
บัตรเครดิตเติมน้ำมัน (Fleet Card) คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
การซื้อสินทรัพย์ให้กับตนเอง เช่น บ้าน รถ หรือคอนโด ถือเป็นของขวัญให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตามหลายคนอาจเกิดความกังวลไม่น้อย เพราะคอนโดก็ต่างมีราคาที่สูง บวกกับเงินเดือนก็ไม่ได้สูงพอจะซื้อคอนโดได้ขนาดนั้น แต่มีความฝันและความมุ่งมั่นที่อยากจะซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง เพื่อเป็นที่อยู่ศัยในยามแก่ วันนี้ แรบบิท แคร์ มีวิธีผ่อนคอนโด/ซื้อคอนโดฉบับสาวออฟฟิศ หรือเด็กจบใหม่ที่มีฐานเงินเดือน 15,000 บาท ไปดูกันเลย!!
วิธีที่จะทำให้เราสามารถมีคอนโดเป็นของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แม้เงินเดือนจะยังไม่มากมาย หรือเอนเอียงไปทางใช้เงินเดือนชนเดือน นั่นก็คือ “การขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย” กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน
ปัจจุบันค่าผ่อนคอนโด บางแหล่งก็มีราคาสูง เช่น อยู่ใจกลางเมือง ติดห้าง ติดรถไฟฟ้า แต่บางคอนโดก็มีราคาที่ถูกมากจนน่าประหลาดใจ บางทีเทียบเท่ากับค่าเช่าหอพักที่คุณอาจต้องจ่ายในแต่ละเดือนด้วยซ้ำไป สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนหันมาซื้อคอนโด คือไม่เพียงแต่ราคาที่ถูก แต่ยังมีส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น คอนโดตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ หรือของแถมสุดลักซ์ชูรีอย่างสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด หรือบัตรกำนัลอีกนับไม่ถ้วน
ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนเริ่มเทใจไปซื้อคอนโดกันมากขึ้น เพราะถ้าเราจะเสียเงิน 7,000-8,000 บาท ไปกับค่า เช่าห้องพักในแต่ละเดือน สู้เราเพิ่มเงินอีกหน่อยไปผ่อนคอนโดไม่ดีกว่าหรือ
นอกจากเราจะมีคอนโดเป็นของตัวเองแล้ว ยังนับเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่าอีกด้วย ถือว่ามีแต่คุ้มกับคุ้ม ดังนั้น มนุษย์เงินเดือนอันน้อยนิดอย่างเราจะซื้อคอนโดได้เช่นกัน แต่ต้องรู้จักการวางแผนและบริหารทางการเงินอย่างดี เพื่อไม่ให้เดือดร้อนตัวเอง
สำหรับเด็กจบใหม่หรือผู้ที่มีฐานเงินเดือนประมาณ 15,000 สามารถผ่อนหรือซื้อคอนโดได้ แต่อาจต้องมีการกู้ยืมหรือขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน ซึ่งการปล่อยสินเชื่อ หรือ วงเงินกู้เพื่อซื้อที่พักอาศัย นั้นจะขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของแต่ละคน ระยะเวลาการทำงาน รายได้เสริม และยอดหนี้สินที่แต่ละคนมี โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดคำถามว่า วงเงินที่จะกู้ธนาคารจะสามารถกู้ได้เท่าไหร่
ซึ่งคำตอบก็คือ โดยพื้นฐานแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 50 เท่าของเงินเดือนหรืออาจจะมากกว่า 50 เท่าก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าความมั่นคงในหน้าที่การงาน ความมีวินัยในการชำระหนี้สิน หรือประวัติทางการเงินของเราดีหรือด่างพร้อยแค่ไหน ซึ่งสัดส่วนและความสามารถของการผ่อนชำระหนี้ของแต่ละคนนั้นไม่ควรที่จะเกิน 40% ของเงินเดือน
ส่วนใหญ่แล้ว ทางธนาคารจะประเมินว่า ภาระหนี้สินประมาณ 40% ของเงินเดือน จะเป็นระดับของการผ่อนได้สบายๆ ตามฐานเงินเดือนในแต่ละช่วง
ความสามารถในการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารตามรายได้ของโครงสร้างในแต่ละฐานเงินเดือนนั้น จะสามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้ ระดับพนักงาน, ระดับหัวหน้างาน, ระดับผู้จัดการ, และระดับผู้บริหารองค์กร โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ระดับพนักงาน (First Jobber) คือ ผู้ที่มีรายได้เดือนละ 15,000 – 30,000 บาท จะสามารถกู้ซื้อคอนโดได้ 750,000-1,500,000 บาท โดยประมาณ
ซึ่งคอนโดที่อยู่ในเรทนี้มักจะเป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ (Low Rise)ที่ อยู่บริเวณแถวชานเมือง ที่ตั้งอยู่ภายในซอยต่าง ๆ ซึ่งจะไม่อยู่ติดถนนใหญ่ เรทราคาเฉลี่ยไม่ควรเกิน 50,000 – 65,000 บาทต่อตารางเมตร
ระดับหัวหน้างาน (Senior) คือ ผู้ที่มีรายได้เดือนละ 30,000-70,000 บาท จะสามารถกู้ซื้อคอนโดได้ 1,500,000-3,000,000 บาท โดยประมาณ
ซึ่งจะเหมาะกับคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ เป็นคอนโดแนวสูงวิวสวย อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้หรือติดแนวรถไฟฟ้า รอบ ๆ เมือง หรือบางคนต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย ใจกลางเมืองขึ้นมาอีกนิด
ก็เลือกเป็นคอนโดแบบโลว์ไรส์ ที่เน้นความหรูหราในย่านใจกลางเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เรทราคาเฉลี่ยไม่ควรเกิน 100,000 – 120,000 บาทต่อตารางเมตร
ระดับผู้จัดการ (Management) คือ ผู้ที่มีรายได้เดือนละ 70,000-100,000 บาท จะสามารถกู้ซื้อคอนโดได้ 3,500,000 – 10,000,000 บาท โดยประมาณ
ซึ่งฐานเงินเดือนระดับนี้ทางธนาคารจะมองว่าเป็นลูกค้าชั้นดี ทำให้สามารถกู้ได้ยอดที่สูง ซึ่งเหมาะกับคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ ระดับลักซ์ชูรี่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับไฮเอนด์ มักจะมีทำเลอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าใจกลางเมือง เรทราคาเฉลี่ยไม่ควรเกิน 150,000 – 230,000 บาทต่อตารางเมตร
ระดับผู้บริหารองค์กร (Top level) คือ ผู้ที่มีรายได้เดือนละ 100,000 บาทขึ้นไป จะสามารถกู้ซื้อคอนโดได้ 10,000,000 บาท ขึ้นไปโดยประมาณ
ซึ่งฐานเงินเดือนระดับนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเหมาะกับ คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ ระดับลักชูรี่ จนไปถึงซูปเปอร์ลักชูรี่ และสามารถเลือกเป็นห้องเพนท์เฮาส์ เน้นวิว เน้นพื้นที่ใช้สอย มีหลายห้อง อยู่ได้ทั้งครอบครัว เรทราคาเฉลี่ยก็ตั้งแต่ 230,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อคอนโด ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคลเป็นหลักแต่ก็ไม่ควรเลือกซื้อคอนโดที่เกินกำลังของตนเอง เพราะอาจจะส่งผลต่อการหาเงินมาผ่อนชำระค่างวดกับธนาคาร หรือสถาบันการเงินในอนาคต และหากคุณหมุนเงินมาผ่อนไม่ทันขอแนะนำให้มาขอสินเชื่อบ้านหรือกู้สร้างบ้านกับ แรบบิท แคร์ ได้เงินจริง วงเงินสูง อนุมัติไว เพื่อให้คุณสามารถซื้อคอนโดได้อย่างที่ใจหวัง หากสนใจโทรเลย 1438
เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care และ Asia Direct ได้อย่างมืออาชีพ
บทความแคร์การเงิน
บัตรเครดิตเติมน้ำมัน (Fleet Card) คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
ผ่อนบอลลูน คือ อะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะสมกับใครมากที่สุด
ไม่มีรถคืนไฟแนนซ์ ต้องเจอปัญหาใหญ่แค่ไหน