รีวิว Honda City e:HEV VS Hatchback 1.0RS
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา Honda City ได้ทำการเปิดตัวหลังจากเปิดตัว City Hatchback และ City e:HEV รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เรียกว่ายอดขายจนถึงปัจจุบันทะยานเกินกว่า 60% ของรถ ฮอนด้า ทั้งหมดและเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดทางฮอนด้าจึงได้จัดกิจกรรมการทดสอบเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ว่าดีขนาดไหน
City e:HEV city Hatchback
งานมอเตอร์เอกโปร์ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ได้ทำการเปิดตัว City Hatchback และ City e:HEV ที่ออกมาเพื่อเป็นการตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้บริโภค จึงได้กำเนิด “The City Series” ทำให้ City เป็นรถธงในการทำการตลาดของฮอนด้า สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รุ่นด้วยกัน จึงไม่แปลกเลยที่ ซิตี้ จะสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของซิตี้คาร์ 2 รุ่นใหม่ ภายใต้ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก (city Hatchback) และ ซิตี้ อี:เอชอีวี (City e:HEV) น้องใหม่ เพื่อทดสอบกับเส้นทางบนถนนจริง จากกรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางไป-กลับ กว่า 400 กิโลเมตร ให้ได้สัมผัสทั้งสมรรถนะของตัวรถและเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งฟังก์ชันการใช้งานเพื่อความสะดวกสบายระดับพรีเมียม
City Hatchback
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ สะท้อนความสปอร์ต ในสไตล์แฮทช์แบ็ก มาพร้อมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED รับกับฝากระโปรงท้าย เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น RS) และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น SV และ S+) ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Energetic Hatchback” ด้วยการวาง
การออกแบบภายใน
• หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง (เฉพาะรุ่น RS) หรือมาตรวัดเรืองแสงสีขาว (เฉพาะรุ่น SV)
• พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) (ทุกรุ่น)
• ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) (ทุกรุ่น)
• ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 ช่อง (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
• ช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS)
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ยังมาพร้อมกับ Honda CONNECT (เฉพาะรุ่น RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อ
เพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ให้คุณและรถยนต์สามารถสื่อสารกันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ยังได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ Piano Black และมีการใช้วัสดุที่มีพื้นสัมผัสนุ่ม ให้ความรู้สึกพรีเมียม ส่วนพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่กว้างสบาย ภายในหรูหราและสวยงามในโทนสีดำ เบาะหนังสีดำ (เฉพาะรุ่น SV) และสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดงในรุ่น RS พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองด้วยเบาะนั่งอัลตรา ซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยน
เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด ได้แก่
• Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
• Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
• Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
• Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด
ขุมพลัง city Hatchback
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ใน ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ที่มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองอย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับสนุกดั่งใจด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-Speed Paddle Shift) และสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20
City e:HEV
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ แม้ว่าจะคงไว้ซึ่งดีไซน์ กระจังหน้าแบบ Gloss Black พร้อมโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) ไฟหน้าแบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และ e:HEV ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต แต่ได้รับการออกแบบและพัฒนาต่อยอดจาก ฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 ภายใต้แนวคิด “Ambitious Sedan” ที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจและยกระดับการใช้ชีวิตให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น
การออกแบบภายใน
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น และห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย มีความกว้างขวางสะดวกสบายในทุกมิติทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เติมอารมณ์สปอร์ตหรูด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูล การขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ช่องปรับอากาศตอนหลัง
นอกจากนี้กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) อุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น และยังครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง อาทิ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
โลกใหม่แห่งการขับขี่กับครั้งแรกของยนตรกรรม Full Hybrid ในเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย
ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ใน ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที ซึ่งให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20
สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ทดสอบ City e:HEV city Hatchback
เริ่มกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่น รับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์และรายละเอียดการพัฒนา ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ และ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ที่มาพร้อมความโดดเด่นในแต่ละคันเพื่อตอบสนองทุกความต้องการที่หลากหลาย
ออกเดินทาง ขับบนเส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สื่อมวลชนจะถูกแบ่ง เป็น 2 กลุ่ม เพิ่อจะได้สัมผัสกับทั้ง 2 ขุมพลังเต็มที่ ขาไปทีมงานได้ขับ อี:เอชอีวี ก่อน สัมผัสแรกภายในห้องโดยสารเหมือนเดิมแต่ที่รู้สึกต่างคือ หน้าจอแบบ TFT และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน เต็มระบบ ควบคุมทุกอย่างเพียงปลายนิ้ว อีกจุดที่แตกต่างคือ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)และ ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
ขับเข้าทางด่วนมุ่งหน้าเขาใหญ่ สิ่งที่รู้สึกได้สำหรับ ซิตี้ อี:เอชอีวี คือความนุ่มนวลในการขับขี่ ตั้งแต่ช่วงล่างและเครื่องยนต์ ให้การตอบสนองค่อนข้างดีอัตตราเร่งช่วงต้นดี แต่ในช่วงกลางและปลายหายไปบ้างในช่วงตัดต่อกำลังกับเครื่องยนต์ ตัวเลขแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร คาดหวังว่าจะแรงมาก แต่แอบผิดหวังเล็กๆเพราะด้วยระบบที่ทางฮอนด้าปรับตั้งมานั้น คาดว่าจะเน้นไปทางประหยัดมากกว่า จึงทำให้ตัวรถนั้นไม่ได้แรงไปกว่า เครื่องยนต์ 1.0 Turbo แต่ที่ดีกว่าแน่นอนคือ เรื่องการประหยัดน้ำมัน และความนุ่มสบายของช่วงล่าง เพราะเมื่อวิ่งถึงที่พักตัวเลขประหยัดทำได้ถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร แต่บางคนทำได้ถึง 26 กิโลเมตรต่อลิตร กันเลย
เรียกว่า ซิตี้ อี:เอชอีวี นั้น ออกแนวเรียบหรู ตั้งแต่ออฟชั่นที่ให้แบบจัดเต็ม เพิ่มความสะดวกสบายต่างๆทั้งในเมืองและนอกเมือง ระบบความปลอดภัย จาก
ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง ได้แก่
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
เพิ่มความปลอดภัยพร้อมสบายในการวิ่งทางไกล เรียกว่าถ้าใครต้องการรถที่มีเทคโนโลยีสูง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบๆ ซิตี้ อี:เอชอีวี ก็น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น แต่บางท่านอาจจะมองว่าแพงใช้ครับมันแพง แต่ถ้ามองหารถระบบไฮบริดราคานี้ออฟชั่นนี้ก็ยังไม่มีในตลาด
ขากลับจากเขาใหญ่ เปลี่ยนมาทดสอบ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก กันบ้าง ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ ภายในไม่แตกต่างจาก รุ่นซีดาน แต่ที่สวยกว่าคือกรอบครอบแอร์ที่เป็นสีดำทำให้รถดูดุขึ้นมากสำหรับภายใน และตัวเบาะที่สลับผ้าสีแดงยิ่งทำให้ตัวรถดูมีลูกเล่นมากขึ้น แต่จุดไฮไลท์ สำหรับ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก คือท้ายรถไม่ได้เอาใจวัยรุ่นเพียงอย่างเดียวแต่ประโยชน์ในการใช้งานเรียกได้ว่ามาเต็ม ถ้าคุณเป็นแฟน ฮอนด้าแจ็ส คุณก็จะรู้ถึงประโยชน์ของตัวเบาะแน่นอนแต่คิดดูว่า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก นั้นพื้นที่มากกว่าแจ็สยิ่งทำให้ประโยชน์ในการใช้งานยิ่งมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถปรับเบาะได้ถึง 4 รูปแบบ
ด้านการขับขี่ วิ่งออกจากเขาใหญ่ตามเส้นทางเขา เครื่องยนต์ 1.0Turbo ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิม ให้อัตราเร่งที่ดีพร้อมทั้ง ความเร็วปลายแบบไม่มีหมด ถ้าเทียบกับ เครื่องยนต์ อี:เอชอีวี นั้น ส่วนตัวมองว่าขับขี่ได้สนุกกว่ามาก ช่วงต้นอาจจะไม่ต่างมากนัก แต่ในช่วงเร่งแซงหรือต้องการทำความเร็วนั้น เครื่อง 1.0 ตอบสนองได้ดีกว่าชัดเจน ในเรื่องเสียงภายในห้องโดยสารต้องยอมรับว่ารถในรูปแบบ แฮทช์แบ็ก นั้นจะมีเสียงเข้ามาภายในห้องโดยสารมากกว่า รถซีดาน แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป พวงมาลัยเฉียบคมควบคุมได้ดังใจ ช่วงล่างรู้สึกได้ถึงความแข็งแต่นั้นก็ทำให้ตัวรถขับขี่ในความเร็วสูงได้ดีกว่า อี:เอชอีวี แต่เสียดายในเรื่องระบบเบรค ซิตี้ แฮทช์แบ็ก นั้นด้านหลังยังเป็น ดรัมเบรค ในช่วงความเร็วสูงนั้นอาจจะเสียวๆได้ ซึ่งต่างจาก อี:เอชอีวี ที่เป็น ดิสค์ทั้ง 4 ล้อ ทำให้รู้สึกดีกว่า
ซิตี้ แฮทช์แบ็ก นั้นทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกกลุ่ม จริงๆตั้งแต่วัยรุ่น จนวัยทำงาน เพราะตัวรถนั้นออกแบบมาเพิ่มประโยชน์อย่างแท้จริง ฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆที่มีมาให้เรียกว่าเพียงพอสำหรับผู้ใช้งาน ทั้งเรื่องการขับขี่ที่สนุกสนาน ออฟชั่นภายใน การประหยัดน้ำมันถึงแม้จะสู้ ระบบไฮบริดไม่ได้แต่ก็ไม่แย่ กลับถึง กรุงเทพฯสามารถทำตัวเลยได้ถึง 17 กิโลเมตรต่อลิตร
สรุปสำหรับ City e:HEV&city Hatchback
เรียกว่าตั้งแต่เปิดตัวมายอดขาย แรงอย่างต่อเนื่อง และทั้งสองรุ่นแตกต่างอย่างชัดเจน และเมื่อเราได้ทดสอบยิ่งได้เห็นถึงความต่างที่ชัดเจน ถ้าคุณมองหารถใช้งานขับขี่แบบสนุกสนาน ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ก็จะเป็นคำตอบ แต่ถ้าเป็นสายหรูขับขี่ สบายๆในเมือง ชอบเทคโนโลยี ซิตี้ อี:เอชอีวี ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดี
city Hatchback ให้อารมณ์ เหมือนคุณเป็นเด็กต้องการรถแต่งขับไปมหาลัย แบบว่าออกจากโรงงานไม่ต้องทำอะไรกับมัน เครื่องยนต์สามารถปรับแต่งง่าย สะกิดนิดเดียวแรงแบบไม่ต้องพยายาม ของเล่นในตลาดสายฮอนด้ารู้ดีว่ามีเยอะมาก พร้อมทั้งประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลายในการพับเบาะ จึงไม่แปลกที่ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก จะได้รับความนิยม
ข้อเสีย
1 เบรคหลังยังเป็นดรัมเบรค
2 เสียงที่เข้าห้องโดยสารเยอะกว่าตัวซีดาน
สี city Hatchback
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS
สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วย สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และ SV
สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น S+
ราคาcity Hatchback
• รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
• รุ่น SV ราคา 675,000 บาท
• รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท
City e:HEV เป็นรถที่ให้อารมณ์ แบบเดียวกับ Accord Hybrid ย่อส่วนลงให้มีขนาดกระทัดรัดขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ ถ้าคุณต้องการรถประหยัดน้ำมัน วิ่งแบบเงียบๆในเมือง นุ่นนวล
ข้อเสีย ซิตี้ อี:เอชอีวี
1 ราคาที่แพงทำให้ตัวเลือกในตลาดเพิ่มมากขึ้น
2 หน้าตาไม่แตกต่างจากตัวซีดานมากนัก ถ้าเปลี่ยนกระจังหน้าแบบโครเมียม ชุดแต่งในแบบหรูหราขึ้นกว่านี้ เบาะนั่งเป็นหนังหรือปรับไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้รู้สึกต่าง
3 ไม่เหมาะในการวิ่งความเร็วสูง
สี City e:HEV
ฮอนด้า อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
ราคา City e:HEV รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
อัปเดตรถยนต์ใหม่ ราคาดี๊ดี พร้อมโปรโมชั่นใหม่ ๆ คลิก one2car.com และต่อประกันภัยรถยนต์ จาก Rabbit Care
สนับสนุนบทความดี ๆ โดย Autospinn และติดตามเรื่องรถใหม่ก่อนใคร
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี