ตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ รู้จักการ Rebranding ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกิจ ?
Rebranding คำศัพท์ทางการตลาดที่เรามักเคยได้ยินกันมาบ้างแต่อาจยังไม่มีความเข้าใจว่าคำคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร รวมถึงไม่ทราบว่าการ Rebranding มีความสำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกิจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการที่หลายแบรนด์สามารถยืนหยัดอยู่ในวงการธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งในปัจจุบันนี้ได้ก็มาจากการ Rebranding ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังเริ่มทำธุรกิจเป็นของตนเอง หรือเริ่มทำธุรกิจมาได้สักพักแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ก็สามารถลองทำความรู้จักการ Rebranding กันไว้ได้ โดยเริ่มต้นจากข้อมูลที่ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้เลย
Rebranding คืออะไร ?
สำหรับความหมายของการ Rebranding นั้น การรีแบรนด์ดิ้งมากจากคำว่า Branding ซึ่งก็คือการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรหรือธุรกิจนั้น ๆ ว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นใคร เป็นภาพลักษณ์อย่างไร มีความโดดเด่น หรือคาแรกเตอร์ที่แตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ อย่างไร มีชื่อว่าอะไร สีอะไร Rebranding Logo ที่ใช้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมองแบรนด์ดังกล่าวและจดจำว่าเป็นแบบไหน และการ Rebranding ก็คือการเติมคำว่า Re ซึ่งมีความหมายว่าการทำใหม่ ทำซ้ำ เริ่มทำใหม่ เมื่อรวมกันเป็น Rebranding จึงสื่อถึงการที่แบรนด์ได้ทำการปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ซึ่งจะมีการพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้นและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตนเองได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง
การ Rebranding สำคัญอย่างไร ?
เมื่อพูดถึงความสำคัญของการ Rebranding การ Rebranding ถือเป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญมากต่อการสื่อสารการตลาด ที่ส่งผลทางตรงต่อการยืนหยัดของแบรนด์ในตลาดการแข่งขันที่มีคู่แข่งจำนวนมาก เพราะเป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์ วิธีการสื่อสาร ไปจนถึงรูปแบบแนวทางการบริหารเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและเข้าถึงได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงสามารถสร้างภาพจำที่ครองใจกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ข้อดีของการ Rebranding
หลังจากที่ได้ทราบความสำคัญซึ่งถือเป็นจุดประสงค์หลักของการ Rebranding ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามาดูข้อดีของการ Rebranding อย่างละเอียดว่ามีอะไรบ้าง
- ช่วยสร้างตัวตนให้เป็นที่จดจำต่อกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดิมได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยทำให้แบรนด์มีความแข็งแรง ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้สามารถเอาชนะคู่แข่งทางการตลาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวทั้งในส่วนของทางแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย
- ช่วยปรับให้แบรนด์เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
- ช่วยเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
ข้อดีเหล่านี้ถือเป็นเพียงข้อดีหลัก ๆ ที่จะได้จากการ Rebranding ซึ่งก็นับว่ามีข้อดีหลากหลายประการซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจของเราเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นหากใครต้องการรีแบรนด์ดิ้งบอกเลยว่าหากคิดและวางแผนให้ดีก็ถือเป็นการลงทุนลงแรงที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน
เมื่อไหร่ที่ควรทำการ Rebranding
ในความเป็นจริงแล้วในการ Rebranding ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาหรือช่วงเวลาที่ตายตัวในการบอกว่าควรหรือไม่ควรทำการรีแบรนด์ แต่โดยส่วนมากนั้นการ Rebranding มักจะทำขึ้นเมื่อทางแบรนด์ต้องการที่จะทำการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น
- ต้องการเปลี่ยนตราสินค้าหรือโลโก้
- ต้องการเปลี่ยนสีของแบรนด์
- ต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์
- ต้องการแตกไลน์สินค้าหรือบริการ
- ต้องการทำให้แบรนด์มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
- ต้องการสร้างจุดยืนหรือภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ต้องการเจาะตลาดหรือฐานลูกค้าใหม่ ๆ
ซึ่งหากสำรวจธุรกิจของตนเองดูแล้วพบว่าธุรกิจที่กำลังอยู่นั้นมีความต้องการเหล่านี้ โดยมากแล้วก็จะทำการ Rebranding กันในลำดับถัดไป ทั้งนี้การ Rebranding นั้นจะต้องใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาตลาดและกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงวางกลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจ ว่าการรีแบรนด์ครั้งนี้จะส่งผลให้ธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีกว่าเดิม
อยาก Rebranding ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
แน่นอนว่าสำหรับการ Rebranding นั้นไม่ใช่พูดว่าจะทำก็สามารถทำเลยทันทีได้ จะต้องมีการเตรียมตัวเตรียมการมากมาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
- ต้องรู้จุดประสงค์ของการ Rebranding : การรู้จุดประสงค์ในการรีแบรนด์ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเมื่อทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัดก็จะสามารถวางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อทำให้จุดประสงค์ดังกล่าวเป็นจริงได้อย่างตรงจุดนั่นเอง
- ศึกษากลุ่มเป้าหมายอย่างรอบคอบ : สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของการ Rebranding ก็คือการศึกษากลุ่มเป้าหมายให้รอบคอบและรอบด้านยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องไม่ลืมว่าหลายครั้งที่แบรนด์ไม่ประสบความสำเร็จมากพอจนต้องหันมาพึ่งการรีแบรนด์ก็อาจเป็นเพราะยังศึกษากลุ่มเป้าหมายได้ไม่ดีพอนั่นเอง
- มองภาพรวมและผลลัพธ์เชิงบวกที่จะได้ในระยะยาว : ก่อนทำการรีแบรนด์จะต้องมองภาพรวมทั้งหมดให้ชัดรวมถึงคำนึงถึงผลลัพธ์เชิงบวกที่จะได้ในระยะยาว เพื่อการวางแผนและเลือกใช้กลยุทธ์ที่ดีและเหมาะสมที่สุด เนื่องจากในการ Rebranding นั้น นอกจากจะต้องใช้ทรัพยากรบุคคลและใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูงแล้ว การรีแบรนด์ดิ้งบ่อย ๆ อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนและเกิดเป็นผลเสียกับแบรนด์ ดังนั้นจึงควรวางแผนระยะยาวอย่างระมัดระวังรอบคอบ และทำการรีแบรนด์ดิ้งรอบเดียวให้อิมแพคและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อแบรนด์นั่นเอง
และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนจะต้องเตรียมตัวกันให้ดีก่อนเริ่มลงมือ Rebranding ไม่อย่างนั้นการปรับโฉมแบรนด์ใหม่ในครั้งนี้คงส่งผลลัพธ์ที่ไม่ดี และทำให้ต้องเสียทั้งเวลาเสียทั้งงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์จนต้องมานั่งเสียดาย
ขั้นตอนในการ Rebranding
หลังจากที่ได้ทราบสิ่งที่จะต้องเตรียมตัวก่อนการทำการรีแบรนด์ไปแล้วหลายคนก็คงต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการ Rebranding ซึ่งการ Rebranding ก็จะมีขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
- กำหนดกลยุทธ์การรีแบรนด์ให้ชัดเจน ไม่เปลี่ยนเพียงจุดใดจุดหนึ่ง : ในการรีแบรนด์นั้นจำเป็นที่จะเริ่มปรับเปลี่ยนตั้งแต่รากฐานตลอดจนองค์ประกอบต่าง ๆ ในการสร้างแบรนด์ดิ้ง ควรปรับทุกอย่างให้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น สร้างความชัดเจนให้กับแบรนด์ ไม่เปลี่ยนเพียงจุดเล็ก ๆ บางจุดเพียงจุดเดียวเพราะจะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้นั่นเอง
- ทำการรีแบรนด์ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก : ในการรีแบรนด์ดิ้งที่ดีที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จได้นั้นจะต้องเป็นการเริ่มจากภายในองค์กร ซึ่งทุกคนจะต้องมีความเชื่อมั่นและจุดยืนจุดเดียวกัน เพื่อส่งต่อความเชื่อมั่นของจุดยืนใหม่จนสร้างแรงจูงใจสู่ภายนอกเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
- ทำการสื่อสารให้ชัดเจน : แน่นอนว่าเมื่อทำการรีแบรนด์แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำก็คือการสื่อสารออกไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือผู้บริโภคให้ชัด เพื่อที่จะให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้และจดจำแบรนด์ในรูปโฉมใหม่ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำนั่นเอง
และนี่ก็คือขั้นตอนต่าง ๆ ในการรีแบรนด์ดิ้ง ซึ่งแม้จะดูมีเพียงไม่กี่ข้อและทำไม่ยากแต่เมื่อต้องนำไปปฏิบัติจริงกลับนับว่าเป็นงานใหญ่ ที่ทุกคนในองค์กรต้องช่วยกันทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อที่จะให้การรีแบรนด์ดิ้งประสบความสำเร็จและก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
Rebranding ช่วยให้ธุรกิจพลิกฟื้นขึ้นมาได้จริงไหม ?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าการ Rebranding นั้นจะสามารถทำให้ธุรกิจที่มีผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือธุรกิจที่กำลังซบเซาสามารถพลิกฟื้นขึ้นมาติดตลาดในวงกว้างได้หรือไม่ คำตอบคือสามารถช่วยได้ โดยสิ่งสำคัญก็คือก่อน Rebranding นั้นจะต้องทำการบ้านและวางแผนในการ Rebranding ให้ออกมาตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถครองใจฐานลูกค้าของเราได้และช่วยทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ดีกว่าที่เคยนั่นเอง
สำหรับใครที่ทำการศึกษากลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมและวางแผนการ Rebranding ที่แน่ชัดได้แล้วแต่ยังไม่มีเงินทุนในการนำไปเปลี่ยนโฉมใหม่แบรนด์ธุรกิจของตนเองก็สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคล กับ แรบบิท แคร์ ได้ กู้ผ่านง่าย ไม่ต้องหนักใจ มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาดูแล
และข้อมูลเหล่านี้ก็ถือเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการ Rebranding ซึ่งผู้ที่กำลังทำธุรกิจอยู่ควรรู้เอาไว้ เพราะนับเป็นอีกกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ เผื่อวันไหนจำเป็นต้องนำไปใช้ ศึกษาเอาไว้ก่อนไม่เสียหายอย่างแน่นอน
สรุป
Rebranding (รีแบรนด์ดิ้ง) คือ หนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาด เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์ วิธีการสื่อสาร ไปจนถึงรูปแบบแนวทางการบริหารเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว rebranding ไม่ได้จำกัดระยะเวลาที่แน่นอนว่าเมื่อไรควร rebranding แต่จะไปเน้นว่าเมื่อใดที่คุณต้องการเปลี่ยนตราสินค้าหรือโลโก้, เปลี่ยนสีแบรนด์, แตกไลน์สินค้าหรือบริการ, เปลี่ยนรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณควรเตรียมตัวให้ดี วางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้การรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้ได้ผลสูงสุดด้านการตลาดนั่นเอง
ที่มา
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
