10 จุดสำคัญของรถยนต์ ที่ต้องตรวจสภาพทุกปี
หลายคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นยานพาหนะในการเดินทางทุกวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือใช้สำหรับทำภารกิจต่าง ๆ เพราะสะดวกสบาย คล่องตัว ไม่ต้องเสียเวลารอรถประจำทาง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าใช้รถยนต์เป็นประจำแบบนี้ รถย่อมเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา Rabbit Care จึงรวบรวมจุดสำคัญ ๆ ที่ต้องเช็กสภาพทุกปี เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยของทุกท่าน
ตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี ต้องเช็กอะไรบ้าง?
1.ตรวจเช็กเครื่องยนต์
สาเหตุที่ต้องตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ เพราะหน้าที่หลักของน้ำมันเครื่องก็คือเข้าไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวในระบบเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นของเหลวในเครื่องยนต์ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเพาเวอร์ น้ำมันเกียร์ และน้ำหล่อเย็น หากพบจุดใดแตกต่างไปจากเดิมควรจดบันทึกไว้ และนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบต่อไป หากเครื่องยนต์มีปัญหาระหว่างขับขี่คงจะวุ่นวายน่าดู แถมยังเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
2.ตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
หลังจากรถวิ่งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งจะทำให้ระดับน้ำมันเหลือน้อยกว่าที่ควร การตรวจสอบน้ำมันเครื่องสามารถนำก้านวัดจุ่มลงไปจนสุดแล้วดึงขึ้นมาตรง ๆ ก็จะทำให้รู้ว่าระดับน้ำมันเครื่องผิดต่างไปจากเดิมหรือไม่ ซึ่งเวลาที่เหมาะแก่การวัดระดับน้ำมันที่สุด คือหลังจากดับเครื่องได้ประมาณ 30 วินาที – 1 นาที เพราะเป็นเวลาที่น้ำมันเริ่มไหลกลับมาที่หม้อพักแล้ว นอกจากนี้ เจ้าของรถต้องหมั่นสังเกตด้วยว่าถ้าหากน้ำมันเครื่องขาดหลังจากเติมไปได้ไม่นาน ก็อาจเป็นเพราะมีรอยรั่วซึมเกิดขึ้นได้
3.ตรวจเช็กสภาพเบรก
เบรกมีความสำคัญในการขับขี่บนท้องถนนเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นอีกสิ่งในรถที่จะสามารถช่วยชีวิตเราได้ เมื่อต้องเจอกับสิ่งที่เป็นอุปสรรคบนท้องถนน ก็สามารถใช้เบรกให้หยุดและเลี่ยงเส้นทางไปยังที่ปลอดภัยได้ โดยทุกครั้งที่ขับรถควรสังเกตระดับน้ำมันเบรกว่าที่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากมีการเปลี่ยนแปลง ควรรีบตรวจสอบ หรือในกรณีที่เบรกนั้นทำงานได้ดี ก็ควรที่จะนำเข้าไปตรวจเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
4.ตรวจเช็กแบตเตอรี่
แบตเตอรี่เป็นสิ่งที่เราใช้งานเป็นประจำ โดยอาการแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนดสามารถตรวจเช็กได้ง่าย ๆ เพียงลองสังเกตจากการสตาร์ทรถยนต์ เพราะแบตเตอร์รี่ที่ดีต้องเก็บประจุไฟได้ดี ทำให้มีแรงดันไฟฟ้าที่เพียงพอต่อการสตาร์ทรถอย่างง่ายดายกว่าแบตเตอ์รี่ที่เริ่มมีอาการเสื่อมถอย แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรนำรถคันโปรดเข้าศูนย์เพื่อตรวจสภาพของแบตเตอรี่เป็นประจำ จะได้ไม่เกิดปัญหารถดับกลางทาง หรือสตาร์ทไม่ติดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
5.ตรวจเช็กใบปัดน้ำฝน
แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าฝน ก็ควรที่จะตรวจเช็กใบปัดน้ำฝนให้สะอาด โดยไม่ทิ้งคราบน้ำไว้บนกระจก และไม่ควรมีเศษฝุ่นสิ่งสกปรกต่าง ๆ ติดค้าง และถ้าหากสกปรกมาก ไม่เคยดูแลบำรุงรักษาเลย หรือดูสภาพไม่ดีอาจเป็นอุปสรรคในการขับรถบนท้องถนนได้ คุณจึงควรจัดการเปลี่ยนใหม่ หรือตรวจเช็กสภาพยางของใบปัดน้ำฝนพร้อมสภาพรถยนต์ประจำปีไปด้วยเลยก็ได้เช่นกัน
6.ตรวจเช็กยางรถยนต์
การขับขี่รถยนต์บนท้องถนน ยางรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก แม้คุณจะเน้นขับในเมือง และไม่ได้ใช้งานรถยนต์บ่อย ๆ ก็ตาม เพราะมีความเป็นไปได้ที่ยางจะเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ดังนั้นจึงควรตรวจสอบดูว่า ดอกยางยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งทั่วไปควรมีความลึกมากกว่า 3 มม. รวมทั้งเติมลมยางให้เพียงพอ จะได้ไม่ทำให้ยางรถยนต์รับน้ำหนักมากจนเกินไป และทางที่ดี คุณควรเช็กสภาพล้อยางบ่อย ๆ โดยช่างมืออาชีพ
7.เช็กระบบไฟ
สัญญาณไฟทั้งภายนอกและภายในรถเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ยิ่งคุณต้องขับขี่ในช่วงกลางคืน หรือท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่โปร่งใส ถ้าสัญญาณไฟไม่ดีหรือเสียอาจทำให้ประสบอุบัติเหตุได้ง่าย ผู้ขับขี่จึงควรตรวจเช็กความพร้อมของระบบไฟให้ใช้งานได้ตามปกติ สว่างครบทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น ไฟหรี่ ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟถอยหลัง และไฟกระพริบ หากพบว่ามีแหน่งใดไม่สมบูรณ์ก็ให้รีบปรับเปลี่ยนหลอดไฟ หรือให้ช่างผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบอีกครั้งก็อุ่นใจดีนะ
8.เช็กท่อไอเสียให้ดี
ท่อไอเสียรถเป็นอีกส่วนสำคัญที่ต้องหมั่นสังเกตและเช็กบ่อย ๆ คุณสามารถสังเกตได้ว่าท่อไอเสียรถของเรานั้นมีควันดำมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ามีควันสีดำเป็นจำนวนมาก มีมวลหนาแน่น และส่งกลิ่นเหม็น นั่นแสดงว่าเครื่องยนต์ของคุณกำลังเผาไหม้น้ำมันเครื่อง และมีความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์ จึงไม่ควรละเลยในส่วนนี้ หรือต่อให้มีควันจากท่อไอเสียเล็กน้อย ก็ต้องคอยตรวจเช็กรายปีเช่นกัน
9.อย่าละเลยโช๊คอัพ
โช๊คอัพเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่หลักในการช่วยรองรับแรงกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนของรถ และยังมีอีกหน้าที่คือคอยหน่วงการเคลื่อนที่ขึ้นลงของตัวรถ ไม่ให้ขึ้นและลงเร็วเกินไป แต่ถ้าโช๊คอัพเสื่อมสภาพ เวลาที่ขับรถด้วยความเร็วก็จะทำให้หน้ารถมีอาการเชิดขึ้น หรือเวลาเบรกที่ความเร็วต่ำก็จะทำให้หน้ารถทิ่มต่ำลงเร็วและมีอาการสั่นสะเทือนมากกว่าปกติเวลาขับขี่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
10.ตรวจเช็กไส้กรองอากาศรถยนต์
ไส้กรองอากาศเป็นเหมือนหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ดักกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ และยังช่วยกรองอากาศดีเข้าไปในห้องโดยสารได้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ตัวกรองอากาศอาจจะมีฝุ่นสะสมและเริ่มอุดตันทำให้อากาศไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ไม่สะดวก เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น รอบช้าลงและมีควันดำเพิ่มขึ้น ฉะนั้นแล้วการดูแลรักษาและตรวจเช็กสภาพตัวไส้กรองอากาศรถยนต์จึงมีความจำเป็นและสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ เลยนะ
แม้ว่าเราจะให้ความสำคัญของการตรวจเช็กสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรปล่อยปละละเลยก็คือ การเลือกซื้อประกันรถยนต์ เพราะนอกจากจะช่วยความคุ้มครองให้กับทรัพย์สินของเราแล้ว ยังช่วงคุ้มครองชีวิตและคู่กรณีด้วย สนใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ Rabbit Care คลิกเลย!
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี