แคร์สุขภาพ

FOMO อาการของคน “กลัวตกกระแส” พร้อมวิธีรับมือกับอาการนี้

ผู้เขียน : Nok Srihong
Nok Srihong

มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

close
linkedin icon
แก้ไขโดย : คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct

close
linkedin icon
 
Published: July 12,2023
  
Last edited: May 17, 2024
FOMO

“FOMO” หรือ Fear of Missing Out เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่ไม่ใหม่แต่กำลังเป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของสังคม เป็นคนตามติดกระแสในโลกออนไลน์ตลอดเวลา และเกลียดการตกข่าว ตกเทรนด์เป็นที่สุดแล้วล่ะก็ คุณอาจอยู่ในกลุ่มของ FOMO แล้วก็ได้ ซึ่งน้องแคร์จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกันให้ดีขึ้นว่าจริง ๆ แล้ว Fear of Missing Out หรือ FOMO คืออะไรกันแน่น จะส่งผลกระทบอะไรกับเราในการใช้ชีวิตบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย

FOMO คืออะไรกันแน่

Fear of Missing Out หรือ FOMO คือ อาการความกลัว ความกังวลที่จะตกกระเทรนด์ กลัวที่จะพลาดกระแส ประเด็นร้อนแรงที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ในสังคมปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งคนที่เป็น FOMO จะเสพติดการใช้ช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือว่าจะเป็น TikTok

เพื่อที่คนในกลุ่ม FOMO จะได้ทำการโพสหรือแชร์ในสิ่งที่กำลังเป็นกระแสเป็นคนแรก ๆ เนื่องจากกลัวการไม่เป็นที่ยอมรับ และมีความอยากเป็นคนสำคัญ ซึ่งการใช้งานของกลุ่ม FOMO หรือ Fear of Missing Out จะไม่ใช่การใช้งาน Social Media ในระดับปกติเหมือนคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่เรียกได้ว่าแทบจะนั่งเฝ้าหน้าจอเกาะติดอยู่ตลอดเวลาเลยก็ว่าได้

อาการ FOMO เป็นอย่างไรเช็กลิสต์ได้ที่นี่

สำหรับคนที่อยากรู้อาการของ FOMO เพื่อเช็กว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มอาการ FOMO หรือไม่ รวมไปถึงการนำเอาเช็กลิสต์ไปตรวจสอบดูว่าคนรอบตัวเป็น FOMO หรือ Fear of Missing Out หรือไม่ น้องแคร์ได้ทำการรวบรวมเอาลักษณะอาการต่าง ๆ มาไว้ให้ทุกคนได้ลองตรวจสอบดูแล้ว ตามตัวอย่างข้างล่างนี้

  • คนที่เป็น FOMO จะติดโซเชียลมีเดียมากเกินไป
  • จะต้องเช็กหน้า Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram แทบจะตลอดเวลา
  • นอกจากเช็กโลก Social แล้ว ก็ไม่พลาดที่จะโพสหรือแชร์สิ่งเป็นกระแสอยู่เป็นคนแรก ๆ
  • ขาดโทรศัพท์มือถือไม่ได้ เปรียบได้ว่าโทรศัพท์มือถือเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกาย
  • ใช้งานโทรศัพท์มือถือหนักมากเป็นเวลาหลายชั่วโมง
  • กลัวการตกข่าวใหญ่ที่เป็นกระแส กลัวการตกเทรนด์ต่าง ๆ เป็นที่สุด
  • รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่ทราบการอัปเดตของสถานการณ์ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อนหรือโลกออนไลน์ก็ตาม
  • พยายามทำตัวให้เด่น เพื่อเป็นที่ยอมรับรวมถึงเป็นที่รักและสนใจของคนอื่น
  • คนที่เป็น FOMO จะรู้สึกด้อยค่าเมื่อเปรียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นบนโลกโซเชียลที่ดีกว่า
  • รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ตมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่ามาก
  • มีอาการของอารมณ์แปรปรวน
  • อาจเกิดอาการซึมเศร้า มีความสุขน้อยลง เมื่อตัวเองไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ต้องการ

กลุ่มเพื่อน FOMO เล่น social media

ผลกระทบข้อดี-ข้อเสียของการเป็น FOMO

จากที่เรากล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่าภาวะ FOMO ส่งผลกระทบหลาย ๆ ด้านกับชีวิตของคนที่ประสบปัญหานี้ โดยเฉพาะปัญหาด้านลบที่ตามมาต่าง ๆ มากมาย แต่ก็ใช่ว่าการเป็น FOMO จะมีแต่สิ่งที่เลวร้ายไปสะทั้งหมด หากมองให้ละเอียดลงไปก็มีบางมุมที่เป็นข้อดีของโฟโมอยู่บ้าง ไปดูกันว่าผลกระทบทั้งด้านดีและด้านแย่เป็นอย่างไรบ้าง

ด้านดีของ FOMO

สร้างแรงบันดาลใจ : เนื่องจากการที่เสพสื่อ Social Media อย่างหลากหลาย ซึ่งเราอาจจะไปสะดุดกับแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง ที่สามารถจุดประกายให้กับเราหลงใหลหรือชื่นชอบกับสิ่งนั้นก็ได้

ข้อเสียหรือผลกระทบของ FOMO

ถึงจะพอมีข้อดีอยู่บ้างแต่ผลกระทบหลักของ FOMO จะมาในรูปแบบของผลเสียสะมากกว่า ไปดูกันว่าหากหมกมุ่นหรือเสพติดการเล่น Social Media จนเกินไปจะส่งผลเสียอะไรกับเราได้บ้าง

  • โรคนอนไม่หลับ
  • โรคเครียด
  • โรคหลงตัวเอง
  • โรคขาดโทรศัพท์ไม่ได้
  • โรคซึมเศร้า
  • สายตาเสียเนื่องจากใช้งานโทรศัพท์มากเกินไป
  • เสียบุคคลิกภาพเนื่องจากต้องจับมือถือยู่ตลอดเวลา
  • อารมณ์แปรปรวน
  • ปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในชีวิตจริงย่ำแย่

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผลกระทบด้านลบจากการเป็น FOMO ทีสามารถเกิดกับเราได้เท่านั้น

เด็กผู้หณิงเป็น FOMO นอนเล่นมือถือ

เป็น FOMO แก้ไขได้อย่างไร

ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกันเกินไปหากรู้ตัวแล้วว่าเป็น FOMO เนื่องจากกลุ่มอาการแบบนี้สามารถแก้ไขให้หายหรืออาการดีขึ้นได้ ซึ่งเราได้สรุปแนวทางการแก้ไขเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้นำไปปรับใช้กับตัวเอง หรือว่าจะนำไปให้คนที่เข้าข่าย FOMO นำไปปรับใช้กับพฤติกรรมของตัวเองได้ โดยมีแนวทางต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

ยอมรับว่าตัวเองเป็น FOMO

ขั้นแรกของการแก้ไขปัญหาคือต้องยอมรับกับตัวเองก่อนว่าเรามีอาการของ FOMO เกิดขึ้นกับตัวเอง เพื่อทำการเปิดใจและหาทางแก้ไข

ปรับพฤติกรรมลดการเล่นโทรศัพท์มือถือรวมถึงทำ Social Detox

ลดการใช้งานโทรศัพท์มือถือของให้น้อยลง หากไม่ใช้การใช้งานที่จำเป็นอาจจะจำกัดชั่วโมงการเล่นซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกันกับการใช้งาน Social Media หรืออาจจะไปถึงขั้นการทำ Social Detox

ใช้ชีวิตให้ช้าลง

ด้วยชีวิตที่เร่งรีบทำให้เราอาจจะต้องหาความบันเทิงต่าง ๆ เพื่อเข้ามาเยียวยาความเหนื่อยล้าต่าง ๆ ลองปรับชีวิตให้ช้าลงบ้าง เพื่อใช้เวลาเสพสิ่งต่าง ๆ ให้นานมากขึ้น

ออกค้นหาโลกกว้าง

หากคุณเป็น FOMO แล้วเราขอแนะนำให้คุณได้ลองออกไปท่องโลกกว้างไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ นอกจากจะเป็นการจำกัดให้ใช้ Social น้อยลงและยังเป็นการสร้างประการณ์ใหม่ ๆ กับตัวเองอีกด้วย

มองหางานอดิเรกหรือสิ่งที่ชอบ

ลองมองหากิจกรรมที่ตัวเองชอบหรืองานอดิเรกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา การเล่นดนตรี การทำอาหาร การอ่านหนังสือ และอีกมากมายให้คุณค้นหา เพื่อเบนความสนใจลด FOMO ที่เกิดขึ้น

ผูกมิตรสร้างปฏิสัมพันธ์ในโลกจริง

สร้างมิตรภาพที่ดีกับคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือเพื่อนร่วมงาน ลดความสำคัญของโลกออนไลน์ลง

ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าวิธีต่าง ๆ ที่เราแนะนำยังไม่สามารถจัดการปัญหา FOMO หรือ Fear of Missing Out ได้ขอแนะนำให้ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอย่างเช่นจิตแพทย์เพื่อหาทางรับมือปัญหาที่เกิดขึ้น

FOMO เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของผู้คนในยุคนี้ โดยที่ FOMO คือ อาการที่กลัวจะตกกระเทรนด์หรือกระแสต่าง ๆ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ในทางลบได้ โดยหนึ่งในทางแนวการรับมือนอกจากการลดการเล่นมือถือและรวมไปถึงการทำ Social Detox ก็คือการออกทำกิจกรรมอื่น ๆ หรืองานอดิเรกเพราะเป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้ผ่อนคลายจากความเครียดที่สะสม ยังเป็นการมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก 

  
เปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช่ ง่ายๆ แค่ 30 วิ คลิกเลย!
icon angle up or down

สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

เด็กจบใหม่ รักการท่องเที่ยว รักการช้อปปิ้ง รักความหรูหรา รักสุขภาพ รักการกิน
  

แต่ต้องยอมรับว่ากิจกรรมเหล่านี้ที่จะทำเพื่อลดภาวะ FOMO ย่อมใช้เงินเป็นตัวขับเคลื่อน เราอยากแนะนำให้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะว่าคุณจะได้รับความสะดวกสบายและรวมไปถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมไมล์การเดินทาง สะสมคะแนนแลกของ และอีกนานาผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับ โดยคุณสามรถมาสมัครบัตรเครดิตกับเราง่าย ๆ ได้ที่ แรบบิท แคร์ เพราะว่าเรามีบัตรหลากหลายรูปแบบที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต


 

บทความแคร์สุขภาพ

Rabbit Care Blog Image 89748

แคร์สุขภาพ

โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?

โรคที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่าโรคพุ่มพวง เนื่องจากคนไทยเรารู้จักโรคนี้กันอย่างแพร่หลายเมื่อศิลปินชื่อดังอย่างคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์
Nok Srihong
23/05/2024