
บัตรเครดิตเติมน้ำมัน (Fleet Card) คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
เรียกได้ว่า “เงินสงเคราะห์บุตร” เป็นอีกหนึ่งสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือในด้านค่าใช้จ่ายกับบรรดาพ่อแม่ เพราะสิ่งที่ตามมาหลังจากการมีลูกนั่นก็คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเลี้ยงดูนั่นเอง น้องแคร์จึงอาสารวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินสงเคราะห์บุตร คืออะไร? หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เงินสงเคราะห์บุตรไม่เข้า ต้องทำอย่างไรบ้าง อีกทั้งสารพันข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจเงินก้อนนี้มากขึ้น
เงินสงเคราะห์บุตรคือสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมได้รับ โดยเป็นการนำเงินมาจากกองทุนประกันสังคม มาจ่ายเป็นเงินรายเดือนให้กับพ่อแม่ซึ่งจำนวนเงินที่จะได้รับอยู่ที่เดือนละ 800 บาทต่อบุตร 1 คน (200 บาท สำหรับมาตรา 40) จะจ่ายให้ตั้งแต่เด็กแรกเกินไปจนถึงอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ โดยที่พ่อแม่ต่างสามารถยื่นเรื่องไปที่สำนักงานประกันสังคมเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์นี้ได้
ก็ถือได้ว่าเงินสงเคราะห์บุตรเป็นอีกหนึ่งช่องทางเงินสนับสนุนสำหรับผู้ที่เป็นพ่อแม่เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าตัวเงินสงเคราะห์บุตรเองอาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกของคุณป่วย ดังนั้นการทำประกันเด็กไว้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะสามารถช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจคงเคยได้ยินเงินช่วยเหลืออีกประเภทหนึ่งอย่างเงินอุดหนุนบุตรกันมาบ้าง และก็คงเกิดข้อสงสัยขึ้นว่าเงินก้อนนี้แตกต่างจากเงินสงเคราะห์บุตรอย่างไร ซึ่งก็ต้องบอกว่าเงินช่วยเหลือบุตรทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจำนวนเงินที่ได้รับ คุณสมบัติและเงื่อนไข รวมไปถึงหน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นคนจัดสรร น้องแคร์ได้ทำตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของเงินสงเคราะห์บุตรกับเงินอุดหนุนบุตรไว้ด้านล่างนี้
เงินสงเคราะห์บุตร | เงินอุดหนุนบุตร | |
จำนวนเงินที่ได้รับ | 800 บาท (200 บาท สำหรับผู้ประกันตน ม.40 ทางเลือกที่ 3) | 600 บาท |
ผู้ได้รับสิทธิ | ผู้ประกันตน ม.33, ม.39, ม.40 (ทางเลือกที่ 3) | ประชาชนสัญชาติไทย รายได้เฉลี่ยต่อคนไม่เกิน 100,000 บาท/ปี |
หน่วยงานที่รับผิดชอบ | สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน | กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ |
จะเห็นได้ว่าเงินเงินช่วยเหลือบุตรทั้งสองประเภทต่างมีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัด และยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของรายละเอียดปลีกย่อยหรือว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมเอกสารต่าง ๆ อีกด้วย
หลังจากที่เราทราบกันไปแล้วว่าเงินสงเคราะห์บุตรคือเงินช่วยเหลือจากประกันสังคมให้กับผู้ประกันตนเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน (200 บาท สำหรับผู้ประกันตน ม.40) ซึ่งเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคมจะให้กับบุตรจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน โดยให้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงอายุครบ 6 บริบูรณ์ โดยที่เงินสงเคราะห์บุตรจะมีเงื่อนไขการได้รับสิทธิ์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
โดยหลัก ๆ แล้วเงื่อนไขการได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์ที่ระบุโดยสำนักงานประกันสังคมนั่นก็คือผู้ใช้สิทธิ์ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 หรือมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ซึ่งยังมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ในผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ขณะรับเงิน จะต้องจ่ายเงินสมทบทุกเดือน
จะเห็นได้ว่าตัวเงินช่วยเหลือบุตรที่ได้รับจากภาครัฐยังมีข้อจำกัดและเงื่อนไขต่าง ๆ อยู่พอสมควร ซึ่งในบางครั้งเราก็อาจติดข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวประกันเด็กที่มีความยืดหยุ่นในการทำที่มากกว่า อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกหลายข้อ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจที่ควรทำไว้ให้คนที่คุณรัก
สำหรับเพื่อน ๆ ที่เพิ่งรู้จักกับเงินสงเคราะห์บุตรและลูกของตัวเองก็อยู่ในเกณฑ์รับสิทธิ์นี้แต่ไม่เคยยื่นเรื่องขอรับสิทธิ์มาก่อน คงเกิดคำถามว่าแล้วอย่างนี้ถ้าขอยื่นเรื่องเงินสงเคราะห์บุตรได้ย้อนหลังหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าเพื่อน ๆ สามารถได้รับเงินสงเคราะห์บุตรย้อนหลัง แต่จะได้ย้อนหลังเพียง 1 ปีเท่านั้นและต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน ตลอดระยะเวลา 36 เดือนก่อนคลอดถึงจะมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร
ด้วยระยะเวลาที่จำกัดและถ้าหากยื่นขอรับสิทธิ์ช้าก็จะทำให้ได้รับสิทธิ์จากเงินสงเคราะห์บุตรน้อยลงไปด้วย แต่ว่าลูก ๆ ของเพื่อน ๆ กลับโตขึ้นอยู่ตลอดเวลาและมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามด้วย การเลือกทำประกันสะสมทรัพย์จึงเป็นอีกตัวเลือกเพื่ออนาคตที่ดีของคุณที่รัก เนื่องจากมีระยะเวลาคุ้มครองที่ยาวนาน และยังได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตามมาด้วย
1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
2. กรณีผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้ว ต้องการจะใช้สิทธิกับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ
3. กรณีผู้ประกันตนเป็นผู้หญิงใช้สิทธิ
4. กรณีผู้ประกันตนเป็นผู้ชายใช้สิทธิ
5. สำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด (กรณีเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล)
6. สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (Passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด (กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทน)
7. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกจำนวน 1 ฉบับ
* เอกสารที่ใช้ต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอย่างละ 1 ฉบับ แสดงเอกสารนต้นฉบับเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ
** เอกสารหลักฐานสำคัญที่เป็นภาษาต่างประเทศจะต้องแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากรู้แล้วว่าขั้นตอนการยื่นลงทะเบียนขอรับเงินสงเคราะห์บุตรนั้นมีความยุ่งยากหรือไม่ ซึ่งต้องบอกว่าเลยสำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนไม่มีความยุ่งยาก โดยจะมีขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้างน้องแคร์ได้ทำการรวบรวมมาให้เพื่อน ๆ แล้วดังนี้
โดยเมื่อยื่นคำขอเรียบร้อยแล้ว จะได้รับเงินเข้าบัญชีหลังได้รับสิทธิผ่านไปแล้ว 3 เดือน เช่น ยื่นขอในเดือนมกราคม จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรในช่วงปลายเดือนเมษายน
สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ต่าง ๆ หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาใกล้บ้านท่าน ในวันและเวลาราชการ 08.30-16.30 น. (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
อย่างที่ทราบกันดีว่าเงินสงเคราะห์บุตรหรือที่หลาย ๆ คนเรียกเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคมคือเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนที่มีบุตรเดือนละ 800 บาทต่อคน (สำหรับผู้ประกันตน ม.40 ได้รับ 200 บาท) เพื่อน ๆ อาจสงสัยว่าเงินสงเคราะห์บุตรเข้าวันไหนจะได้วางแผนการเงินถูก ต้องบอกว่าตัวเงินจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากทุก ๆ สิ้นเดือน แต่ถ้าติดวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์ จะทำโอนเข้าบัญชีให้ล่วงหน้าก่อน ไม่เกินเที่ยงคืน ซึ่งจะตรงกับวันต่าง ๆ ในปี 2566 ดังนี้
เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลาย ๆ คนให้ความกังวลกับกรณีที่เงินสงเคราะห์บุตรไม่เข้าบัญชี ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจลองตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมได้อำนวยความสะดวกในเรื่องการเช็คสิทธิเงินสงเคราะห์บุตรให้สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ได้ดังนี้
เปรียบเทียบเงินสงเคราะห์บุตรกับประกันเด็กและประกันสะสมทรัพย์
เงินสงเคราะห์บุตร | ประกันเด็ก | ประกันสะสมทรัพย์ | |
สิทธิประโยชน์ | รายเดือน 800 บาทต่อ | ได้รับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบกำหนด, ได้รับค่ารักษาพยาบาล*** | ได้รับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบกำหนด, ให้ความดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย*** |
ระยะเวลาคุ้มครอง | แรกเกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์ | สมัครได้ตั้งแต่ลูกมีอายุครบ 15 วัน*** | ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท บางแห่งผู้ทำได้เมื่อเอาประกันอายุ 1 เดือนขึ้น*** |
เงื่อนไขการได้รับสิทธิ์ | กำหนดจากภาครัฐตายตัว | เลือกเงื่อนไขกรมธรรม์ได้ตามต้องการ | เลือกเงื่อนไขกรมธรรม์ได้ตามต้องการ |
วัตถุประสงค์ | ช่วยเหลือค่าใช่จ่าย | เป็นการหลักประกันให้คนที่รัก | เป็นการสะสมเงินในรูปแบบหนึ่ง |
การดูแล | หน่วยงานรัฐ | มีตัวแทนประกันคอยดูแลให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ | มีตัวแทนประกันคอยดูแลให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ |
*** เงื่อนไขขึ้นอยู่กับกรมธรรม์และเป็นไปตามที่บริษัทกําหนด
จะเห็นได้ว่านอกจากเงินสงเคราะห์บุตรแล้วยังมีอีกหลายแนวทางที่คุณสามารถทำให้กับลูกของคุณได้ไม่ว่าจะเป็นประกันเด็กหรือว่าประกันสะสมทรัพย์โดยสองทางเลือกนี้ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงแต่ก็ได้รับผลตอบแทนและการคุ้มครองที่สูงตาม สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีประกันสังคมอยู่แล้วล่ะก็ควรยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์บุตรเพื่อเป็นตัวช่วยในเรื่องค่าใช่จ่าย แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่เห็นข้อมูลด้านต้นและสนใจก็สามารถสมัครประกันเด็กและประกันสะสมทรัพย์ได้ที่ แรบบิท แคร์ กันได้เลย รับรองว่าที่นี้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนอย่างแน่นอน
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
บทความแคร์การเงิน
บัตรเครดิตเติมน้ำมัน (Fleet Card) คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
ผ่อนบอลลูน คือ อะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะสมกับใครมากที่สุด
ไม่มีรถคืนไฟแนนซ์ ต้องเจอปัญหาใหญ่แค่ไหน