แคร์สุขภาพ

น้ำตาเทียม คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? รวมเรื่องน่ารู้ที่เกี่ยวกับน้ำตาเทียม

ผู้เขียน : Nok Srihong
Nok Srihong

มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

close
linkedin icon
แก้ไขโดย : Nok Srihong
Nok Srihong

มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

close
linkedin icon
 
Published: January 15,2024
  
Last edited: June 12, 2024
น้ำตาเทียม

น้ำตาเทียม ไอเทมสำคัญช่วยกู้ตาแห้งที่หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้าง และคงเป็นที่คุ้นเคยกันดีในกลุ่มคนที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นอย่างดี ว่าแต่เจ้าน้ำตาเทียมนี้สามารถใช้ได้เฉพาะในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เพียงอย่างเดียวหรือไม่ ผู้ที่มีสายตาปกติหรือมีปัญหาด้านสายตาแต่ใส่แว่นสามารถใช้ได้ไหม? วันนี้ แรบบิท แคร์ รวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำตาเทียมมาให้ เพื่อให้หลายคนที่ยังไม่รู้ได้ลองทำความเข้าใจ และศึกษาวิธีใช้น้ำตาเทียมที่ถูกต้องกัน!

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    น้ำตาเทียมคืออะไร ?

    โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้ข้อมูลว่าน้ำตาเทียมคือสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ช่วยในการทดแทนน้ำตา บรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคืองดวงตา ซึ่งจะมีส่วนประกอบที่เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้น ได้แก่ Carboxymethylcellulose, Hydroxyethyl Cellulose, Hydroxypropyl Methylcellulose และ Dextran 

    ทั้งนี้น้ำตาเทียมส่วนใหญ่ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดนั้น จะถูกจัดเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Devices) หรือยา (Medicines) โดยบุคคลทั่วไปเองก็สามารถหาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์หรือร้านขายยาได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ด้วยนั่นเอง 

    ประเภทของน้ำตาเทียม

    สำหรับประเภทของน้ำตาเทียมนั้น ในปัจจุบันน้ำตาเทียมที่วางขายอยู่ในตลาดจะถูกจัดประเภทแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ตามปฏิกิริยาที่มีต่อดวงตาด้วยกัน ได้แก่

    • ประเภทที่ทำให้ตาเปียก (Wetting Agents) : มีคุณสมบัติช่วยเติมน้ำหล่อลื่นดวงตา และอยู่ภายในดวงตาในเวลาที่จำกัด
    • ประเภทที่ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง (Multiple-Action Tear Substitutes) : มีคุณสมบัติช่วยให้คุณภาพของน้ำตาภายในดวงตาของเราดีขึ้น และช่วยให้ปริมาณของน้ำตามีมากขึ้น โดยไม่มีผลหรือส่งผลต่อผิวหน้าลูกตา
    • ประเภทที่ควบคุมผิวหน้าลูกตา (Ocular Surface Modulators) : น้ำตาเทียมกลุ่มนี้จะมีคุณสมบัติซึ่งมีผลโดยตรงกับผิวหน้าลูกตาโดยตรงและช่วยลดอาการตาแห้งด้วยนั่นเอง

    น้ำตาเทียม ตาแห้ง

    ชนิดของน้ำตาเทียม

    นอกจากจะมีการแบ่งกลุ่มประเภทของน้ำตาเทียมอย่างชัดเจนแล้ว น้ำตาเทียมยังถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ตามลักษณะของน้ำตาเทียมชนิดนั้น ๆ คือ

    • ชนิดสารละลาย (Solutions) : หรือที่เราต่างก็คุ้นเคยกันในรูปแบบของยาหยอดตาชนิดน้ำ หรือยาหยอดตาชนิดน้ำและไขมัน
    • ในรูปแบบกึ่งแข็ง (Semi-Solid) : ซึ่งจะมีลักษณะเป็นขี้ผึ้งหรือเจล

    โดยน้ำตา เทียมทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป คือ

    ข้อดีชนิดสารละลาย (Solutions)

    • วิธีการใช้งานง่าย สะดวกสบาย 
    • ไม่ทำให้มีอาการตาพร่าหรือมัวชั่วขณะ
    • มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้
    • มีแบบที่ไม่ผสมสารกันเสีย ปลอดภัยต่อการใช้งานระยะยาว

    ข้อเสียชนิดสารละลาย (Solutions)

    • ให้ความชุ่มชื้นได้เพียงในระยะเวลาสั้น ๆ 
    • ต้องทำการหยอดหลายครั้งต่อวัน
    • ชนิดที่ไม่ผสมสารกันเสียมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น (12-24 ชั่วโมง)

    ข้อดีรูปแบบกึ่งแข็ง (Semi-Solid)

    • สามารถให้ความชุ่มชื้นต่อดวงตาได้อย่างยาวนาน

    ข้อเสียรูปแบบกึ่งแข็ง (Semi-Solid)

    • ใช้งานค่อนข้างยาก ไม่สะดวกต่อการใช้งานเมื่อเทียบกับอีกชนิดหนึ่ง
    • หลังใช้น้ำตาเทียมชนิดนี้จะลดสมรรถภาพการมองเห็นลงชั่วขณะหนึ่ง

    น้ำตาเทียม ประโยชน์

    นอกจากสิ่งที่เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเมื่อต้องการเติมความชุ่มชื้นให้กับดวงตาก็ต้องใช้น้ำตาเทียม ตาแห้ง ก็ต้องใช้น้ำตาเทียม เนื่องจากไอเทมเด็ดชิ้นนี้มีสรรพคุณในการดูแลความชุ่มชื้นภายในดวงตาของเราได้เป็นอย่างดี แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากสรรพคุณเหล่านี้ ยังมีประโยชน์ดี ๆ ที่น้ำตาเทียมช่วยดูแลดวงตาของเรา

    • ช่วยรักษาอาการกระจกตาถลอกและแผลที่กระจกตา (Corneal Abrasion and Wound Healing) โดยการช่วยในการกระตุ้นและเสริมการสมานผิวชั้นนอกของดวงตา
    • ช่วยรักษาอาการปวดและการอักเสบ (Pain and Inflammation Management)

    การใช้น้ำตาเทียมร่วมกับการประคบเย็นนั้นจะสามารถช่วยลดการอักเสบของชั้นที่อยู่ระหว่างเยื่อตา และตาขาวหลังผ่าตัดกระจกตา ทำให้สามารถฟื้นตัวด้านการมองเห็นหลังผ่าตัดเร็วมากยิ่งขึ้น

    • ช่วยรักษาอาการเยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ที่ตา การใช้น้ำตาเทียมและการประคบเย็นจะช่วยลดอาการเยื่อตาอักเสบจากการเป็นภูมิแพ้ได้
    • ช่วยรักษาอาการเยื่อตาอักเสบจากเชื้อไวรัส (ที่ไม่ได้เกิดจากโรคเริม) เนื่องจากมีการค้นพบว่าน้ำตาเทียมนั้นสามารถช่วยลดอาการอักเสบจากเชื้อไวรัสได้ดีเช่นเดียวกับยาหยอดตากลุ่มสเตอรอยด์ และยาหยอดตาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDS
    • ช่วยรักษาอาการเยื่อตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โดยการใช้น้ำตาเทียมนั้นจะทำให้สบายตาและช่วยทำความสะอาดดวงตา 
    • ช่วยรักษาอาการกระจกตาอักเสบซึ่งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา คอนแทคเลนส์ แสงยูวี 
    • ช่วยในการทำให้ถอดคอนแทคเลนส์ง่ายมากยิ่งขึ้น
    • ช่วยในการเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากดวงตา

    และทั้งหมดนี้ก็คือข้อดีของการใช้น้ำตาเทียม จะเห็นได้ว่าน้ำตาเทียมนั้นมีประโยชน์ทั้งในแง่ของการรักษาอาการผิดปกติของดวงตา และช่วยให้รู้สึกสบายตาเมื่อตาแห้งหรือใช้สายตาค่อนข้างมากได้อย่างครอบคลุมเลยทีเดียว

    ข้อควรระวังในการใช้

    แน่นอนว่าในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสกับดวงตาของเราโดยตรงย่อมต้องมีสิ่งที่ต้องระวัง โดยการใช้น้ำตาเทียมนั้นก็จะมีข้อควรระวัง ดังนี้

    • ชนิด Unit Dose (รายวัน) หลังจากเปิดใช้งานแล้วไม่ควรใช้เกิน 12-24 ชั่วโมง
    • ชนิด Multiple Dose หลังจากเปิดใช้งานแล้วไม่ควรใช้เกินหนึ่งเดือน
    • หากต้องใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานควรเลี่ยงใช้ที่มีการผสมสารกันเสีย
    • หากต้องใช้ร่วมกับการใส่คอนแทคเลนส์ควรเลี่ยงใช้ที่มีการผสมสารกันเสีย
    • เมื่อใช้งานควรระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดหยดสัมผัสกับขนตาหรือดวงตา 
    • หากมีอาการระคายเคืองมากหรือมีอาการผิดปกติหลังการหยอดน้ำตาเทียมควรรีบพบแพทย์ทันที

    และทั้งหมดนี้ก็คือข้อควรระวังเบื้องต้นสำหรับผู้ใช้น้ำตาเทียมที่ต้องระวัง ไม่เช่นนั้นจากที่จะเป็นการดูแลรักษาอาการดวงตาของเราให้ดีขึ้นอาจก่อปัญหาที่ไม่คาดคิดตามมาได้ และสำหรับใครที่คิดว่าดวงตาของตนเองนั้นอาจมีปัญหาหรือมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับดวงตาในอนาคตก็อย่าลืมทำประกันสุขภาพกับ แรบบิท แคร์ ไว้ เพื่อความอุ่นใจกันไว้ดีกว่าแก้นั่นเอง

    น้ำตาเทียมคือ

    น้ำตาเทียม ใช้ยังไง ?

    วิธีการใช้น้ำตาเทียมนั้น สามารถใช้ได้โดยการหยดน้ำตาเทียมปริมาณ 1-2 หยดลงไปในดวงตาทั้ง 2 ข้างเมื่อมีอาการตาแห้งหรือตามที่แพทย์สั่ง โดยต้องระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดหยดสัมผัสกับดวงตา ขนตา หรือมือของเรา

    น้ำตาเทียมหยอดบ่อยแค่ไหน ?

    สำหรับความถี่ในการหยอดน้ำตาเทียมน้ำ ความถี่ที่เหมาะสมคือไม่ควรใช้มากเกินวันละ 4 ครั้งต่อวัน หรือตามสั่งของแพทย์เพราะอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการแพ้น้ำตาเทียมหรือรับสารที่อยู่ในนั้นมากจนเกินไปจนอาจเป็นสาเหตุในการที่กระจกตาถูกทำลายได้

    น้ําตาเทียมเปิดแล้วใช้ได้กี่วัน ?

    น้ำตาเทียมชนิด Unit Dose (รายวัน) หลังจากเปิดใช้งานแล้วไม่ควรใช้เกิน 12-24 ชั่วโมง

    ส่วนน้ำตาเทียมชนิด Multiple Dose หลังจากเปิดใช้งานแล้วไม่ควรใช้เกินหนึ่งเดือน

    น้ำตาเทียมเหมาะกับใคร

    • ผู้ที่ใช้สายตาเยอะและมีอาการตาแห้ง
    • ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์และมีอาการตาแห้ง
    • ผู้ที่ต้องการรักษาอาการผิดปกติที่เกิดกับดวงตาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์

    น้ำตาเทียมแบบเย็น อันตรายหรือไม่ ?

    ปัจจุบันมีน้ำตาเทียมแบบเย็นที่ถูกผลิตออกมาวางขายตามท้องตลาด ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นค่อนข้างมาก เนื่องจากมีความเย็นสะใจ อีกทั้งเหมือนช่วยทำให้ทัศนวิสัยชัดเจนขึ้นมาความเย็นหายไป โดยส่วนนี้ก็มีหลายคนที่กังวลว่าอันตรายหรือไม่ ความจริงแล้วน้ำตาเทียมชนิดนี้นั้นไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับการใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากอาจเพิ่มการระคายเคือง หรืออาจทำปฏิกิริยาที่ส่งผลกับคอนแทคเลนส์ของเราได้นั่นเอง

    และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลน่ารู้ที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาเทียมที่ทาง แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมมาให้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถช่วยไขข้อข้องใจ ทุกคนจะได้สามารถใช้น้ำตาเทียมกันได้อย่างสบายใจและใช้กันได้อย่างถูกวิธี


    ที่มา


     

    บทความแคร์สุขภาพ

    Rabbit Care Blog Image 89748

    แคร์สุขภาพ

    โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?

    โรคที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่าโรคพุ่มพวง เนื่องจากคนไทยเรารู้จักโรคนี้กันอย่างแพร่หลายเมื่อศิลปินชื่อดังอย่างคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์
    Nok Srihong
    23/05/2024