Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

🎵 เดือน 10 นี้!! Rabbit Care แจกลำโพง Marshall Emberton 2 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 13,490 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Jul 07, 2023

รวมทริคเลือกกระจกรถยนต์และกระจกมองข้างรถยนต์ให้เหมาะกับสไตล์การใช้รถ

คุณรู้หรือไม่ว่ากระจกรถยนต์ที่คุณกำลังใช้งานอยู่เป็นกระจกประเภทไหน? และเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่? เรื่องกระจกรถยนต์มีสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเพราะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงไม่คาดฝัน กระจกจะกลายเป็นดาบสองคมที่แตกหักมาทิ่มแทงซ้ำหรือเป็นเกราะกำบังให้กับผู้ใช้รถก็ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้ถูกด้วยเช่นกัน

ส่วนกระจกข้างรถยนต์บานเล็ก ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะถ้ารถของเราไม่มีกระจกมองข้างรถยนต์ หรือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเจอว่า ชำรุด หรือมองเห็นไม่ชัดเจนก็จะถือว่าผิดกฎหมายทันที ตามกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ. 2551 กำหนดไว้ในข้อที่ 20 ว่ารถต้องมีอุปกรณ์มองภาพ สามารถให้ผู้ขับรถมองเห็นสภาพการจราจรด้านหลังและด้านข้างได้อย่างชัดเจน

ดังนั้นเราจึงควรจะมาทำความรู้จักกับกระจกรถยนต์และกระจกมองข้างรถยนต์เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับรถของเราด้วย

กระจกรถยนต์ เรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ

กระจกรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่ธรรมดาเห็นได้ในรถทุกคัน ส่วนของหน้าต่างด้านหน้าของห้องโดยสารศัพท์ในทางเทคนิคจะเรียกว่า “กระจกบังลม” ถูกออกแบบมาตามหลักการทางอากาศพลศาสตร์ให้มีความโค้งรับไปกับตัวรถเพื่อให้มีแรงต้านลมน้อยลง และมีหน้าที่หลักหลายอย่าง เช่น ปกป้องผู้โดยสารจากผลกระทบของอากาศขณะขับขี่, ดูดซับเสียง, ลดการส่งผ่านพลังงานความร้อน, ละลายน้ำแข็งและการป้องกันฝ้า, ควบคุมพื้นที่ภายในรถให้เครื่องปรับอากาศสามารถทำงานสร้างความเย็นและกรองอากาศได้อย่างเต็มที่, ป้องกันไม่ให้แสงแดด, น้ำ และฝุ่นควันบนท้องถนนสร้างความไม่สะดวกสบายกับผู้ใช้รถและผู้โดยสารโดยตรง

นอกจากนี้แล้ว ตามกฎหมายเฉพาะกระจกบังลมด้านหน้าต้องมีการส่งผ่านแสงขั้นต่ำใน 70% ในประเทศไทย 75% สำหรับในยุโรป และ 70% ในสหรัฐอเมริกา โดยแบ่งตามการใช้งานได้สองแบบ คือ กระจกติดถาวร หรือกล่าวคือกระจกที่เลื่อนไม่ได้ เช่น กระจกบังลมด้านหน้ารถ หรือกระจกหลังรถ และสองก็คือ กระจกปรับระดับได้ เช่น กระจกหน้าต่าง หรือกระจกซันรูฟ

หลายคนที่มีรถเป็นคนตัวเองอาจจะกำลังสงสัยว่า นอกจากเรื่องประโยชน์แล้วถ้าเราจะเลือกซื้อเลือกใช้กระจกรถยนต์อย่างไร ในท้องตลาดกระจกรถยนต์มีกี่แบบ? และแต่ละแบบต่างกันอย่างไร?

กระจกนิรภัยคืออะไร?

กระจกนิรภัย คือ กระจกที่ถูกทำขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ด้านความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุและมีความสามารถในการป้องกันการโจรกรรมได้ โดยปัจจุบันกระจกนิรภัยที่ใช้งานกันทั่วไปในรถยนต์จะมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ กระจกเทมเปอร์และกระจกลามิเนต

กระจกรถยนต์เทมเปอร์ (Tempered Glass) หรือ กระจกอบ คือ กระจกที่ผลิตด้วยการอบชุบด้วยความร้อนที่อุณหภูมิสูงมากประมาณ 650 องศาเซลเซียส ตามด้วยการระบายความร้อนทันที เพื่อให้เนื้อกระจกมีความเครียดจัดส่งผลต่อกระจกรถยนต์เมื่อได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ เนื้อจะแตกตัวเป็นเม็ดกลม ๆ ขนาดเล็ก ไม่แหลมคมจนทำให้บาดแผลฉกรรจ์ แต่กระจกประเภทนี้นิยมใช้สำหรับติดตั้งกระจกหน้าต่างและกระจกหลังรถเท่านั้น เพื่อไม่ให้บดบังทัศนวิสัยด้านหน้าของผู้ขับขี่ เพราะหากกระจกไม่แตกออกมาก็จะเป็นรอยร้าวอย่างละเอียดทำให้ยากต่อการมองทะลุผ่าน โดยกระจกเทมเปอร์ก็แบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ

  • โซนเทมเปอร์ (Zone-Tempered) จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลามไปทั้งบาน โดยบริเวณแถวขอบกระจกจะแตกละเอียดเป็นเม็ดเล็กกว่าส่วนอื่นที่แตกเป็นผลึกจึงอาจหลงเหลือความคมอยู่บ้าง
  • ฟูลเทมเปอร์ (Full-Tempered) ก็จะแตกมันจะลามไปทั้งบานเหมือนกัน แต่จะออกแบบมาไม่ให้เม็ดกระจกแทบจะมีความแหลมคมเลย

กระจกรถยนต์ลามิเนต คอมโพสิต (Laminated Composite Glass) หรือ กระจกลามิเนต คือ กระจกที่ผลิตด้วยการนำกระจกสองแผ่นวางประกบซ้อนกันโดยมีแผ่นฟิล์ม PVB หรือ EVA คั่นกลาง จากนั้นจะถูกนำมารีดเพื่อให้ฟิล์มยึดติดกับกระจกทั้งคู่แล้วอบในเตาเพื่อไล่อากาศ ดังนั้นเมื่อเกิดการกระแทกกระจกประเภทนี้จะไม่แตกกระจายออกมาเหมือนกระจกเทมเปอร์หรือกระจกธรรมดาทั่วไป เพราะมีชั้นแผ่นฟิล์มคอยยึดเศษกระจกไว้ด้วยกันทำให้ไม่สามารถหลุดออกมาทำอันตรายคนในห้องโดยสารได้ และจะแตกร้าวเป็นเส้นเฉพาะบริเวณที่เกิดการกระแทกไม่ลามเป็นรอยร้าวเม็ดเล็ก ๆ ทั้งบานกระจกเหมือนกระจกเทมเปอร์ ทำให้ผู้ขับขี่ยังคงสามารถมองเห็นทัศนวิสัยภายนอกรถได้ รวมทั้งจุดที่กระจกแตกยังสามารถป้องกันลมและฝนไม่ให้ซึมเข้ามาภายใน ทำให้ยังสามารถขับขี่ต่อไปได้ และมีอายุการใช้งานได้ทนทานและยาวนาน แต่ถ้าหากเสื่อมแล้วจะสังเกตได้ชัดเจน คือ จะมีลักษณะเป็นฝ้าตามมุมกระจก ส่วนใหญ่จึงจะใช้กระจกรถยนต์ประเภทนี้ในผลิตกระจกบังลมด้านหน้ารถยนต์

วิธีเลือกซื้อกระจกรถยนต์

เมื่อคุณสนใจจะซื้อรถยนต์คันใหม่ ควรจะต้องดูลักษณะของกระจกรถยนต์รุ่นนั้นด้วยว่าใช้กระจกอะไร วิธีสังเกต คือ ที่มุมซ้ายหรือขวาของกระจกจะมีสัญลักษณ์บอกประเภทไว้ หรือจะสังเกตุจากภายนอก โดยมองตรง ๆ ที่บานกระจกบังลมด้นหน้า ถ้ามีเงาสะท้อนเป็นสีม่วงวาว ๆ ทั่วทั้งบานจะเป็นกระจกฟูลเทมเปอร์ ถ้าเป็นเท็มเปอร์โซนจะมีสีม่วงเป็นดวงใหญ่ ๆ ที่กลางของบานกระจกเท่านั้น และถ้าเป็นกระจกลามิเนตจะไม่มีสีเป็นเงาสะท้อนเลย

หากที่ใช้อยู่ไม่ใช่กระจกนิรภัย 2 ประเภทที่กล่าวไปแล้วก็ไม่ควรจะซื่อรถคันนั้น หรือถ้าหากเป็นรถของที่กำลังใช้อยู่ปัจจุบันก็ต้องเปลี่ยนเป็นกระจกนิรภัยโดยเร็วเพื่อสวัสดิภาพของตัวคุณเอง เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว กระจกนิรภัยมีความแข็งแกร่งกว่ากระจกทั่วไปถึง 5 เท่า เพราะถูกผลิตมาโดยผ่านสภาวะความเค้นกด (Compression stress) ส่งผลให้กระจกภายในนั้นอยู่ในสภาะความเค้นดึง (Tension stress) เมื่อถูกกระแทกจะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่แหลมคม อีกทั้งถ้าหากถูกกระแทกแล้วจะไม่มีวัตถุทะลุผ่านกระจกมาได้ง่าย ๆ เพื่อช่วยลดอันตรายแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นได้

ราคากระจกรถยนต์ที่นิยมที่สุดในปัจจุบันอย่างกระจกลามิเนตแบบ 2 ชั้น ซึ่งราคาที่มีให้เลือกซื้อจะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านและยี่ห้อรถ กระจกบังลมด้านหน้ารถยนต์มีราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 4,500 และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เพื่อความรวดเร็วและปลอดภัย

Tips วิธีแก้ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับกระจกรถยนต์

กระจกรถยนต์เลื่อนไม่ขึ้น

สาเหตุกระจกรถปิดไม่ได้อาจเกิดได้จากสวิตช์เลื่อนขึ้น-ลงเสียหรือขัดข้อง, มอเตอร์ไฟฟ้าหลวม-เสื่อม-หมดอายุ หรือยางขอบกระจกเสื่อมทำให้กระจกฝืด

  • วิธีแก้ปัญหากระจกไฟฟ้าเลื่อนไม่ขึ้นให้ลองสตาร์ทเครื่องและเคาะบริเวณประตูพร้อมกับกดสวิตช์กระจกไฟฟ้าไปด้วย หากกระจกสามารถกลับมาใช้งานได้แล้วควรเลื่อนขึ้น-ลงอีก 2-3 รอบเพื่อป้องกันไม่ให้ขอบกระจกฝืด แต่หากวิธีนี้ยังไม่ได้ผลควรนำเข้าอู่ไปซ่อมทันที
  • ส่วนวิธีป้องกัน คือ ต้องหมั่นกระจกขึ้น-ลงบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดขัด นอกจากนี้ควรเช็กสภาพของขอบยางติดกระจกรถยนต์อยู่เสมอ หากพบว่ามีการปริ แตก เสื่อมสภาพ หรือตัวยางหลุดจากขอบ ก็ควรรีบดำเนินการเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย และทางที่ดีไม่ควรเลื่อนกระจกลงจนสุดแบบที่กระจกจมลงไปทั้งหมด เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้กระจกค้างอยู่ด้านล่างสูงมาก

กระจกรถยนต์ร้าวหรือแตก

สาเหตุของกระจกรถร้าวเองส่วนใหญ่เกิดจากแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ, ของแข็งตกใส่, การทุบรถเพื่อโจรกรรม หรือแม้กระทั่งขับรถอยู่แล้วโดนเศษหินจากล้อรถคันหน้าดีดใส่จนกระจกร้าวเป็นเส้นหรือแตกทั้งบาน นอกจากนี้กระจกรถก็อาจจะแตกเองได้เพราะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเฉียบพลัน เช่น จอดรถตากแดดร้อนจัดมาเป็นเวลานานแล้วฝนตกอากาศเย็นกะทันหัน หรือ แรงดันเปลี่ยนแปลง เช่น จอดรถอยู่ในรัศมีของแรงดันอากาศเมื่อเกิดโรงงานระเบิด หรืออีกเหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นการเปิดไล่ฝ้าทิ้งไว้ ทำให้แผงไล่ฝ้าทำความร้อนจัดจนกระจกแตกได้

กรณีที่มีรอยร้าวเป็นเศษเล็ก ๆ สามารถซ่อมแซมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ โดยติดตั้งเส้นใยให้ความร้อนกับกระจกได้โดยมีชั้นที่สะท้อนความร้อนพร้อมเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับฝนหรือความสว่าง แต่ถ้าหากกระจกแตกทั้งบานก็ต้องเปลี่ยนกระจกรถยนต์บานใหม่สถานเดียว ซึ่งราคากระจกรถยนต์ก็ไม่ใช่น้อยเลย

กระจกมองข้างรถยนต์สำคัญกว่าที่คิด

กระจกมองข้างรถยนต์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพด้านข้างรถยนต์ และทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาที่ขับขี่ การมองเห็นจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องปลอดภัยที่สุด ช่วงเวลาที่เราควรใช้กระจกมองข้างรถยนต์มีหลายสถานการณ์ เช่น ใช้สำรวจสภาพด้านหลังล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าเขตอันตราย, เมื่อต้องการลดความเร็ว, เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือขยับรถไปในทางอื่น, ให้สัญญาณเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา, ให้สัญญาณเพื่อแซง หรือเปลี่ยนช่องเดินรถ, ชะลอความเร็วหรือเข้าจอด, เปิดประตูรถ หรือใช้เพื่อดูว่ารถยนต์คันหลังนั้นใกล้รถยนต์ของคุณแค่ไหน, วิ่งด้วยอัตราเร็วเท่าใด, กำลังจะทำอะไร, ปลอดภัยหรือไม่ ช่วงเวลาที่ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพยายามมองกระจกข้าง เพื่อให้เห็นปฏิกิริยาของผู้ขับรถคันอื่น ๆ ที่สำคัญ คือ ผู้ใช้รถจะต้องฝึกฝนการมองกระจกชนิดนี้ให้คุ้นเคย เพราะกระจกมองข้างรถยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นกระจกที่โค้งนูนเล็กน้อยเพื่อให้ได้ภาพในมุมกว้างมากขึ้น ระยะภาพที่เห็นก็จะไม่ตรงตามความเป็นจริงไปด้วย

กระจกมองข้างรถยนต์มีกี่แบบ และเราเหมาะกับกระจกแบบไหน?

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้กระจกมองข้างมีหลายประเภทมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าถามว่ากระจกมองข้างรถยนต์มีกี่แบบก็จะสามารถแบ่งตามการใช้เทคโนโลยี วัสดุที่ใช้ผลิต และการใช้งานได้ ดังนี้

แบ่งประเภทตามเทคโนโลยี

  • 1. กระจกมองข้างธรรมดา คือ เป็นกระจกปรับทิศทางของกระจกมองข้างได้จากปุ่มกดตรงประตูข้างคนขับเพื่อปรับให้การมองเห็นเหมาะกับผู้ใช้รถแต่ละคน ในเวลาพับเก็บก็ใช้มือพับเก็บเข้าหาตัวรถตามปกติ
  • 2. กระจกมองข้างพับไฟฟ้า เป็นกระจกแบบเดียวกับกระจกมองข้างพับธรรมดา แต่จะต่างออกไปตรงที่มีปุ่มพับกระจกอยู่ภายในรถตรงประตูคนขับ หรือ คอนโซลพวงมาลัย เพียงแค่กดปุ่มนั้นกระจกมองข้างก็จะพับเก็บหรือกางออกในทันที ข้อควรระวังในการใช้กระจกชนิดนี้ คือ
  • 3. กระจกมองข้างออโต้ เป็นกระจกที่ทำงานคล้ายกระจกมองข้างรถยนต์พับไฟฟ้า แต่ตามจริงกระจกพับไฟฟ้าจะต้องกดปุ่มเพื่อพับทุกครั้งในขณะที่กระจกมองข้างออโต้จะพับให้อัตโนมัติเมื่อล็อกรถยนต์และกางออกเมื่อปลดล็อกโดยที่เราไม่ต้องกดปุ่มเลย เพื่อความสะดวกสบาย ป้องกันการลืมพับกระจก และเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ารถยนต์ของเราล็อกแล้วหรือเปล่าอีกด้วย

แบ่งประเภทตามวัสดุ

  • 1. กระจกเทมเปอร์ คือ กระจกที่ผลิตด้วยการอบชุบด้วยความร้อนสูง เวลาได้รับแรงกระแทกทุกรุนแรงเนื้อจะแตกตัวเป็นเม็ด ไม่แหลมคมมาก แต่ก็ยังอันตรายหากเข้าตาและยังมีส่วนคมที่บาดผิดเป็นแผลเล็ก ๆ ได้ กระจกเทมเปอร์นั้นแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา เพราะทนต่อแรงบิดมากกว่ากระจกธรรมดาถึง 3 เท่า ทนต่อแรงกระแทกจากการทดสอบค่าความแข็งของกระจกโดยกระจกเทมเปอร์หนา 4 มม. สามารถรับมือกับลูกเหล็กที่ตกใส่ในระยะ 2 ม. ได้โดยไม่แตก อีกทั้งยังทนความร้อนต่ออุณหภูมิระดับ 170 องศาเซลเซียส โดยกระจกเทมเปอร์ก็แบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ คือ Zone-Tempered เมื่อถูกกระแทกแรงพอจะแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั้งบาน โดยบริเวณขอบกระจกจะแตกละเอียดเป็นเม็ดเล็กกว่าส่วนอื่นที่แตกเป็นผลึกจึงอาจหลงเหลือความคมมากว่าส่วนที่แตกละเอียด ในขณะที่ Full-Tempered เมื่อถูกกระแทกแตกมันจะลามไปทั้งบานเหมือนกัน แต่จะออกแบบมาไม่ให้เม็ดกระจกแทบจะมีความแหลมคมเลย
  • 2. กระจกลามิเนต คือ กระจกที่ผลิตด้วยการนำกระจกสองแผ่นวางประกบซ้อนกันโดยมีแผ่นฟิล์มกั้นกลาง ดังนั้นเมื่อเกิดการกระแทกกระจกประเภทนี้จะไม่แตกกระจาย เพราะมีชั้นแผ่นฟิล์มยึดเศษกระจกไว้ และจะแตกร้าวเป็นเส้นเฉพาะจุดที่เกิดการกระแทก ไม่ลามเป็นรอยร้าวเล็ก ๆ ทั้งบานจนมองอะไรแทบไม่เห็น ทำให้ผู้ขับขี่ยังคงสามารถมองเห็นภาพสะท้อนจากกระจกมองข้างรถยนต์ได้ดีกว่าแม้จะมีรอยร้าว
  • 3. กระจกไฮบริดลามิเนต คือ กระจกรุ่นใหม่ที่มีราคาแพงขึ้นเริ่มมีใช้กับกระจกรถยนต์รุ่นใหม่ราคาสูง มีคุณสมบัติเบาและทนทานกว่ากระจกแบบลามิเนตเดิมมาก โดยส่วนมากกระจกชนิดนี้จะใช้มากในอุตสาหกรรมกระจกสมาร์ตโฟน

แบ่งประเภทตามการใช้งาน

  • 1. กระจกมองข้างรถยนต์แบบ Clear View กระจกข้างรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งที่ยืดออกและหุบเข้าได้มากกว่ากระจกข้างที่ติดรถเดิม เหมาะกับรถที่มีความยาว ลากจูง ต่อพ่วงท้าย หรือสำหรับรถยนต์ออฟโรด ที่จะช่วยขยายวิสัยทัศน์ให้มองเห็นด้านข้างของตัวรถได้กว้างไกลขึ้นไปจนถึงท้ายคัน
  • 2. กระจกมองข้างรถยนต์แบบ Clear Zone คือ กระจกชนิดนี้เป็นกระจกที่ติดเสริมจากกระจกมองข้างรถยนต์ทั่วไป โดยใช้ติดด้านบนและแบ่งมีกระจก 2 ชิ้น ข้างหนึ่งปรับให้มองเห็นมุมอับบริเวณล้อ อีกข้างหนึ่งขยายวิสัยทัศน์ด้านข้างให้ไกลขึ้น กระจกชนิดนี้หาซื้อมาติดตั้งได้เองทั่วไป ส่วนใหญ่จะพบที่ดรงเรียนสอนขับรถ หรือสำหรับผู้ที่เพิ่งหัดขับรถยนต์
  • 3. กระจกนูนเสริมภาพมุมกว้าง เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ช่วยให้มองเห็นรถในมุมอับสายตาทที่ไม่สามารถมองเห็นจากกระจกปกติ ช่วยในการจอดรถไม่ให้เบียดฟุตบาทหรือรถคันอื่น รวมถึงช่วยให้ขับไปในที่แคบได้สะดวกขึ้นโดยเฉพาะขณะถอยหลัง

วิธีการดูแลและวิธีปรับกระจกข้างรถยนต์ที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังของการใช้กระจกมองข้างรถยนต์แบบพับไฟฟ้าและกระจกออโต้ คือ ต้องระวังการเฉี่ยวชนจากจักรยานยนต์ และอย่าเผลอใช้มือพับเก็บหรือกางออกโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้นระบบกลไกของกระจกมองข้างรถยนต์อาจชำรุด เนื่องจากมอเตอร์ขนาดเล็กจะรับสัญญาณไฟฟ้าจากสวิตช์สั่งการเท่านั้น และมอเตอร์ก็จะทำงานจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสมบูรณ์ ทำให้ระบบพังเมื่อมีการพับหรือกางโดยไม่ผ่านการกดปุ่ม ที่สำคัญกว่านั้นอะไหล่ของกระจกชนิดนี้หายาก และมีราคาแพง บางรุ่นไม่มีแยกจำหน่าย หากเสียหาต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทำให้สิ้นเปลืองค่าซ่อมแซมมากขึ้นไปอีก ข้อควรแนะนำคือ เวลาติดไฟแดงนาน ๆ ควรกดสวิตช์พับกระจกมองข้างรถยนต์ไปเลย การป้องกันมอเตอร์ไซค์ลัดเลาะมาเฉี่ยวชนจนกระจกพับ หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นหักกระเด็น

ผู้ใช้รถควรเช็ดกระจกมองข้างรถยนต์อย่างสม่ำเสมอทุกวัน หรืออย่างต่ำอาทิตย์ละครั้ง แต่หากเป็นช่วงฤดูฝนก็ควรเช็ดให้บ่อยขึ้น โดยควรใช้น้ำยาเช็ดกระจกและผ้าเนื้อนิ่มในการทำความสะอาด และถ้ามีการติดติดฟิล์มควรใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดเท่านั้น ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนผสมเด็ดขาด อีกทั้งต้องหลีกเลี่ยงการจอดในที่แดดจัด เพราะแสงแดดจึงสามารถทำให้กระจกรถเปราะทำให้อายุการใช้งานของกระจกรถสั้นลงได้

วิธีปรับกระจกมองข้างรถยนต์ฝั่งคนขับควรปรับให้กางออกและตั้งฉากกับตัวรถ แบ่งกระจกเป็น 4 ส่วน ให้เห็นตัวรถ เพียง 1 ใน 4 จะช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นทัศนวิสัยด้านข้างและด้านหลังได้กว้างขึ้น การปรับกระจกมองข้างฝั่งฝั่งผู้โดยสารก็ต้องปรับเหมือนกันกับกระจกฝั่งคนขับ การปรับให้มองเห็นตัวรถมากเกินไปจะทำให้เกิดจุดบอดมากขึ้นจนมองเห็นรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิดช้ากว่าปกติจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

แม้แต่กระจกมองข้างรถยนต์หรือกระจกรถยนต์ก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความต้องการของเจ้าของรถ บางรูปแบบเพิ่มความสะดวกสบายแต่ก็มีค่าซ่อมแซมที่สูงมากหากชำรุด และต่อให้คอยรักษาเท่าไรก็อาจจะเจออุบัติเหตุได้ จะดีแค่ไหนถ้าเรามีประกันรถยนต์ที่เข้ามาช่วยดูแลทุกปัญหาที่เกิดตลอดการเดินทาง คิดถึงประกันรถยนต์ออนไลน์ คิดถึง แรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่พร้อมให้คำปรึกษา ช่วยเปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่าเสมอตลอดมา

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา