รู้จักกับ กราฟแท่งเทียน พร้อมวิธีอ่านและจุดซื้อขายง่าย ๆ



ถ้าคุณเริ่มต้นลงทุนในหุ้นหรือคริปโต เชื่อได้ว่าอาจจะเคยได้ยินคำว่า กราฟแท่งเทียน มาบ้าง ไม่มากก็น้อย ต้องเคยผ่านหูมาบ้าง แล้วแบบนี้สำคัญมากน้อยยังไง ถ้าอยากเริ่มต้นอ่านกราฟดูจะต้องเริ่มอย่างไรกันนะ
วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับ กราฟแท่งเทียน ขาขึ้น, แท่งเทียนกลับตัว, จุดซื้อขาย และวิธีอ่านกราฟอย่างง่าย ๆ มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันดีกว่า
กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) คืออะไร? และวิธีดูกราฟ
กราฟแท่งเทียน คือ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมใช้ เพราะสามารถบอกพฤติกรรมของราคาหุ้นในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างชัดเจน และยังใช้จับสัญญาณกลับตัวของราคาได้ ด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถบอกเล่าเรื่องราวการเคลื่อนไหวของราคาได้ภายในแท่งเดียว ทำให้การอ่านแท่งเทียนกลายเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจ จุดซื้อขาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยกราฟแท่งเทียน เป็นกราฟที่บอกภาพรวมของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 วัน, 1 ชั่วโมง หรือ 15 นาที
แต่ละแท่งแทนช่วงราคาหนึ่ง ยิ่งดูหลายแท่งต่อเนื่อง ยิ่งวิเคราะห์แนวโน้มได้แม่นยำมากขึ้น โดยกราฟแท่งเทียนจะมีส่วนประกอบดังนี้
ตัวแท่ง (Body) แสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดของช่วงมีหลักการสังเกตง่ายๆ ถ้า ตัวใหญ่ = การเคลื่อนไหวแรง, ตัวเล็ก = ตลาดสงบเวลา
ไส้เทียน (Wick/Shadow) แสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดที่เกิดขึ้น หาก
- ไส้ยาว = ราคาผันผวนสูง และหากไส้เทียนยาวด้านบน ราคาขึ้นไปสูงแต่ถูกเทขายลงมา แสดงถึงแรงขายที่มีอิทธิพล ณ ราคาสูงสุดนั้น
- ไส้สั้น = ตลาดนิ่ง
- ไส้เทียนยาวด้านล่าง = ราคาลงไปต่ำแต่มีแรงซื้อดันกลับขึ้นมา แสดงถึงแรงซื้อที่มีอิทธิพล ณ ราคาต่ำสุดนั้น
- ไม่มีไส้เทียน = ราคาเปิดและปิดอยู่ที่ราคาสูงสุดหรือต่ำสุด แสดงถึงการครอบงำอย่างสมบูรณ์ของแรงซื้อหรือแรงขาย
สีของแท่ง เพราะสีบอกทิศทางราคาว่าขึ้นหรือลง
- แท่งเทียนสีเขียว (หรือสีขาว) หมายถึง ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงซื้อที่เหนือกว่า (ขาขึ้น)
- แท่งเทียนสีแดง (หรือสีดำ) หมายถึง ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แสดงถึงแรงขายที่เหนือกว่า (ขาลง)
นอกจากนี้ แต่ละแท่งเทียนจะประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ 4 อย่าง ได้แก่
- ราคาเปิด (Open Price) ราคาแรกที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
- ราคาสูงสุด (High Price) ราคาสูงที่สุดที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
- ราคาต่ำสุด (Low Price) ราคาต่ำที่สุดที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
- ราคาปิด (Close Price) ราคาสุดท้ายที่มีการซื้อขายในช่วงเวลานั้น
วิธีดูกราฟแท่งเทียนและการเรียงตัวของแท่งเทียนช่วยให้นักลงทุนมองเห็นแนวโน้มและพฤติกรรมของตลาดได้อย่างแม่นยำกว่ากราฟเส้นทั่วไป และการฝึกฝน การอ่านแท่งเทียน อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับรูปแบบต่าง ๆ และสามารถระบุจุดซื้อขายที่มีโอกาสทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
วิธีดูกราฟแท่งเทียน และ แท่งเทียนกลับตัว หมายถึงอะไร?
หากแท่งเทียนกลับตัวเป็นสัญญาณว่าตลาดอาจเปลี่ยนทิศทาง และหัวใจสำคัญของการใช้ กราฟแท่งเทียน คือการมองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัว ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มราคาปัจจุบันอาจกำลังจะเปลี่ยนแปลง เช่น
- Hammer (ค้อน) เป็นแท่งเทียนที่มักปรากฏที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง มีลำตัวสั้นอยู่ด้านบน และมีไส้เทียนยาวอยู่ด้านล่าง (อย่างน้อย 2 เท่าของลำตัว) แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาพยุงราคาไม่ให้ลงไปต่อ เป็นสัญญาณ แท่งเทียนกลับตัว เป็นขาขึ้น
- Hanging Man (แขวนคอ) มีลักษณะคล้าย Hammer แต่ปรากฏที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกถึงแรงขายที่เริ่มเข้ามา มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาลง
- Doji (โดจิ) แท่งเทียนที่ราคาเปิดและราคาปิดใกล้เคียงกันมากจนลำตัวเกือบเป็นเส้นตรง แสดงถึงความไม่แน่ใจของตลาด หรือความสมดุลระหว่างแรงซื้อแรงขาย มักเป็นสัญญาณของการกลับตัวหากปรากฏหลังแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
- Bullish Engulfing แท่งเทียนเขียวขนาดใหญ่ที่กลืนกินแท่งเทียนแดงก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์ เกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง เป็นสัญญาณ กราฟแท่งเทียน ขาขึ้น ที่แข็งแกร่ง
- Bearish Engulfing แท่งเทียนแดงขนาดใหญ่ที่กลืนกินแท่งเทียนเขียวก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์ เกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลง
- Morning Star (ดาวรุ่ง) / Evening Star (ดาวค่ำ) รูปแบบ 3 แท่งเทียนที่บ่งชี้การกลับตัวอย่างชัดเจน Morning Star สำหรับการกลับตัวเป็นขาขึ้น และ Evening Star สำหรับการกลับตัวเป็นขาลง
หากเจอแท่งเทียนกลับตัวในแนวรับ/แนวต้านสำคัญ ยิ่งเป็นสัญญาณแรง และทั้งนี้การใช้กราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนให้รอบด้านและลดความเสี่ยง
กราฟแท่งเทียน จุดซื้อขาย จะต้องสังเกตจากอะไร?
การอ่านแท่งเทียนและจุดกลับตัวการอ่านกราฟแท่งเทียน เพื่อดูแนวโน้ม ไม่ได้ดูแค่แท่งเดียวอย่างเดียว แต่ดูเป็นชุดเพื่อระบุพฤติกรรมตลาด ยิ่งดูหลายแท่งต่อเนื่อง ยิ่งวิเคราะห์แนวโน้มได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น และการฝึกอ่านกราฟแท่งเทียนสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้แม่นยำและเร็วขึ้นได้อีกทาง
สำหรับการใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อหาจุดซื้อขาย สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยสังเกตจากลักษณะต่อไปนี้
- ซื้อเมื่อแท่งเทียนขาขึ้นชัดเจน คือช่วงที่ราคาเคลื่อนตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ลักษณะสำคัญของกราฟแท่งเทียนขาขึ้นจะมีลักษณะกราฟต้อง แท่งใหญ่, สีเขียว, ไม่มีไส้เทียนยาวด้านบน โดยกราฟเแสดงแรงซื้อเข้ามาในตลาด
- ขายเมื่อเห็นแท่งกลับตัวขาลง เช่น Shooting Star หรือแท่งสีแดงตัวใหญ่
- ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้แท่งกลับตัวขาลง หรือเหนือแท่งกลับตัวขาขึ้น เพื่อให้ทำการขายได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มเริ่มชะลอ และราคาทะลุเส้นแนวรับลงมา
นอกจากนี้ต้องหมั่นสังเกตอยู่เสมอ หากกราฟแท่งเทียนกลับตัวจะบอกถึงสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม และเมื่อเรามองหา กราฟแท่งเทียน ขาขึ้น หรือสัญญาณ จุดซื้อ เราจะมองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่เกิดขึ้นหลังจากการปรับฐานหรือในแนวโน้มขาลง เช่น Hammer, Bullish Engulfing หรือ Morning Star โดยมักจะประกอบกับการยืนยันจากสัญญาณทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น RSI, MACD หรือ Volume เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
จะเห็นได้ว่า กราฟแท่งเทียนนั้นเปรียบเมหือนเข็มทิศของเหล่านักลงทุน และการอ่านกราฟแท่งเทียนช่วยให้นักลงทุนเข้าใจตลาดมากขึ้น ไม่ใช่แค่ดูราคาขึ้นหรือลง แต่สามารถ “คาดการณ์แนวโน้ม” และ “วางกลยุทธ์” ได้อย่างมีหลักการ โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน
สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นเทรดด้วยกราฟแท่งเทียน อาจจะเริ่มต้นลองใช้โปรแกรมกราฟ เช่น TradingView หรือแอปเทรดของโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อฝึกดูกราฟย้อนหลัง พร้อมจดบันทึกการตัดสินใจ รวมถึงมทดลองเริ่มต้นจากบัญชีทดลองก่อนลงเงินจริง เพื่อเป็นการฝึกก่อนลงทุนจริงก็ได้เช่นกัน
และถ้าฝึกจนใช่ ฝึกจนชำนายแล้ว แรบบิท แคร์ ขอแนะนำ webull แพลตฟอร์มแรกของไทย ที่ให้บริการเทรดออปชันสหรัฐฯ เพิ่มโอกาสในการลงทุนของคุณและศักยภาพการทำกำไรที่มากขึ้น ค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.10% และไม่มีขั้นต่ำ ให้ทุกการเทรดคุ้มค่ากว่าที่เคย แถมยัง ซื้อ-ขายหุ้นได้ทันที ไม่ต้องกลัวดีเลย์ระหว่างประเทศ คลิกเลย!
สรุป
สำหรับกราฟแท่งเทียน นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่ใช้ง่าย ช่วยดูทิศทางราคาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การฝึกอ่านกราฟแท่งเทียนสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้แม่นยำและเร็วขึ้น หาจุดซื้อขายที่เหมาะได้สำหรับตัวคุณ

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct