แคร์การเงิน

5 E-wallet แบรนด์ที่กำลังมาแรง ถ้าไม่อยากเอ้าก็หามาใช้ซะ

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี

close
Published June 04, 2019

มาแล้ว ๆ ขั้นกว่าของโลกออนไลน์ที่กำลังมาแรง ต้องบอกเลยว่า ของมันต้องมี เพราะ E-wallet ในตอนนี้ใคร ๆ เขาก็มีกัน ใครไม่มีคือเอ้าแน่ ๆ สังคมโซเซียลต่างตื่นตัวกันไม่น้อยกับการใช้ กระเป๋าเงินออนไลน์ หรือ E-wallet โดยเป็นการจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนแบบทันที โดยคอนเซ็ปของเจ้า E-wallet นี้คือ จ่ายเงินรวดเร็วได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องหยิบเงินสด ไม่ต้องหาบัตรเครดิตมารูด แถมยังได้ส่วนลดหรือโปรโมชั่นเมื่อชำระสินค้าและบริการอีกด้วย เมื่อกระแส cashless Society กำลังมา ก็อยากให้ทุกคนได้เปิดใจและหันมาใช้ e-wallet กัน จะได้ทันยุคทันสมัย เท่าทันเพื่อน ๆ ซึ่งผู้เขียนจะมาขอแนะนำกระเป๋าเงินออนไลน์ยอดนิยมที่กำลังดังปังๆ อยู่ในตอนนี้ ให้ไปพิจารณาใช้กันดู ไปดูกันค่ะ!

1.Rabbit Line Pay

เป็นการรวมตัวกันของ Rabbit กับ Line โดยสามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินออนไลน์ได้ทางบัญชีธนาคารและตู้เอทีเอ็ม หรือจะผูกเข้ากับบัตรเดบิตและบัตรเครดิตก็ได้เช่นกัน สำหรับบัตรเดบิตที่ผูกเข้าได้คือบัตรธนาคารไทยพาณิชย์, กรุงไทย, กสิกรไทย, กรุงเทพ, กรุงศรีอยุธยา, ซีไอเอ็มบีไทย, ธนชาต และทหารไทย โดย Rabbit LINE Pay สามารถสแกนผ่าน QR code หรือ Barcode เพื่อโอนเงิน เรียกเก็บเงิน จ่ายค่าบริการ นอกจากนี้ยังใช้ซื้อสินค้าทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้ด้วย นอกจากนี้ Rabbit Line Pay ยังได้เปิดบริการให้ลิงค์บัตรรถไฟฟ้า BTS เข้ากับ Rabbit Line Pay ได้ จึงไม่จำเป็นต้องมาแลกเหรียญ เข้าแถวหยอดเหรียญที่สถานีให้เสียเวลา

2.Samsung Pay

เป็นนวัตกรรมการจ่ายเงินโดยเพิ่มบัตรเครดิตของเราลงไปในสมาร์ทโฟน จากนั้นก็สามารถนำไปชำระค่าบริการร้านค้า ร้านอาหารและบริการต่างๆ ได้เลย ซึ่ง Samsung Pay มีการใช้งานกับร้านค้าค่อนข้างครอบคลุมและหลากหลาย เพียงพกมือถือเครื่องเดียวก็จ่ายได้สบายทุกที่ทุกเวลา โดยซัมซุงได้ใช้เทคโนโลยี Tokenization ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยทางการเงิน โดยแปลงบัญชีข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็น token แล้วจึงค่อยนำ token ไปใช้ในการชำระเงินแทนเงินจากบัญชีโดยตรง และหมายเลยบัตรเครดิตของเราจะถูกแทนด้วย Device Card Number   อีกทั้งยังมีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Samsung Pay มากขึ้นอีกด้วย สมาร์ทโฟนที่รองรับ Samsung Pay มีดังนี้

Galaxy Note 8, Galaxy Note FE, Galaxy Note 5, Galaxy S8+, Galaxy S8, Galaxy S7 edge, Galaxy S7, Galaxy S6 edge+, Galaxy S6, Galaxy A9 Pro, Galaxy A7, Galaxy A5, Galaxy A3, Galaxy J7Pro, Galaxy J5 Pro.

ส่วนบัตรเครดิตที่สามารถผูกใช้กับ Samsung Pay ได้ ก็มี บัตร KTC, ธนาคารซิตี้แบงค์, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, กรุงเทพ และ UOB   

 3.TrueMoney Wallet / WeCard

WeCard เป็นแอปพลิเคชันที่อยู่ใน true money wallet ที่สามารถใช้ช้อปกับร้านค้าทั่วไปที่รับบัตร MasterCard และช้อปออนไลน์ได้โดยไม่ต้องง้อบัตรเครดิตเลย จะมีทั้งตัวบัตรจริงๆและบัตรในแอปพลิเคชัน ซึ่งจะต้องมีการเติมเงินเข้าบัตรก่อนจึงจะใช้ได้ วิธีง่าย ๆ คือเติมด้วยเงินสดได้ทาง 7-Eleven และอีกทางคือ ตู้ ATM หรือ iBanking ของธนาคาร กสิกร, ไทยพาณิชน์, กรุงเทพ, กรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, ทหารไทย, ธนชาต และซีไอเอ็ทบีไทย โดยฟรีค่าธรรมเนียม ส่วนวิธีสุดท้ายในการเติมเงินเข้าบัตรคือ การผูกบัตร TrueMoney WeCard บน Play store หรือ App store ซึ่งต้องเลือกช่องทางการจ่ายเงินด้วย MasterCard แล้วกรอกเลขบัตรของเราลงไป เพียงเท่านี้ก็ใช้ WeCard ช้อปให้กระจายได้แล้ว

TrueMoney Wallet หรือ WeCard ใช้บาร์โค้ดในการ จ่ายบิล ซื้อบัตรเงินสด โอนเงิน ช้อปสินค้าออนไลน์ ซื้ออาหาร หรือจองบัตรคอนเสิร์ตได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ซื้อตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถทัวร์ หรือ ตั๋วหนังได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย

4.mPay

เป็นบัญชีแอปพลิเคชันที่รับ, โอนและจ่ายเงิน โดยจะโอนเงินจาก mPay ไปที่บัญชีพร้อมเพย์ด้วยการใช้หมายเลขบัตรประชาชน โดยฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อโอนไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนการสแกน QR โค้ดก็จะใช้สำหรับการชำระเงินค่าสินค้าและบริการตามร้านค้าต่าง ๆ และหากต้องรับเงินจากเพื่อน ๆ ก็ใช้ E-wallet ID ในการดำเนินการ ซึ่งช่องทางการเติมเงินของ mPay ก็คือ เติมเงินผ่านการผูกบัญชีหรือตู้ ATM ของธนาคารกรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, UOB, กรุงไทย, ซีไอเอ็มบีไทย และธนาคารธนชาต นอกจากนี้ยังสามารถเติมเงินได้ที่ AIS shop ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หรือตู้เติมเงิน หรือ mPay station ทุกสาขาได้ตามที่สะดวก เพียงดาวน์โหลดและใช้ mPay app ก็ลดความเสี่ยงของการพกเงินสดในการใช้จ่ายลงได้อีกระดับแล้ว

5.WePay

เป็นผู้ให้บริการชำระค่าใบแจ้งหนี้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่า พ.ร.บ เป็นต้น เติมเงินมือถือ เติมเงินเกมออนไลน์และจำหน่ายบัตรเงินสด โดยจุดเด่นของ WePay คือจะมีส่วนลดให้กับสมาชิกทันทีที่ใช้บริการ นอกจากนี้ หลังจากที่ทำการชำระค่าใบแจ้งหนี้เรียบร้อยแล้ว จะมีการจัดส่งใบเสร็จรับเงินตัวจริงไปให้ถึงบ้านด้วย สำหรับการเติมเงินเข้าสู่ WePay นั้น ทำได้ที่ตู้เอทีเอ็ม, iBanking และ 7-Eleven ทุกสาขา ไม่เพียงเท่านี้ WePay ยังได้เพิ่มความปลอดภัยระดับสูงให้กับเราด้วยการให้ยืนยันตัวตนด้วยระบบ OTP (One-time-password) ทาง SMS จึงสามารถทำธุรกรรมทางการเงินทุก ๆ รายการได้อย่างมั่นใจหายห่วง  WePay ยังเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยยกจุดรับชำระมาให้บริการถึงที่บนเว็บไซต์ สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลาลงได้อีกเยอะ

จากทั้ง 5 แบรนด์ดังที่นำมาเสนอวันนี้ ต่างก็มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป เราจึงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่เราจะได้กระเป๋าเงินออนไลน์ใบที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด บอกไว้ตรงนี้เลยว่า E-wallet นอกจากจะเข้ามายกระดับชีวิตของเราให้สบายขึ้นแล้ว ยังมาช่วยให้การใช้ชีวิตและเวลาของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก รีบหามาใช้กันซะ เวลาเป็นเงินเป็นทอง รอไม่ได้แล้วนะคะ

ผู้เขียน ประชันดาว ศรีภักดี iPrice


บทความแคร์การเงิน

แคร์การเงิน

ไฟแนนซ์ คืออะไร จัดไฟแนนซ์รถ รีไฟแนนซ์บ้าน ทำได้อย่างไรบ้าง

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า จัดไฟแนนซ์ ขอไฟแนนซ์ หรือขอสินเชื่อกันมาพอสมควร แต่อาจจะยังไม่เข้าใจรายละเอียดเรื่องการจัดไฟแนนซ์ ว่ามีขั้นตอนอย่างไร
Thirakan T
11/04/2024

แคร์การเงิน

เป็นหนี้บัตรเครดิต ยึดทรัพย์ คู่สมรสได้ไหม?

เรื่องหนี้สิน เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคู่สมรส โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต ที่เกิดจากการใช้จ่ายของทั้งสองฝ่าย ทั้งในกรณีที่ใช้จ่ายร่วมกัน
Thirakan T
11/04/2024

แคร์การเงิน

ผ่อนบ้านไม่ไหว ขายคืนธนาคารได้ไหม หรือควรทำอย่างไรดี

ปัญหาผ่อนบ้านไม่ไหว น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่น่าหนักใจสำหรับใครหลายคน เพราะดอกเบี้ยบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัญหาผ่อนบ้านไม่ไหว
Thirakan T
11/04/2024