ตรวจสภาพรถ ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมทุกเรื่องที่คนมีรถควรเข้าใจ





หากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์หรือกำลังจะซื้อรถยนต์มือสอง การตรวจสภาพรถ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่ใช่เพียงแค่เป็นข้อบังคับตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถของคุณปลอดภัย พร้อมใช้งาน และไม่เสี่ยงถูกปฏิเสธต่อภาษีหรือประกันภัยอีกด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทุกแง่มุมของการตรวจสภาพรถ ตั้งแต่ขั้นตอน เอกสาร ค่าธรรมเนียม ไปจนถึงวิธีการดูแลรถยนต์แบบ Bewagon คือ อะไร เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับความรู้เกี่ยวกับการดูแลรถ ผ่านเนื้อหาข้อมูลเรื่องตรวจสภาพรถอย่างครบถ้วนมากที่สุด
ตรวจสภาพรถ คืออะไร?
ตรวจสภาพรถ (Vehicle Inspection) คือ กระบวนการตรวจสอบความพร้อมและความปลอดภัยของรถยนต์ โดยผู้ตรวจสอบจะเช็คทั้งระบบเครื่องยนต์ ระบบเบรก ไฟหน้า-ไฟท้าย ยาง น้ำมันเครื่อง ไปจนถึงการปล่อยมลพิษ เพื่อยืนยันว่ารถยังสามารถใช้งานบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนั้นแล้วการตรวจสภาพรถเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการต่อภาษีประจำปี โดยเฉพาะในกรณีที่รถมีอายุเกินที่กำหนดตามกฎหมาย ต้องผ่านการตรวจสภาพตามที่กำหนดเอาไว้ ไม่อยากนั้นจะไม่สามารถดำเนินการต่อภาษีประจำปีได้ตามกำหนด ส่วนรถอายุกี่ปีถึงต้องมีการตรวจสภาพตามกฎหมายกำหนดนั้น ติดตามอ่านได้ในหัวข้อถัดไป
รถกี่ปีต้องตรวจสภาพ?
ตามกฎของกรมการขนส่งทางบก รถกี่ปีต้องตรวจสภาพ คำตอบ คือ รถยนต์ส่วนบุคคล (ไม่เกิน 7 คน) ต้องเริ่มตรวจสภาพเมื่ออายุ ครบ 7 ปีขึ้นไป และต้องตรวจผ่านเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ด้วย หากเจ้าของรถไม่ตรวจตามกำหนด จะไม่สามารถต่อภาษีประจำปีได้ และอาจมีความผิดทางกฎหมาย
ตรวจสภาพรถ ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ก่อนนำรถเข้าตรวจสภาพ อย่าลืมเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา หรือการเสียเวลาเข้ารีบการตรวจภาพรถ สำหรับเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม มีดังนี้
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง หรือสำเนาหากยังผ่อนไม่หมด
- บัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- ใบเสร็จชำระค่าภาษี (ถ้ามี)
- ใบรับรองการติดตั้งแก๊ส LPG/NGV (ถ้ามีการติดตั้ง)
คำแนะนำเพิ่มเติม หากคุณกำลังสงสัยว่า ตรวจสภาพรถ ไม่มีเล่มทะเบียน ได้ไหม? คำตอบ คือ ทำได้ หากคุณมีหนังสือรับรองการครอบครองรถจากไฟแนนซ์ หรือเอกสารยืนยันการจดทะเบียนจากขนส่ง รวมถึงสำเนาทะเบียนรถที่มีการเซ็นรับรองแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้งานแทนได้ หากไม่มีเล่มทะเบียนหรือหลักฐานยืนยัน ก็จะไม่สามารถเข้ารับการตรวจสภาพรถได้

ตรวจสภาพรถ ตรวจอะไรบ้าง?
การตรวจสภาพรถจะมีรายละเอียดการตรวจสอบตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงระบบเครื่องยนต์ โครงสร้างตัวถัง เพื่อเป็นการตรวจสภาพความปลอดภัยของการใช้งานรถยนต์คันนั้นแบบโดยรวม ซึ่งรายละเอียดการตรวจทั้งหมด มีดังนี้
- ระบบเบรก เบรกมือ
- ไฟส่องสว่างทุกดวง
- เข็มขัดนิรภัย
- ความลึกของดอกยาง
- การปล่อยมลพิษ (ควันดำ, CO, HC)
- ระบบเครื่องยนต์ และเสียงเครื่อง
- โครงสร้างตัวถัง เช่น รอยร้าว บุบ หรือสนิมที่กระทบความปลอดภัย
ในกรณีที่มีการติดตั้งแก๊สรถยนต์ จะต้องมีการตรวจระบบแก๊สอย่างละเอียดเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากเป็นระบบเชื้อเพลิงที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นมาตรฐานจากศูนย์รถยนต์
ตรวจสภาพรถ กี่ปีครั้ง?
ความถี่ในการตรวจสภาพรถขึ้นอยู่กับอายุของรถ หรือตามเลขไมล์ที่ศูนย์รถยนต์กำหนดไว้ให้ เพื่อเป็นการเซอร์วิสในด้านของเหลว พร้อมกับการตรวจเช็คอะไหล่ที่มีอายุการใช้งานจำกัด เราจะได้เปลี่ยนให้เป็นอุปกรณ์ใหม่อยู่เสมอ สร้างความอุ่นใจ และความปลอดภัยตลอดการขับขี่ ส่วนปัจจัยเพิ่มเติมที่ตอบว่าตรวจสภาพรถ กี่ปีครั้ง มีดังนี้
- หากรถอยู่ในช่วง อายุเกินกำหนด ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น จะต้องตรวจสภาพ ทุกปี
- หากเป็นรถที่ติดตั้งแก๊ส จะต้องตรวจสภาพระบบแก๊ส ทุกปี แม้รถยังไม่ครบอายุ
ตรวจสภาพทุกครั้งก่อนต่อภาษีจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย
ตรวจสภาพรถ ราคาเท่าไหร่?
ตรวจสภาพรถ กี่บาท คำตอบ คือ ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 200–300 บาท สำหรับรถยนต์ทั่วไป แต่ถ้าหากเป็นรถยนต์ที่มีการติดตั้งระบบแก๊สเข้าไป อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 100–200 บาทสำหรับการตรวจระบบแก๊ส ดังนั้นอย่าลืมสอบถามค่าบริการอีกครั้ง เพราะราคาจะแตกต่างกันตามศูนย์ตรวจ เช่น สถานตรวจสภาพเอกชน (ตรอ.) หรือสถานีขนส่งของรัฐ และบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นรวมการตรวจสภาพ + ต่อภาษี + พ.ร.บ. ในราคาพิเศษ สามารถตรวจสอบได้ที่หน้าเว็บของกรมขนส่งทางบก หรือติดต่อสอบถามไปยัง ตรอ. ที่ต้องการใช้บริการได้โดยตรง
ตรวจเช็คสภาพรถ กับ เช็คสภาพรถยนต์ ต่างกันยังไง?
คำว่าตรวจเช็คสภาพรถ และเช็คสภาพรถ อาจฟังดูใกล้เคียง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันแตกต่างกันในแง่ของบริบท ดังนี้
- ตรวจเช็คสภาพรถ หมายถึง การเช็คแบบทั่วไป เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตรวจเบรก ยาง ฯลฯ โดยอาจทำตามรอบระยะทางหรือความรู้สึกส่วนตัว
- เช็คสภาพรถยนต์ (เพื่อการต่อภาษี) คือ กระบวนการที่ต้องทำอย่างเป็นทางการ โดยมีใบรับรองจากศูนย์ตรวจที่ได้รับอนุญาต เช่น ตรอ. หรือศูนย์ Cockpit
เช็คสภาพรถยนต์ ราคาเท่าไหร่?
คราวนี้เราลองมาดูค่าใช้จ่ายในการเช็คสภาพรถทั่วไป ที่ไม่ใช่เพื่อต่อภาษีจะขึ้นอยู่กับว่าคุณตรวจอะไรไปบ้าง และจะมีการคิดค่าใช้จ่ายตามรายการที่เข้ารับบริการ เช่น
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง + กรองน้ำมัน ประมาณ 500–1,000 บาท
- ตรวจระบบเบรก ช่วงล่าง ประมาณ 300–700 บาท
- ตรวจแบบ Full Package ทั้งคัน ประมาณ 1,500–3,000 บาท (ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการ)
แนะนำให้เปรียบเทียบราคาและบริการก่อนเลือกใช้ศูนย์ใดศูนย์หนึ่ง เพื่อความคุ้มค่าของผู้เข้ารับบริการ รวมถึงเรื่องมาตรฐานที่เราไว้วางใจด้วย

การดูแลรถยนต์แบบ Bewagon คือ อะไร?
Bewagon หมายถึง แนวทางการดูแลรถยนต์ที่เน้นความใส่ใจเหมือนคนในครอบครัว โดยเจ้าของรถจะต้องหมั่นสังเกต ตรวจสอบ และดูแลรถด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยปละละเลยให้รถเสื่อมสภาพโดยไม่รู้ตัว จุดเด่นของแนวทางนี้คือการสร้างวินัยการดูแลรถ เช่น ตรวจของเหลว เบรก ยาง ไฟส่องสว่าง และเสียงผิดปกติอยู่เสมอ เพื่อให้รถพร้อมใช้งานและปลอดภัยทุกการเดินทาง
ข้อมูลเพิ่มเติม ตัวย่อทั้งหมดของคำว่า Bewagon คือ B(Brake) ตรวจเช็คระบบเบรก, E(Electricity) ตรวจระบบไฟฟ้าในรถยนต์, W(Water) ตรวจเช็คระบบน้ำ, A(Air) เช็คระบบอากาศและลม, G(Gasoline) เช็คน้ำมันเชื้อเพลิง ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง, O(Oil) ตรวจเช็คระดับน้ำมันหล่อลื่น และ N(Noise) สังเกตเสียงเครื่องยนต์
ตรวจสภาพรถให้ผ่านง่าย ไม่ต้องวนตรวจซ้ำ
โดยรวมแล้ว การตรวจสภาพรถให้ผ่านง่าย เพื่อไม่ให้เสียเวลา เสียเงิน เราสามารถเริ่มต้นเช็คด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ เช่น ตรวจเช็คไฟทุกดวงว่าใช้งานได้ครบ เติมน้ำกลั่น น้ำมันเบรกให้เต็มระดับ เช็คยางว่าไม่สึกหรอเกินไป ตรวจเบรก และเข็มขัดนิรภัยว่าอยู่ในสภาพดี ตรวจระบบแก๊ส (ถ้ามี) และนำเอกสารรับรองติดตัวไปด้วย และหมั่นล้างรถภายนอก–ใน และห้องเครื่องให้สะอาด เพียงเตรียมตัวให้พร้อม คุณก็สามารถผ่านการตรวจสภาพรถได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องวนไป-วนมา หรือเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนแล้ว
สุดท้ายนี้การตรวจสภาพรถเป็นสิ่งที่เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องรู้ ว่าเมื่อไหร่ถึงเวลาที่ควรดำเนินการ เพื่อให้เราสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการเลือกใช้บริการประกันรถยนต์เสริมเพิ่มเติม เผื่อเอาไว้เป็นการป้องกันกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะได้มีผู้ที่คอยเข้ามาช่วยเหลือดูแลทั้งในที่เกิดเหตุและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
หลังจากนั้น ซึ่งทาง แรบบิท แคร์ ยินดีให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ครบถ้วน เพียงติดต่อเข้ามาที่เบอร์ 1438 (24 ชม.) เจ้าหน้าที่จะพร้อมให้ข้อมูลในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอประกันรถยนต์จากบริษัทประกันภัยชั้นนำระดับประทเศ มากถึง 30 แห่ง ตามมาด้วยส่วนลดช่วยประหยัดสูงสุดถึง 70% หรือจะเลือกผ่อน 0% นานสุด 10 เดือนก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน
สรุป
ตรวจสภาพรถ คือ การตรวจสอบความพร้อมและความปลอดภัยของรถยนต์ โดยรถยนต์ส่วนบุคคลจะต้องเริ่มตรวจสภาพเมื่ออายุครบ 7 ปีขึ้นไป และต้องตรวจผ่านเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ เพราะหากเจ้าของรถไม่ตรวจตามกำหนด จะไม่สามารถต่อภาษีประจำปีได้และอาจมีความผิดทางกฎหมายได้นั่นเอง โดยราคาเริ่มต้นการตรวจเช็คสภาพรถทั้งคันนั้นจะเริ่มต้นที่ 1,500 – 3,000 บาท โดยจะขึ้นอยู่กับศูนย์บริการ

Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology