ประกันสังคม
ประกันสังคม คือ?
สำหรับใครที่ยังสงสัยอยู่ว่าประกันสังคม คืออะไร น้องแคร์มีคำตอบ! จริง ๆ แล้ว ประกันสังคม คือ การออมรูปแบบหนึ่งที่ถูกบังคับโดยภาครัฐ สนับสนุนให้คนไทยมีหลักประกันและความมั่นคง มีเงินเก็บส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในยามเกษียณ โดยจะถูกนำมาใช้ในกลุ่มบุคคลที่มีรายได้ในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อรับสิทธิ์ในกรณีการรักษาพยาบาล การคลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพและการว่างงาน เป็นต้น ประกันสังคมที่ผู้ประกันตนสามารถทำได้มีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ ประกันสังคมมาตรา 33 สำหรับพนักงานเอกชนทั่วไป (ภาครัฐบังคับทำ), ประกันสังคมมาตรา 39 สำหรับบุคคลที่เคยเป็นพนักงานเอกชนทั่วไปแต่ลาออกแล้ว และประกันสังคมมาตรา 40 สำหรับบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระ
ประกันสังคมมาตรา 40 คืออะไร?
ประกันสังคมมาตรา 40 คือ การสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมโดยสมัครใจของบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบต่าง ๆ อย่างเช่น อาชีพฟรีแลนซ์ อาชีพค้าขาย เกษตรกร เป็นต้น รวมถึงผู้พิการทางร่างกายที่ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 65 ปี ไม่เป็นผู้ประกันตนในมาตราอื่นอยู่ สามารถเลือกสมัครทำประกันสังคมมาตรา 40 ได้ โดยผู้ประกันตนสามารถเลือกจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาตรา 40 ได้ 3 ทางเลือก คือ
ทางเลือกที่ 1 จ่ายเงินสมทบในอัตรา 70 บาทต่อเดือน
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทดแทน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพและกรณีเสียชีวิต ในอัตรา 70 บาทต่อเดือน
- กรณีนอนพักรักษาตัว 1 วันขึ้นไป รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 300 บาท
- กรณีไม่ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุด 3 วันขึ้นไป รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 200 บาท หากหยุดไม่เกิน 2 วัน รับเงินทดแทนการขาดรายได้ครั้งละ 50 บาท (ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี)
- กรณีเจ็บป่วยเป็นทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกรวมกัน รับเงินทดแทนการขาดรายได้ไม่เกิน 30 วันต่อปี
- กรณีทุพพลภาพ รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500-1,000 บาท 15 ปี หากเสียชีวิตระหว่างการทุพพลภาพ รับค่าทำศพ 25,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต รับค่าทำศพ 25,000 บาท หากจ่ายเงินสมทบครบ 60 เดือนก่อนเสียชีวิต รับเงินเพิ่มอีก 8,000 บาท
- กรณีชราภาพ ไม่ได้รับความคุ้มครอง
- กรณีสงเคราะห์บุตร ไม่ได้รับความคุ้มครอง
ทางเลือกที่ 2 จ่ายเงินสมทบในอัตรา 100 บาทต่อเดือน
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทดแทน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต และกรณีชราภาพ ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน
- กรณีนอนพักรักษาตัว 1 วันขึ้นไป รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 300 บาท
- กรณีไม่ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุด 3 วันขึ้นไป รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 200 บาท หากหยุดไม่เกิน 2 วัน รับเงินทดแทนการขาดรายได้ครั้งละ 50 บาท (ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี)
- กรณีเจ็บป่วยเป็นทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกรวมกัน รับเงินทดแทนการขาดรายได้ไม่เกิน 30 วันต่อปี
- กรณีทุพพลภาพ รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500-1,000 บาท 15 ปี หากเสียชีวิตระหว่างการทุพพลภาพ รับค่าทำศพ 25,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต รับค่าทำศพ 25,000 บาท หากจ่ายเงินสมทบครบ 60 เดือนก่อนเสียชีวิต รับเงินเพิ่มอีก 8,000 บาท
- กรณีชราภาพ รับเงินสมทบเดือนละ 50 บาท และผู้ประกันตนจ่ายเพิ่มได้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
- กรณีสงเคราะห์บุตร ไม่ได้รับความคุ้มครอง
ทางเลือกที่ 3 จ่ายเงินสมทบในอัตรา 300 บาทต่อเดือน
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทดแทน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร ในอัตรา 300 บาทต่อเดือน
- กรณีนอนพักรักษาตัว 1 วันขึ้นไป รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 300 บาท
- กรณีไม่ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุด 3 วันขึ้นไป รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 200 บาท หากหยุดไม่เกิน 2 วัน ไม่ได้รับความคุ้มครอง
- กรณีเจ็บป่วยเป็นทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกรวมกัน รับเงินทดแทนการขาดรายได้ไม่เกิน 90 วันต่อปี
- กรณีทุพพลภาพ รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500-1,000 บาท ตลอดชีวิต หากเสียชีวิตระหว่างการทุพพลภาพ รับค่าทำศพ 50,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต รับค่าทำศพ 50,000 บาท แต่จะไม่ได้รับเงินเพิ่มกรณีจ่ายเงินสมทบครบ 60 เดือนก่อนเสียชีวิต
- กรณีชราภาพ รับเงินสมทบเดือนละ 150 บาท หากจ่ายสมทบครบ 180 เดือน รับเงินเพิ่ม 10,000 บาท และผู้ประกันตนจ่ายเพิ่มได้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
- กรณีสงเคราะห์บุตร รับเงินสงเคราะห์บุตรแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปีบริบูรณ์ คนละ 200 บาท (คราวละไม่เกิน 2 คน)
การทำประกันสังคม ดียังไง?
ประกันสังคม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีในการรักษาความมั่นคงทางด้านการเงินของประชาชนในกรณีที่เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การบาดเจ็บ การสูญเสียคนในครอบครัว การเกิดโรคร้ายแรง หรือการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น ดังนั้นการมีประกันสังคมจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณและคนในครอบครัวของคุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดได้ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความมั่นคงในการเงินในอนาคตของคุณจากเงินส่วนหนึ่งที่มีการจ่ายสมทบเพื่อรับเบี้ยยังชีพในรยามเกษียณอายุด้วย การทำประกันสังคมจึงมีประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนในมาตราต่าง ๆ ดังนี้
• ได้รับค่ารักษาพยาบาลฟรี
ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่าหัตถการ หรือค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล
• ได้รับเงินทดแทนรายได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินช่วยเหลือในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วยรุนแรง อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ
• ได้รับเงินบำนาญ
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ โดยจะได้รับเงินบำนาญตามจำนวนปีที่เข้าร่วมประกันสังคม
• เพิ่มความมั่นคงในการเงิน
การทำประกันสังคมยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการเงินของผู้ที่เข้าร่วมประกัน โดยจะช่วยให้มีเงินออมสะสมเพื่อเตรียมตัวในการเลิกงานหรือเกษียณอายุในอนาคต
รวมถึงสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อย่างเช่น การได้รับเงินสงเคราะห์บุตรและการได้รับเงินกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิตร่วมด้วย ดังนั้น การทำประกันสังคมจึงถือเป็นการลงทุนที่ดีเพื่อประโยชน์ต่อชีวิตและการเงินในอนาคตของผู้ประกันตนนั่นเอง
สิทธิ์ประกันสังคม ใช้ได้ตอนไหน?
หากคุณเป็นพนักงานเอกชนทั่วไป บริษัทของคุณจะเป็นผู้ดำเนินการสมัครประกันสังคมมาตรา 33 โดยอัตโนมัติในฐานะพนักงานประจำผู้มีเงินได้ คุณจะได้รับสิทธิ์ในการใช้งานประกันสังคมได้ทันที โดยบริษัทจะหักเงินเดือนของคุณส่วนหนึ่งและบริษัทจ่ายให้คุณส่วนหนึ่งในการจ่ายเงินสมทบในทุก ๆ เดือน แต่หากคุณเป็นอดีตพนักงานบริษัทที่อยู่ในมาตรา 33 มาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 12 เดือนขึ้นไป แล้วลาออกไปประกอบอาชีพอื่น คุณสามารถยื่นเรื่องเปลี่ยนจากการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาเป็นมาตรา 39 ได้ ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่คุณสะดวก และคุณจะต้องเป็นผู้จ่ายเงินสมทบด้วยตนเองทั้งหมด หรือหากคุณไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัท ประกอบอาชีพอิสระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้า ฟรีแลนซ์ เกษตรกร หรือว่างงาน เป็นต้น คุณก็สามารถสมัครทำประกันสังคมมาตรา 40 ได้ และต้องเป็นผู้จ่ายเงินสมทบด้วยตนเองทั้งหมดเช่นกัน หลังจากนั้นคุณจะสามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมตามเงื่อนไขในแต่ละมาตราที่คุณเป็นสมาชิกได้ทันที ไม่ว่าจะใช้ตอนป่วย ตอนทุพพลภาพ ตอนเสียชีวิต เป็นต้น โดยคุณสมบัติบุคคลที่สามารถสมัครประกันสังคมได้จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 65 ปีบริบูรณ์
ต้องการรับเงินชราภาพ ประกันสังคมทําอย่างไร?
ผู้ประกันตนที่มีการจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 180 เดือน จะสามารถรับสิทธิ์เงินชราภาพได้ โดยการจ่ายผลประโยชน์เงินชราภาพประกันสังคมจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละมาตราที่ผู้ประกันตนสมทบ ซึ่งการขอรับเงินชราภาพประกันสังคม ทำอย่างไร? ทำตามขั้นตอนดังนี้ได้เลย
- ผู้ประกันตนหรือทายาทผู้มีสิทธิ์ กรอกเอกสารแบบ สปส. 2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือยื่นเอกสารขอรับทางไปรษณีย์
- หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจหลักฐานและแจ้งผลการพิจารณาไปยังผู้ประกันตนหรือทายาทผู้มีสิทธิ์
- สำนักงานประกันสังคมสั่งจ่าย เงินสด/เช็ค ผ่านธนาณัติหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน
สำหรับหลักฐานที่ผู้ประกันตนจำเป็นจะต้องแนบมาเพื่อส่งตรวจสอบและพิจารณารับเงินชราภาพ มีดังนี้
- แบบคำร้องขอรับผลประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01)
- สำเนาบัญชีธนาคาร ที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ โดยจะต้องเป็นบัญชีของธนาคารดังต่อไปนี้ (กรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, ทหารไทย, ธนชาต, อิสลามแห่งประเทศไทย, ซีไอเอ็มบีไทย, ออมสิน, ธ.ก.ส.)
- กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต จะต้องแนบเอกสารสำเนาใบมรณะบัตร, สำเนาทะเบียนบ้านผู้ตาย, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิรับเงินชราภาพ, สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตนและของบิดามารดา (ถ้ามี), สำเนาสูติบัตรของบุตรหรือสำเนาทะเบียนบ้านของบุตร กรณีไม่มีสูติบัตร, หนังสือระบบให้เป็นผู้มีสิทธิรับเงินชราภาพ (ถ้ามี)
ประกันสังคมจ่ายยังไง?
การจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ผู้ประกันตนในแต่ละมาตราจะมีวิธีการจ่ายที่แตกต่างกันไป โดยหากเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 จะถูกหักออกจากเงินเดือนในทุก ๆ เดือนอยู่แล้ว ไม่ต้องทำเรื่องจ่ายประกันสังคมเอง แต่หากเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 หรือ ประกันสังคมมาตรา 40 ผู้ประกันตนจะต้องเป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินสมทบเอง โดยสามารถจ่ายผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วยการหักจากบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติทุกวันที่ 15 ของเดือน ซึ่งจะต้องไปทำเรื่องที่สำนักงานประกันสังคมด้วยตนเอง รวมถึงสามารถจ่ายประกันสังคมได้ผ่านช่องทางออฟไลน์ ดังนี้
- จ่ายด้วยเงินสด ณ สำนักงานประกันสังคมทุกจังหวัดทั่วไประเทศ
- จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่าง ๆ
- จ่ายผ่านระบบ Pay at Post ที่เคาน์เตอร์ที่ไปรษณีย์
ทำประกันสุขภาพจากแรบบิท แคร์ ติดไว้ด้วย! ใช้ร่วมกับประกันสังคมได้
แม้ว่าคุณจะเป็นผู้ประกันตนประกันสังคมที่สามารถใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลจากประกันสังคมได้ แต่ต้องยอมรับว่าวงเงินในการรักษาอาจจะมีไม่มากเพียงพอต่อการเข้ารับการรักษาที่สามารถเข้าถึงแพทย์ได้รวดเร็ว เพราะมีผู้ใช้สิทธิ์ประกันสังคมเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ป่วยต้องรอรับการรักษาเป็นเวลานาน ซึ่งในบางโรคที่ร้ายแรงอาจจะรักษาไม่ทันเวลา ดังนั้นการซื้อประกันสุขภาพจากแรบบิท แคร์ร่วมด้วยจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยเสริมความคุ้มครองด้านสุขภาพให้กับคุณได้ การมีประกันสุขภาพร่วมด้วยมีข้อดี ดังนี้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าประกันสังคม
- เลือกซื้อความคุ้มครองเงินชดเชยเพิ่มเติมได้ในกรณีที่ต้องเข้ารักษาพยาบาลต่อเนื่องนาน ๆ เป็นจำนวนที่มากกว่าประกันสังคม
- เข้าถึงการรักษาและทีมแพทย์ที่ช่วยให้คำปรึกษา คำแนะนำได้อย่างรวดเร็วทันเวลา
- สามารถใช้ในการเบิกเคลมร่วมกันกับประกันสังคมได้ ทำให้มีวงเงินความคุ้มครองในการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น
ประกันสุขภาพที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ