
ดัชนี S&P500 คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจสำหรับเหล่านักลงทุน
‘เจ๊งในกระดาษ’ คำศัพท์ที่อาจค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ความจริงแล้วคำว่าเจ๊งในกระดาษนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ซึ่งต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจหรือว่าที่เจ้าของกิจการต่าง ๆ ควรที่จะรู้จักกันไว้และทำความคุ้นเคยกับการเจ๊งในกระดาษกันไว้ให้ชิน เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีธุรกิจ SME หน้าใหม่ผุดขึ้นมากมายในวงการธุรกิจรวมถึงยังมีธุรกิจมากมายที่ไม่ได้ไปต่ออย่างที่มุ่งหวังไว้ ซึ่งสาเหตุของการไม่ได้ไปต่อหลายครั้งก็มักมาจากการที่ยังไม่ได้ลองเจ๊งในกระดาษดูซะก่อน
ดังนั้นวันนี้ แรบบิท แคร์ จึงเลือกที่จะนำแนวคิดในการเจ๊งในกระดาษมานำเสนอและแนะนำให้ว่าที่เจ้าของกิจการหลาย ๆ คนได้รู้จักกันดู จะได้รู้และลดโอกาสเจ๊งในชีวิตจริงได้นั่นเอง
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ๊งในกระดาษ’ แน่นอนว่าหลายคนที่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจมานานก็อาจจะไม่คุ้นเคยกับวลีนี้เท่าไหร่นัก ซึ่งความจริงแล้วนั้นการเจ๊งในกระดาษไม่ได้มีความหมายแฝงซับซ้อนอะไรมากมายแบบที่หลายคนคิด แต่เป็นแนวคิดที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ แปลความหมายได้ตรงตัวตามชื่อ นั่นก็คือการลองเจ๊งลงบนแผ่นกระดาษ หรือการลองดูซิว่าการทำธุรกิจของเราในครั้งนี้นั้นจะเจ๊งหรือไม่ ซึ่งหากจะเจ๊งก็ให้เจ๊งในกระดาษไป ไม่ต้องมาเจ๊งในชีวิตจริงนั่นเอง
สำหรับการเจ๊งในกระดาษนั้นในด้านรายละเอียดจะเป็นการคิดวางแผนธุรกิจอย่างรอบด้าน ตั้งแต่แนวคิดในด้านการบริหาร คอนเซปต์ต่าง ๆ รวมไปถึงกลยุทธ์ที่จะเลือกใช้ในธุรกิจทั้งหมดที่ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน มีการคำนวณต้นทุน กำไรที่จะได้รับ ความเสี่ยงในการขาดทุนต่าง ๆ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการวางแผนและทดลองทำธุรกิจที่ได้วางแผนไว้ลงในกระดาษ ซึ่งจะสามารถช่วยให้เรามองภาพรวมของธุรกิจรวมถึงผลลัพธ์ในการทำธุรกิจได้อย่างรอบด้าน ว่าการลงทุนทำธุรกิจครั้งนี้จะรุ่งหรือร่วง ซึ่งแน่นอนว่าหากลองคิดวางแผนเป็นที่เรียบร้อยแล้วการทำธุรกิจตามแผนที่วางไว้เมื่อคำนวณออกมาแล้วสามารถสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืนเราก็จะสามารถนำแผนดังกล่าวไปดำเนินการทำธุรกิจต่อได้ แต่หากผลลัพธ์ออกมาดูแล้วไม่ไหว คำนวณในกระดาษดูแล้วขาดทุนแทนที่จะได้กำไร นั่นก็หมายความว่าคุณได้เจ๊งในกระดาษไปแล้วนั่นเอง
บางคนอาจตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องเจ๊งในกระดาษด้วย ก็แค่ลงทุนทำธุรกิจง่าย ๆ ซื้อมาขายไป ลองคิดเล่น ๆ ในสมองแล้วน่าจะรอดก็ลงมือทำไปเลยก็ได้ ค่อยแก้ปัญหาหน้างานเอา จริง ๆ แล้วความคิดเช่นนี้ไม่ได้ผิดเสียทีเดียวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นวิธีคิดในการทำธุรกิจที่ไม่รอบคอบและมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเจ๊งในท้ายที่สุด เพราะแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่คิดเก่ง คิดไว และสามารถจัดระเบียบความคิดได้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่แน่นอนว่าในการทำธุรกิจธุรกิจหนึ่งนั้นมีองค์ประกอบที่หลากหลาย อีกทั้งแน่นอนว่าหลายครั้งจะต้องมีการทำงานร่วมกับคนมากมาย มีลูกน้องที่มีระดับความสามารถหลากหลายที่ต้องสั่งงานและมอบหมายงานให้
จุดนี้นอกจากการเจ๊งในกระดาษนั้นจะให้เจ้าของธุรกิจสามารถมองภาพรวมของธุรกิจในมุมกว้างได้อย่างรอบคอบทุกมิติและไม่เผลอตัวลืมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปแล้ว เมื่อตัดสินใจนำแผนธุรกิจนั้นไปดำเนินการต่อ ก็สามารถใช้แผนดังกล่าวนั้นไปแจกจ่ายงานและมอบหมายงานให้กับลูกจ้างหรือพนักงานที่ต้องร่วมงานด้วยได้นั่นเอง และด้วยเหตุนี้ก็จะทำให้ลดโอกาสในการเจ๊งด้วยการอุดช่องว่างจากทางต่าง ๆ ได้อย่างรัดกุม
ในส่วนของข้อดีของการเจ๊งในกระดาษนั้นก็มีอยู่มากมายหลายประการอย่างที่หลายคนอาจไม่ทันที่จะนึกถึง โดยข้อดีของการเจ๊งในกระดาษนั้นมีดังนี้
ข้อดีของการเจ๊งในกระดาษเหล่านี้ถือเป็นข้อดีที่ถือว่าสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจ เพราะแน่นอนว่าเมื่อเริ่มทำธุรกิจกันแล้ว ลงแรง ลงใจ ลงเงินทุนไปมากมาย ย่อมไม่มีใครอยากให้ธุรกิจของตนเองนั้นไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
แรบบิท แคร์ หวังว่าการนำข้อมูลเกี่ยวกับการเจ๊งในกระดาษมาแชร์ให้ทุกคนได้รู้จักกันจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนได้บ้าง ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าในการทำธุรกิจนั้นเราจะต้องศึกษาข้อมูลรวมถึงมีการเพิ่มพูนองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับตนเองอยู่เสมอ สำหรับว่าที่เจ้าของธุรกิจทั้งหลายที่ยังไม่มั่นใจว่าตนเองมีความรู้ทางด้านการทำธุรกิจกันดีหรือไม่ สามารถสมัครบัตรเครดิต กับ แรบบิท แคร์ ไว้ไปใช้รูดจ่าย สมัครคอร์สเรียนและซื้อหนังสือที่น่าสนใจมาอ่านเพิ่มพูนความรู้กันได้เลย!
‘เจ๊งในกระดาษ’ คือ การลองเจ๊งลงบนแผ่นกระดาษ หรือการทดลแงว่าการทำธุรกิจของเราในครั้งนี้นั้นจะเจ๊งหรือไม่ หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าเป็นการคิดวางแผนธุรกิจอย่างรอบด้าน ตั้งแต่แนวคิดในด้านการบริหาร คอนเซปต์ต่าง ๆ รวมไปถึงกลยุทธ์ที่จะเลือกใช้ในธุรกิจทั้งหมดที่ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน มีการคำนวณต้นทุน กำไรที่จะได้รับ ความเสี่ยงในการขาดทุนต่าง ๆ นั่นเอง
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
บทความแคร์การลงทุน
ดัชนี S&P500 คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจสำหรับเหล่านักลงทุน
รู้จักกับ ดัชนี Dow Jones ทำไมนักลงทุนต้องจับตามอง?
รวมวิธีที่จะเพิ่มโอกาสในการหลุดพ้นจากการ ‘ติดดอย’ ได้มากยิ่งขึ้น!