Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ

3 สเต็ป เจาะลึกวิธีดูแลกระจกรถยนต์ เคลือบ แปะฟิล์ม ซ่อม!

กระจกรถ เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบของรถที่สำคัญมาก ๆ หากขุ่นมัว ไม่กันแสง หรือมีรอยร้าว รอยแตก ก็จะทำให้ขับรถยาก และไม่ปลอดภัยในการขับขี่ได้เลย ฉะนั้นวันนี้เราจึงอยากมาพูดถึงเรื่องกระจกรถ ตั้งแต่การเคลือบกระจกรถให้กระจ่างใสตลอดเวลา การแป่ะฟิล์มให้แดดไม่แยงเข้ามาในรถ และการซ่อมรถ ไปจนถึงการเคลมประกันรถเรื่องกระจกร้าว ตามมาอ่านกันเลย!

กระจกรถยนต์มีทั้งหมดกี่แบบ?

กระจกที่นิยมนำมาเป็นกระจกหน้ารถยนต์ มีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่


กระจกรถยนต์เทมเปอร์ (Tempered Glass)


จะเป็นที่ถูกแปรรูปมาจากกระจกเรียบ นำไปผ่านกระบวนการเทมเปอร์ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการทำคอนกรีตอัดแรง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระจก กระบวนการนี้จะสร้างให้เกิดชั้นของแรงอัดที่ผิวกระจกเพื่อต้านแรงจากภายนอก ความหนาอยู่ที่ประมาณ 5 มิลลิเมตร ทนต่อแรงบิดได้ถึง 1,500 กก./ตร.ซม. และทนความร้อนสูงถึงอุณหภูมิระดับ 170 องศาเซลเซียสโดยที่กระจกไม่แตก แต่เมื่อกระจกชนิดนี้มีการแตกออกจะเป็นชิ้นเล็ก ๆ


กระจกรถยนต์ลามิเนต (Laminated Glass)


เป็นกระจกแบบเรียบธรรมดา หรือ กระจกเทมเปอร์ สองแผ่นขึ้นไปมาประกบกัน ระหว่างชั้นเชื่อมด้วยแผ่นฟิล์มพอลิเมอร์ ชนิดไพล์ไวนิลบิวทิรอลที่มีการยึดเกาะสูงอยู่ตรงกลาง เมื่อนำไปผ่านความร้อนจะทำให้ใส ทำให้เมื่อกระจกชนิดนี้แตกจะไม่กระจายและมีขนาดเล็ก แต่ไม่สามารถมองผ่านทะลุไปได้

การเคลือบกระจกรถยนต์ คืออะไร?

การเคลือบกระจกรถยนต์ คือการนำน้ำยาที่มีสารคล้ายฟิล์มเคลือบผิวกระจก มาเช็ดที่กระจก เพื่อให้น้ำยานั้นเคลือบอยู่บนพื้นผิวของกระจก เวลามีน้ำหยดลงบนกระจก น้ำนั้นก็จะไหลลงไปโดยที่ไม่ได้เกาะค้างอยู่บนกระจกรถยนต์ หรือหากเป็นละอองน้ำฝอย ๆ ก็จะไหลมารวมกันเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว แล้วไหลออกไปจากกระจก


ข้อดีของการเคลือบกระจกรถยนต์


  • ไม่มีหยดน้ำมาบังทัศนียภาพในการขับขี่ หากหยดน้ำเกาะตัวอยู่ที่หน้ากระจก ก็จะทำให้การมองเห็นขณะขับรถน้อยลง โดยจะเห็นผลหากคุณใช้ความเร็ว 60 กม./ชม. ขึ้นไป ก็จะทำให้ไม่มีหยดน้ำเกาะหน้ากระจก
  • ช่วยปกป้องกระจกจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ อย่างฝนกรดที่สามารถกัดกร่อนเข้าสู่เนื้อกระจกได้ หรืออย่างมูลสัตว์ต่าง ๆ ที่ชอบถ่ายลงมายังกระจก ก็จะทำให้คราบนั้นไม่ฝังแน่น สามารถเช็ดออกได้อย่างสบาย ๆ
  • ป้องกันการเกิดฝ้า ในน้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์บางชนิด อาจช่วยป้องกันไม่ให้กระจกเกิดฝ้าได้ ส่งผลให้ขับรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น


วิธีเคลือบกระจกรถยนต์ด้วยตัวเอง


การเคลือบกระจกรถยนต์ไม่ต้องไปทำที่ร้าน สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมมีแค่ 3 อย่างนี้เท่านั้น ได้แก่ น้ำยาเคลือบกระจก แชมพูล้างรถ และผ้าไมโครไฟเบอร์ ก็สามารถเคลือบกระจกรถยนต์ด้วยตัวเองได้แล้ว

  • ยกที่ปัดน้ำฝนออกมาจากตัวกระจกค้างไว้
  • ทำความสะอาดกระจกก่อนด้วยแชมพูล้างรถ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกไปจากกระจก จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เอามือลูบ ๆ เพื่อเช็กเศษฝุ่นว่ายังมีติดกระจกอยู่หรือไม่
  • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดน้ำออกจากกระจกให้แห้ง (หรือจะใช้ที่รูดน้ำก็จะสะดวกกว่าเดิม) นำเทปมาปิดบริเวณรอบข้างกระจก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์ไปโดนสีรถให้เกิดความเสียดายได้ เลือกใช้เทปสำหรับทำสีรถโดยเฉพาะ หรือหากหาไม่ได้ก็ให้ใช้เทปผ้าแทน แต่เมื่อลอกเทปผ้าออกอาจจะทิ้งคราบกาวไว้ ต้องทำความสะอาดดี ๆ
  • ทาน้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์ให้ทั่วบานกระจก โดยค่อย ๆ ทำ ลงน้ำยาเคลือบกระจกโดยไล่จากบนลงล่าง เมื่อลงน้ำยาเต็มบานแล้ว ให้ทิ้งไว้ 5 นาที
  • เมื่อครบ 5 นาทีแล้ว ให้เช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ เช็ดจนกระจกกลับมาใสไม่ให้น้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์หลงเหลืออยู่

    หากเป็นการเคลือบกระจกรถยนต์ครั้งแรก ให้ลงน้ำยาเคลือบกระจกซ้ำอีกรอบเพื่อประสิทธิภาพที่ดีในครั้งแรก แต่ถ้าหากเคลือบกระจกเป็นประจำ อาทิตย์ละครั้งก็ให้ลงน้ำยาเคลือบกระจกเพียงแค่รอบเดียว

ฟิล์มรถยนต์ คืออะไร?

ฟิล์มรถยนต์ คือ วัสดุที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความเหนียว ใส เรียบ ไม่ยืดง่าย ไม่ดูดความชื้น ทนทานต่อสภาพอากาศ และในเนื้อฟิล์มแต่ละประเภทจะมีการใช้วัสดุต่าง ๆ เข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มคุณภาพและการป้องกัน โดยจะผลิตเป็นชิ้น ๆ แล้วใช้กาวพิเศษเพื่อให้ยึดเกาะกันเหนียวแน่น ตัวเลข 40 60 80 คือเปอร์เซ็นต์ระดับความทึบของฟิล์ม ยิ่งมีความเข้มมากก็จะทำให้แสงส่องผ่านเข้ามาในตัวรถได้น้อย


ข้อดีของการติดฟิล์มรถยนต์


  • ลดความร้อนในห้องโดยสาร ลดปริมาณแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างรถ รถจะเย็นเร็วขึ้นเมื่อกดเปิดแอร์ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น
  • ป้องกันหรือลดการทะลุผ่านของรังสีต่าง ๆ การได้รับรังสียูวีและรังสีอินฟาเรดบ่อย ๆ เป็นเวลานานเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นการติดฟิล์มรถยนต์ที่ลดปริมาณรังสีที่ทะลุผ่านหน้าต่างได้มากก็จะยิ่งลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน
  • ปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ภายในรถไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว แสงแดดที่ส่องลงมาภายในรถจะทำลายชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้โดยตรง โดยเฉพาะหากจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน เช่น ทำให้สีของเบาะรถซีดจาง, เบาะหนังเหี่ยวย่นเสียหาย, คอนโซลหน้า แผงประตู เกิดการเปราะแตกง่าย และอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างลำโพงกับเครื่องเสียงอาจชำรุดเสียหายได้ง่ายจากความร้อนสะสมภายในรถ
  • เพิ่มความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะติดฟิล์มเข้ม 40 60 80 ก็จะทำให้ผู้โดยสารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะคนภายนอกจะจะมองเห็นภายในรถทั้งในขณะที่คุณขับรถหรือจอดรถก็ตาม
  • ช่วยป้องกันการโจรกรรม เมื่อมองทะลุฟิล์มมาสำรวจของมีค่าในรถยนต์ไม่ได้ ก็จะลดโอกาสถูกทุบกระจกได้ในระดับหนึ่ง
  • ช่วยกันรอยขูดขีดที่กระจก กระจกรถเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงในการเปลี่ยนหรือซ่อมแซม การติดฟิล์มรถยนต์จะช่วยให้ไม่เกิดรอยขีดข่วนบนเนื้อกระจกโดยตรง ทำให้รถดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ
  • ลดโอกาสบาดเจ็บจากกระจกแตกกรณีเกิดอุบัติเหตุ หากรถยนต์ไม่ได้ใช้กระจกนิรภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุทาง กระจกจะแตกกระจายเกลื่อนถนนและภายในรถ ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์บนร่างกาย หรือที่สำคัญคืออาจเกิดการบาดเจ็บบริเวณดวงตาได้ การติดฟิล์มรถยนต์จะทำให้กระจกไม่แตกกระจายเพราะมีฟิล์มรถยนต์ช่วยยึดเกาะไว้
  • ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ฟิล์มรถยนต์จะช่วยลดแสงจ้าและแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่จะรบกวนการขับขี่ ทำให้มองเห็นทุกอย่างได้ยากบนท้องถนน นอกจากนี้ แสงจ้ายังสามารถนำไปสู่อาการปวดหัวอย่างรุนแรง ตาพร่า ตามัว จากการที่ดวงตาได้รับแสงมากเกินไป เป็นอันตรายต่อการขับขี่อย่างมาก


วิธีการดูแลฟิล์มรถยนต์


  • ภายหลังการติดตั้งจะพบรอยน้ำหรือกระจกดูมัว แต่จะหายไปเองภายใน 1 - 4 สัปดาห์
  • 7 วันแรกหลังการติดตั้งฟิล์ม ห้ามเปิดปิดกระจก เพราะฟิล์มอาจหลุดลอก
  • ห้ามเช็ดถูจนกว่าจะติดตั้งครบ 21 วัน (ใช้ที่ปัดน้ำฝนได้ เพราะฟิล์มติดภายในตัวรถ)
  • งดใช้ระบบไล่ฝ้าเป็นเวลา 30 วันหลังจากติดตั้งฟิล์มรถยนต์
  • หลังจากติดตั้งควรจอดรถยนต์จากแดดไว้ 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิล์มแห้งสนิท
  • หากสังเกตเห็นฟองอากาศควรนำรถไปให้ร้านที่ติดฟิล์มแก้ไขทันที
  • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์และน้ำเปล่าเช็ดทำความสะอาดเท่านั้น
  • ห้ามขัดถูด้วยผ้าหยาบ เพราะจะทำให้ฟิล์มเกิดรอยขีดข่วนจนเสื่อมสภาพได้
  • ห้ามใช้น้ำยาล้างกระจกที่มีส่วนผสมของสารแอมโมเนียเด็ดขาด เพราะจะทำปฏิกริยาจนกาวเสื่อม

กระจกรถยนต์ร้าว แตกเกิดจากอะไรได้บ้าง ?

แต่ถึงแม้ว่าจะเคลือบ หรือติดฟิล์มกระจกรถเท่าไหร่ กระจกรถของเราก็เสียหายได้เสสมอ โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้กระจกรถยนต์ร้าว แตก มักเกิดจากการโดนวัตถุแข็งๆ ตกใส่ หรือการโดนกระแทกอย่างรุนแรง เช่น การชน การโดนก้อนหินตกใส่ เป็นต้น แต่ถ้าจอดรถอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรตกใส่ อยู่ดีๆ กระจกรถมีรอยร้าว หรือแตก อาจเกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้


การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ


อุณหภูมิที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กระจกเกิดการแตกได้ เช่นจอดรถตากแดดร้อนจัดมาหลายชั่วโมง แล้วฝนเกิดตกกะทันหัน อุณหภูมิเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีผลทำให้กระจกแตกร้าวได้


มีการเปิดไล่ฝ้าหลังทิ้งไว้


บางครั้งการเปิดไล่ฝ้าที่กระจกหลังทิ้งเอาไว้ ทำให้ตัวแผงไล่ฝ้าทำความร้อนเพื่อที่จะไปกำจัดฝ้าที่กระจกหลัง เมื่อเปิดไว้นานจะเกิดความร้อนสูง ทำให้กระจกแตกได้ ถึงแม้กรณีนี้จะไม่ค่อยพบเห็นเท่าไหร่ แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่พอสมควร

ซ่อมกระจกรถยนต์ที่ไหนได้บ้าง ?

หากต้องการซ่อมกระจกรถยนต์ สามารถเข้าซ่อมได้ตามศูนย์บริการรถยนต์แต่ละยี่ห้อ หรือตามอู่ที่ให้บริการซ่อมกระจกก็ได้ แต่แนะนำให้เลือกซ่อมกับช่างที่มีความชำนาญเรื่องการซ่อมกระจกรถยนต์โดยเฉพาะ หลังซ่อมจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

ซ่อมกระจกรถยนต์ราคาเท่าไหร่ ?

โดยปกติการซ่อมกระจกรถยนต์จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่กันขนาดของรอยร้าว ซึ่งข้อจำกัดของการซ่อมกระจกคือแผลรอยแตกร้าวจะไม่กลับมาสนิทเหมือนเดิม จะซ่อมแซมได้ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แต่ในกรณีที่กระจกรถร้าว หรือแตกจนไม่สามารถซ่อมได้ ควรทำการเปลี่ยนกระจกใหม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกระจกจะอยู่ที่ 3,500-5,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กันชนิด และขนาดของกระจก

ในปัจจุบันเทคโนโลยีในการซ่อมกระจกรถยนต์ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กระจกที่มีรอยแตกร้าว กลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง แต่อย่างที่บอกว่าทั้งนี้ต้องดูที่ขนาดของแผลด้วย ถ้ามันร้าวใหญ่จนเกินว่าที่จะซ่อมได้ แนะนำให้เปลี่ยนกระจกไปเลยจะดีที่สุด ยอมจ่ายมากหน่อยเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ระยะยาว

กระจกรถยนต์ร้าว ประกันรับเคลมไหม ?

หากกระจกร้าว หรือแตก จากกรณีอุบัติเหตุ โดยหินกระเด็น โดนเฉี่ยวชนกระจกร้าว ไปจนถึงแตกเลย หากคุณทำประกันรถชั้นที่ 1 สามารถเคลมได้ทุกกรณี และไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) แต่จะมีการบันทึกประวัติการเคลม

แต่หากเป็นประกันรถชั้นอื่น (ประกันชั้น 2+, 2, 3+ เป็นต้น) หากเป็นกรณีที่ไม่มีคู่กรณี เช่นดินกระเด็นโดนรถ หรือชนกับเสา จะไม่สามารถเคลมกระจกรถร้าว หรือกระจกรถแตกได้ จะต้องเป็นกรณีที่ขับรถชน หรือมีรถมาเฉี่ยวชนจนทำให้กระจกเสียหาย ถึงจะใช้ประกันเคลมได้เท่านั้น

นอกจากนี้เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ ควรทำประกันรถยนต์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งหลักประกันความเสี่ยง เพิ่มความั่นใจในทุกๆ การเดินทาง สนใจทำประกันรถยนต์ออนไลน์ เลือก Rabbit Care โบรกเกอร์ประกันภัยที่รวบรวมเอาบริษัทประกันชั้นนำไว้ในที่เดียว มีกรมธรรม์ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะทำประกันชั้นไหน เราก็พร้อมให้บริการ และยังการันตรีว่าคุณจะได้เบี้ยประกันถูกที่สุด ถูกว่าซื้อตรงแน่นอน เจอราคาถูกกว่าเราคืนส่วนต่างให้ทันที ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทเดียวกัน

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา