แคร์รถยนต์

ตั้งศูนย์คืออะไร เมื่อไหร่ควรตั้งศูนย์

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี

close
Facebook iconIG iconlinkedin iconYoutube icon
แก้ไขโดย : Thirakan T
Thirakan T

Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology

close
linkedin icon
 
Published: February 4,2020
  
Last edited: August 10, 2024
ตั้งศูนย์คืออะไร

คงเป็นคำถามที่เพื่อนๆนึกเสมอว่าเปลี่ยนยางใหม่ต้องตั้งศูนย์ใช่ไหมล่ะครับ วันนี้ทาง ไทร์บิด ของเราจะมาให้คำแนะนำการเรื่องตั้งศูนย์กันครับ รถทุกคันปกติแล้วจะมีมุมองศาล้อของรถที่ทางผู้ผลิตเซตตั้งขึ้นมาเพื่อให้รถขับตรงเมื่อมีการกดทับของน้ำหนัก แต่การที่จะให้ล้อมีมุมที่ถูกต้องนั่นก็ไม่ใช่เพียงเราต้องตั้งศูนย์ก็ทำให้รถใช้งานได้อย่างปกติครับยังคงมีปัจจัยในส่วนของเรื่องช่วงล่างซึ่งเมื่อเพื่อนใช้รถไปนานๆอาจมีการคลายตัวของน๊อตบ้างเล็กน้อย หรือไม่ว่าเพื่อนๆจะไปตกหลุมหรือชนกระแทกมาอะไหล่ต่างๆเสียหายอาจจะส่งผลทำให้มีล้อนั้นไม่อยู่ในองศาที่ถูกต้องในระยะยาวแม้จะตั้งศูนย์แล้วก็ตาม ซึ่งการที่ศูนย์ล้อไม่ได้มาตรฐานนั่นจะส่งผลให้ยางมีความผิดปกติโดยการสึกนั่นจะเป็นสึกโดยเฉพาะไหล่ยางริมขอบใดขอบหนึ่งครับและยังส่งผลให้การขับขี่ที่มีการดึงซ้ายบ้างขวาบ้างครับ ดังนั้นเมื่อรถมีปัญหาเรื่องศูนย์ของรถเราควรที่จะเช็คช่วงล่างก่อนแล้วค่อยนำไปตั้งศูนย์ครับเพื่อให้ใช้งานได้ผลดีในระยะยาวไม่ใช่เปลี่ยนยางล้อใหม่แล้วตั้งศูนย์ครับซึ่งเป็นความเข้าใจผิดๆของเพื่อนๆหลายๆท่านอยู่ครับ

งั้นเรามาลงรายละเอียดอีกนิดนะครับว่าลักษณะมุมหลักๆของที่ร้านเวลาตั้งศูนย์มีอะไรบ้างนะครับ

มุมโท (Toe)

อย่างแรกเลย คือ มุมโท ถ้าเราเปรียบเทียบกับเท้าเราเหมือนเราเดินเท้าเป็นรูปตัว V ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าวเพื่อนๆคงนึกภาพออกใช่ไหมครับว่ามุมด้านในยางจะมีการแถไปเรื่อยๆซึ่งจะทำให้มุมด้านในสึกมากกว่าปกติครับ ซึ่งหากมุมนี่ยิ่งผิดปกติมากเท่าไหร่ยางยิ่งสึกเร็วมากขึ้นเท่านั้นครับ ซึ่งในมุมกลับกันก็เช่นกันดังนั้นการตั้งศูนย์ที่ดีก็ควรที่จะตั้งเพื่อให้ยางขนานกัน

มุมแคมเบอร์ (Camber)

เป็นมุมที่สำคัญอีกหนึ่งมุมครับก็เปรียบเทียบง่ายๆคือ เหมือนคนเดินเท้าแบะครับ จะทำให้น้ำหนักลงที่ยางแค่ฝั่งเดียวซึ่งถ้าเป็นยางก็จะทำให้หน้ายางฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่แบะจะมีการรับน้ำหนักที่มากกว่า ซึ่งจะทำให้ยางบริเวณนั้นสึกได้เร็วมากกว่าอีกฝั่งครับ

มุมแคสเตอร์ (Caster)

อันนี่คือความขนานในแนวแกนตั้งครับ ถ้าเปรียบก็คือคนขาโก่งครับ ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักลงมากเกินไปหากยิ่งมุมองศาผิดไปจากที่รถตั้งมาก็อาจจะทำให้น้ำหนักลงที่ยางมากเกินไป ซึ่งจะทำให้ยางสึกเร็วมากขึ้นครับ

โดยทั่วไปแล้ว ควรตั้งศูนย์รถยนต์ทุก ๆ 6,000-10,000 กิโลเมตร หรืออย่างน้อยปีละ 2 ครั้งครับ ในกรณีที่รถมีการใช้งานรถยนต์มาอย่างหนัก หรือ ผู้ที่มีลักษณะการขับรถบนถนนขรุขระเป็นประจำ ควรตั้งศูนย์รถยนต์บ่อยขึ้น เช่น ทุก ๆ 3,000-5,000 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 6 เดือน

สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรตั้งศูนย์รถยนต์

หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบนำรถไปตั้งศูนย์รถยนต์โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานของยาง สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรตั้งศูนย์รถยนต์ ได้แก่

  • รถยนต์กินเลน
  • รถยนต์สั่นขณะขับขี่
  • ยางสึกหรอไม่เท่ากัน
  • ยางมีเสียงดัง
  • บังคับเลี้ยวยาก

นอกจากการตั้งศูนย์รถยนต์แล้ว ควรหมั่นตรวจสอบและดูแลยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วยนะครับ

ทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่ทางไทร์บิดอยากให้เพื่อนๆเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องตั้งศูนย์ก็คือ การเปลี่ยนยางใหม่นั้นไม่ได้กระทบกับศูนย์ล้อเดิมๆแน่นอนครับไม่จำเป็นต้องตั้งทุกครั้งหากศูนย์ล้อเดิมเราไม่ได้มีปัญหา หรือหากมีปัญหาก่อนที่จะนำรถไปตั้งศูนย์นั้นเพื่อนๆควรเช็คช่วงล่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อนนำรถไปตั้งศูนย์ครับเพื่อให้ระยะยาวศูนย์ของรถจะได้ไม่กลับมาเพี้ยนอีกครับ ถ้าหากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องยางรถยนต์การดูแลยางรถยนต์สามารถสอบถามเข้ามาทางไทร์บิดได้ทางช่องทาง Line@ : @tiresbid ครับเพราะทางเราพร้อมจะให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องยางกับเพื่อนๆมากขึ้นครับ

กำลังมองหาว่า ประกันภาคสมัครใจ คือประกันแบบไหนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ? Rabbit Care คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ! ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ครบครัน Rabbit Care ช่วยให้คุณเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศได้อย่างง่ายดาย ค้นหาแผนที่เหมาะสมที่สุด พร้อมความคุ้มครองครอบคลุมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ การซ่อมแซม หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ มั่นใจได้ด้วยบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงจากทีมงานมืออาชีพ เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณไร้กังวล

  • ประกันภัยชั้น 1: ครอบคลุมทุกกรณี เช่น อุบัติเหตุชน พลิกคว่ำ ไฟไหม้ น้ำท่วม รถหาย และการซ่อมรถ แม้ไม่มีคู่กรณี
  • ประกันภัยชั้น 2+: คุ้มครองกรณีชนที่มีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
  • ประกันภัยชั้น 3+: คุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะ (มีคู่กรณี) และความเสียหายของบุคคลภายนอก
  • ประกันภัยชั้น 2: คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
  • ประกันภัยชั้น 3: คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อบุคคลภายนอก

เลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์คุณ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษได้ทันทีที่ Rabbit Care สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 1438 ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

บทความที่เกี่ยวข้อง


 

บทความแคร์รถยนต์

Rabbit Care Blog Image 98901

แคร์รถยนต์

ประกันเชิงพาณิชย์ คืออะไร ? มีความคุ้มครองอย่างไรบ้าง ?

ประกันเชิงพาณิชย์ แผนประกันที่ผู้ประกอบการณ์ซึ่งใช้รถเป็นเครื่องมือในการทำมาค้าขายควรที่จะรู้จัก และเลือกทำกันไว้
Thirakan T
16/01/2025
Rabbit Care Blog Image 98640

แคร์รถยนต์

JDM เป็นประเภทรถแบบไหน ทำไมกลุ่มคนแต่งรถถึงชอบและยังได้รับความนิยมอยู่

แม้คำว่า JDM อาจไม่ได้เป็นที่แพร่หลายสำหรับคนทั่วไปมากเท่าไหร่นัก แต่ในวงการคนแต่งรถชื่อสั้น ๆ อย่างรถ JDM กลับดังกระฉ่อนจนไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินกันมาบ้าง
Natthamon
13/01/2025