รถยนต์วอลโว่ (Volvo)

วอลโว่ เป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดนที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มายาวนานเกือบศตวรรษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี ค.ศ. 1924 โดย Assar Gabrielsson และ Gustaf Larson ณ เมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ด้วยความเหนือชั้นด้านยนตรกรรม เทคโนโลยีอันทันสมัย มีความปลอดภัยสูง ตลอดจนมีการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่มาตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกยุคอยู่เสมอ ทำให้เป็นค่ายรถระดับไฮเอนด์ที่ครองใจผู้ใช้งานอย่างแพร่หลาย เรียกได้ว่าหากพูดถึงรถที่มีนวัตกรรมอันก้าวล่ำต้องมีชื่อวอลโว่ปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน

ก่อนจะประสบความสำเร็จจนมีรุ่นรถมากมายทั้งรุ่นไฮบริด และ Volvo ไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน ต้องกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของวอลโว่ที่เริ่มต้นจากยุคเฟื่องฟูของอุตสาหกรรม โดยผู้ก่อตั้งอย่าง Assar Gabrielsson และ Gustaf Larson ได้เล็งเห็นว่าแนวโน้มตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลจะต้องได้รับความนิยมในอนาคตอย่างแน่นอน จึงได้จับมือกันสร้างแบรนด์ผลิตค่ายรถขึ้น โดยตั้งชื่อว่า Volvo ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า "volvere" ในภาษาละติน อันแปลว่า "หมุน" สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการสร้างรถยนต์คุณภาพสูง มีความทนทาน สามารถใช้งานได้โดยไม่สนขีดจำกัดเรื่องเวลาและระยะทาง ผลงานด้านยนตรกรรมได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์เมื่อรถรุ่นแรก ÖV4 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jakob ได้ออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดในปี ค.ศ. 1927 โดยมีจุดเด่นที่เป็นรถยนต์เปิดประทุน มีความคล่องตัวสูงเกินมาตรฐานรถรุ่นอื่น ๆ ในยุคนั้น

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้รถยนต์ Volvo ครองใจคนได้คือความปลอดภัย โดยเป็นผู้ริเริ่มการนำนวัตกรรมหลายอย่างมาใส่ไว้ในรถ เช่น การใส่ระบบเบรกบนล้อทั้ง 4 ข้าง เป็นเจ้าแรก, การใช้กระจกหน้าเคลือบลามิเนต, การพัฒนาเบาะสำหรับเด็กนั่งโดยเฉพาะ, การใช้ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุด ฯลฯ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะเป็นมาตรฐานการผลิตยานยนต์รุ่นต่อมา อีกทั้งทางวอลโว่เองก็เลือกที่จะไม่จดสิทธิบัตรครอบครองไว้เพียงเจ้าเดียว แต่กลับแบ่งปันเทคโนโลยีให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เพื่อมุ่งหวังยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนในระดับสากล ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นที่จดจำในฐานะผู้นำด้านความปลอดภัยในยุคปี ค.ศ. 1950 - 1960 อีกทั้งยังสะท้อนว่าทางแบรนด์ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าผลกำไรอีกด้วย

การพัฒนาเรื่องความปลอดภัยในยานยนต์ของวอลโว่ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1966 ทางผู้ผลิตก็ได้เผยโฉมรถรุ่นใหม่ Volvo 140 series โดยมีการพัฒนาตัวถังรถให้สามารถยุบตัวได้เพื่อดูดซับแรงกระแทกขณะชนกับรถยนต์คันอื่น ซึ่งตอกย้ำถึงความปลอดภัยที่จะช่วยปกป้องชีวิตของผู้โดยสารภายในรถเป็นหลัก

ช่วงปีทศวรรษปี 1980 นับว่าเป็นช่วงที่วอลโว่ก้าวกระโดดด้านยนตรกรรมอีกครั้งโดยการนำระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์มาใช้งาน โดยปี ค.ศ. 1981 ทางค่ายรถได้เปิดตัว Volvo 240 Turbo ซึ่งเป็นรุ่นรถที่ผสมผสานการใช้งานในชีวิตประจำวันกับขุมกำลังเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยในการขับขี่รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบในความเร็ว และในเวลาถัดมาก็ได้มีรุ่น 740 Turbo และ 760 Turbo ตามมา ซึ่งเป็นรุ่นรถที่มีทั้งความปลอดภัยและมีการขับขี่ที่คล่องตัว

ด้านการออกแบบทั้งภายในและภายนอกของตัวรถนั้น ทางวอลโว่ได้มุ่งเน้นพัฒนาดีไซน์ให้เรียบหรู ดูมีมิติในทุกมุม แต่ยังคงอยู่บนรากฐานทางวิศวกรรมที่ใช้งานได้จริงบนความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญ พื้นที่ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง ใช้โครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบโดยยังคงรักษาจุดเด่นของแบรนด์ไว้อย่างครบครัน ดังเช่น Volvo 240 ซึ่งรถรุ่นนี้แม้ว่าจะผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 แต่ก็ได้รับความนิยมยาวไปจนถึงปี ค.ศ 1933 สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าชื่นชอบในการออกแบบของผู้ผลิต ตัวรถคงทนมีความแข็งแรง พร้อมสมรรถนะที่ใช้งานได้จริงในระยะยาว

เข้าสู่ยุคปัจจุบันที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเริ่มมีบทบาทในวงการยานยนต์ ทางวอลโว่ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยยังคงยึดมั่นในเอกลักษณ์ของตน โดยประกาศจุดยืนพัฒนารถยนต์ไฮบริดในปี ค.ศ. 2017 เป็นเจ้าแรก ๆ ในค่ายรถยุโรป ต่อมาในปี ค.ศ. 2019 ก็ได้มีการเปิดตัว Volvo XC40 Recharge ซึ่งเป็นการเปิดประตูไปสู่การผลิตรถ Volvo ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนอกจากจะใช้พลังงานสะอาดแล้ว ยังมีความปลอดภัยสูง มีสมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย สะท้อนให้เห็นว่าทางผู้ผลิตมุ่งมั่นพัฒนา Volvo ไฟฟ้า ยานยนต์ที่ใช้พลังงานยั่งยืนอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบเชื่อมต่อและระบบขับขี่อัตโนมัติเพื่อยกระดับความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งจะเห็นได้จากระบบ Sensus Connect ที่รวมสาระความบันเทิงผสานกับเทคโนโลยีไว้อย่างครบครัน โดยมีคุณสมบัติมากมายเช่นการเชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฟน การใช้เทคโนโลยีช่วยนำทาง และการสร้างความบันเทิงขณะขับขี่ โดยสรุปแล้ว Volvo เป็นค่ายรถที่ชูจุดขายในเรื่องความปลอดภัย บนนวัตกรรมอันล้ำสมัย ตอบสนองการใช้งานบนท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมในทุก ๆ ด้าน เพื่อเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่เสมอ