบออนไลน์
เป็นการเรียนที่บ้าน โดยใช้หลักสูตรและเนื้อหาภาษาอังกฤษของต่างประเทศ แต่ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับการลงคอร์สหรือหลักสูตรการเรียนของแต่ละแห่งด้วย
จากรูปแบบของการเรียนโฮมสคูลข้างต้น เราจะเห็นได้ว่าไม่จำเป็นจะต้องเรียนที่บ้านเสมอไป! เพราะผู้ปกครองสามารถยืดหยุ่นหลักสูตร ปรับเปลี่ยนได้ตามความสนใจของผู้เรียนตลอดเวลา
เช่น อาทิตย์นี้อาจจะเรียนอยู่บ้าน แต่อาทิตย์ต่อไป ผู้ปกครองอาจนัดรวมกลุ่มกันเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือเดือนถัดไปจะจ้างคุณครูเฉพาะทางมาให้ความรู้โดยเฉพาะ หรือบางครอบครัวจะคอร์สเรียนจากทางหลักสูตรต่างประเทศ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
โฮมสคูลกลับมาได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เนื่องจากการเรียนแบบออนไลน์ทำให้เด็กหลายคนพบกับปัญหาการเรียนไม่เข้าใจ และหลักสูตรต่าง ๆ ที่ไม่ตอบโจทย์ ไม่ตรงต่อความในใจ ทำให้หลายครอบครัวเริ่มมองรูปแบบการศึกษาใหม่ที่ตอบโจทย์ และเอื้อประโยชน์ต่อลูกหลานของตนมากยิ่งขึ้นอย่างโฮมสคูลนี่เอง!
อยากเรียนโฮมสคูลบ้าง เริ่มต้นอย่างไรดี?
โฮมสคูลสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุครบ 7 ปี หรือระดับ ป.1 แต่มีเงื่อนไขว่า ทางผู้ปกครองจะต้องทำการจดทะเบียนกับเขตการศึกษาดเพื่อแจ้งความประสงค์ให้ลูกหลานเรียนแบบโฮมสคูลให้เรียบร้อยเสียก่อน และจะต้องมีการประเมินทุกครั้งเพื่อให้มั่นใจได้ว่า เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาครบตามหลักสูตรที่กระทรวงฯได้กำหนดไว้ตามสิทธิ์ที่เด็ก ๆ พึงได้รับนั่นเอง
การจะเริ่มต้นเรียนโฮมสคูลได้นั้น ผู้ปกครองจะต้องทำการจดทะเบียนการศึกษาแจ้งขออนุญาตในเขตที่เราอาศัยอยู่กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และวางแผนการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาตามภูมิลำเนา
ส่วนการเรียนในระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ให้ยื่นขออนุญาตจดทะเบียนจัดการศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา หรือจะลงทะเบียนกับ กศน. หรือการจัดการศึกษาทางไกลก็ได้เช่นกัน
ซึ่งแผนการศึกษาแบบโฮมสคูลนั้น จะต้องมีส่วนประกอบ ดังต่อไปนี้
- องค์ความรู้ ขอบเขตเนื้อหาทางวิชาการ โดยต้องอิงจากหลักสูตรต่าง ๆ ที่ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำหนดไว้
- ต้องวางแผนกระบวนการ และวิธีการเรียนรู้
- กิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ เช่น เข้าร่วมกลุ่มโฮมสคูล หรือค่ายกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าสังคม
นอกจากหลักสูตรการเรียนที่ต้องออกแบบเองแล้ว ผู้ปกครองยังต้องทำการบันทึกผลลัพธ์ จัดเก็บแฟ้มผลงานของเด็ก ๆ ที่เรียนโฮมสคูลในแต่ละเทอม เพื่อส่งต่อให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทำการประเมินในแต่ละครั้ง หากมีส่วนไหนตกหล่นไป ทางสำนักงานเขตฯจะให้คำแนะนำเพิ่มเติม และต้องมีการเสริมในการเรียนแผนครั้งหน้าด้วย
ส่วนใครที่กังวลว่า เมื่อเรียนโฮมสคูลแล้ว เด็ก ๆ จะไม่มีผลสอบไว้เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ก็ไม่ต้องกังวล เพราะผู้ปกครองสามารถให้ลูกหลานสอบเทียบด้วยวุฒิการศึกษาได้ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เช่น GED หรือ IGCSE & A Level โดยที่จะมีการประเมินจากเขตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งจะสามารถนำวุฒิการศึกษาไปใช้เรียนต่อในระบบ หรือนำวุฒิการศึกษาไปสอบเข้าเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย หรือต้องรีบขอสินเชื่อออนไลน์ หรือมองหาเงินด่วนขนาดนั้น เพราะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะให้เงินอุดหนุนการศึกษาไปจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ผู้ปกครองบริหารจัดการได้เอง ทั้ง ค่าหนังสือเรียน, ค่าอุปกรณ์การเรียน หรือค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ ผู้ปกครองจะต้องมีเวลาในการดูแลเรื่องการเรียนของเด็ก ๆ ที่ต้องเรียนโฮมสคูลอยู่ไม่น้อย ดังนั้น คุณอาจจะต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าตนมีเวลาที่เพียงพอหรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการสอน จัดหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือเท่านั้น คุณยังต้องคอยจัดการเรื่องหลักสูตรการเรียน และกิจกรรมอื่น ๆ ให้กับลูกอย่างสม่ำเสมอด้วย
แล้วแบบนี้เรียนโฮมสคูล ประหยัดจริงไหม?
จากที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากโฮมสคูลนั้น ไม่จำเป็นจะต้องไปโรงเรียน ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของเครื่องแบบนักเรียน ส่วนค่าเทอม หรือค่าซ่อมบำรุงสถานศึกษาก็จะได้คืนกลับมาในฐานะของเงินอุดหนุนการศึกษาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามงบที่ถูกกำหนดมา ทำให้หลายคนมองว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ไต้องหัวหมุน คอยมองหาสินเชื่อรถแลกเงิน หรือสินเชื่อออนไลน์เพื่อมาจ่ายค่าเทอม หรือต้องนำข้าวของในบ้านไปจำนำเพื่อจ่ายค่าเครื่องแบบนักเรียน
แต่การเรียนแบบโฮมสคูลเองก็ใช่ว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย โดยมีการประเมินค่าใช้จ่าย อ้างอิงจากข้อมูลงบประมาณเงินอุดหนุนจากภาครัฐที่จะมีให้สำหรับผู้ที่จดทะเบียนการเรียนโฮมสคูล กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณไว้ ดังนี้
- อนุบาล มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 8,000 – 9,000 บาท
- ประถมศึกษา มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 9,000 – 10,000 บาท
- มัธยมศึกษาตอนต้น มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 10,000 – 13,000 บาท
- มัธยมศึกษาตอนปลาย มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 13,000 – 14,000 บาท
- มัธยมศึกษาตอนปลาย (วุฒิต่างประเทศ GED) มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ จากค่าสอบ 2,400 – 2,600 บาท/วิชา และ ค่าขอเอกสารวุฒิ ทรานสคริป 3,800 – 4,000 บาท
- มัธยมศึกษาตอนปลาย (วุฒิต่างประเทศ IGCSE & A Level) ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ค่าสอบ 5,000 – 8,000 บาท/วิชา
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเรียนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเรียนที่สถาบันใด สมัครสอบในวุฒิอะไร และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ใดบ้าง
โดยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ค่าใช้จ่ายของการเรียนโฮมสคูลนั้น จริงอยู่ที่เราจะได้เงินสนับสนุนด้านการศึกษามา แต่ก็มีงบประมาณที่ยังคงจำกัด เมื่อเทียบกับรายจ่ายที่ไม่น้อยไปกว่าการไปโรงเรียนเลย ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายในเรื่องหลักสูตรการสอน เช่น จ้างครูสำหรับวิชาพิเศษ หรือการลงเรียนคอร์สต่าง ๆ
หรือค่าใช้จ่ายอาจมาในรูปแบบของค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์, แท็บแล็ค รวมไปถึง รูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับเด็ก ๆ เช่น ค่ากิจกรรมนันทนาการลูก ๆ กับกลุ่มผู้เรียนโฮมสคูลอื่น ๆ , ค่าขนมใช้จ่ายส่วนตัวของลูก ที่ต้องให้ไว้เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้การบริหารเงินส่วนตัว เป็นต้น
แต่ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะไม่แตกต่างจากการไปเรียนโรงเรียนธรรมดา แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ข้อดีของโฮมสคูลนั้นมีมากมาย ที่สำคัญ ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถจัดสรรค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูกหลานได้ง่าย เงินทุกบาทสามารถลงทุนในด้านการศึกษาได้อย่างเต็มที่ และหากบริหารให้ดี นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ลูกหลานของเรายังได้รับการเรียนที่ดี มีคุณภาพเทียบเท่าได้กับทางหลักสูตรต่างประเทศอีกด้วย!
แต่ไม่ว่าจะการเรียนตามโรงเรียนทั่วไป หรือโฮมสคูล จะค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ก้อนโตอย่างไร ก็หมดกังวล เมื่อคุณเลือกสินเชื่อออนไลน์กับ แรบบิท แคร์!1
ที่นี้ นอกจากจะมีบริการให้คำแนะนำ และบริการเปรียบเทียบหาเงินด่วนแล้ว ยังมีบริการสินเชื่อด้านการเงินอื่น ๆ อีกมากมาย ให้ทุกปัญหาด้านการเงินของคุณผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อรถแลกเงิน พร้อมผ่อนยาว รถยังมีขับ หรือจะเป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ด้วยดอกเบี้ยที่จับต้องได้ เพราะการศึกษาของลูกหลานไม่ใช่เรื่องที่รอได้ คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct