แคร์การลงทุน

หุ้น IPO คืออะไร ? ทำไมจึงเป็นที่หมายปองของนักธุรกิจทั้งหลาย ?

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี

close
Facebook iconIG iconlinkedin iconYoutube icon
 
 
Published: July 14,2023
ipo

จากสถานการณ์ในตลาดหุ้นที่มีความลุ่ม ๆ ดอน ๆ เอามาก ๆ หลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่ล้มครืนกันเป็นระนาว แน่นอนว่านักลงทุนทุกท่านต้องการลงทุนกับหุ้นคุณภาพ ในช่วงที่ราคาหุ้นกำลังเบ่งบาน ก่อนที่จะสุกงอมและขายได้กลับมาเป็นกำไร ผลตอบแทนที่มากมาย ฉะนั้นหุ้น IPO จึงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบหุ้นที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดหุ้น วันนี้ แรบบิท แคร์ จึงอยากอธิบาย ความหมายที่แท้จริงของ IPO น่าลงทุนจริงไหม หรือก็ยังเสี่ยงมาก ๆ อยู่ ?

IPO คือ ?

IPO ย่อมาจาก Initial Public Offering คือหุ้นที่ได้เสนอขายให้กับประชาชนทั่วเป็นครั้งแรก หมายความว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่าย จากที่บริษัท private-held company กลายเป็น public company ที่สามารถซื้อขายหุ้นโดยกลุ่มประชาชนธรรมดาได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าบริษัทในตลาดทั่วไป ซึ่งเงินที่ได้จากการ IPO สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจเพื่อขยายกิจการ หรือทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในแวดวงที่กว้างขวางขึ้น

ipo

กลไกการทำงานของ IPO

ขั้นตอนการทำ IPO มีความซับซ้อนมาก ๆ ฉะนั้นจะขอแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา

– ช่วงก่อร่างสร้างตัว

ก่อนเข้าสู่การจดทะเบียน IPO บริษัทจะยังถือว่ามีเจ้าของเป็นเอกชน (Private-owned) หรือมีเจ้าของเพียงไม่กี่คน เช่น ผู้ก่อตั้ง ญาติและเพื่อน ยังคงเป็นบริษัทขนาดเล็ก ไปจนถึงกลาง แต่เมื่อบริษัทเหล่านั้นค่อย ๆ เติบโตจนถึงระดับหนึ่ง เริ่มมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และต้องการพัฒนาบริษัทไปในทิศทางใหม่ ๆ ซึ่งกำลังต้องการเม็ดเงินที่จะปั่นให้บริษัทขยายต่อไปข้างหน้าได้ 

– ช่วงพิจารณา

การ IPO จึงจัดว่าเป็นก้าวที่ใหญ่มาก ๆ สำหรับทุกบริษัท  แต่ก็ไม่ใช่ว่าบริษัทอะไรก็ได้ที่สามารถทำได้เพราะบริษัทจะต้องผ่านการตรวจสอบที่ค่อนข้างเคร่งครัดจากหน่วยงาน SEC หรือ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ตรวจสอบงบประมาณ บัญชี เพื่อให้ได้ผ่านเกณฑ์กำหนดก่อนที่จะเปิดหุ้นเสนอประชาชนทั่วไป

โดยราคาของหุ้น IPO ถูกกำหนดขึ้นจากสิ่งที่เรียกว่า Due Diligence โดยก.ล.ต. จะเข้ามาตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ การประเมินทรัพย์สิน ตลอดจนหนี้สินของบริษัทว่ามีมูลค่าถูกต้องครบถ้วนตามบัญชีและมีอยู่จริง ซึ่งผู้ถือหุ้นตั้งต้น (Private-Shareholder) สามารถขายให้กับนักลงทุนได้ ซึ่งจะสามารถมองได้ว่าเป็นช่วงระดมทุน กอบโกยกำไรจากการนำหุ้นขายกับนักลงทุนอื่น ๆ โดยหากเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง การลงทุนกับ IPO จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะได้ซื้อหุ้นช่วงเติบโต เพิ่งเข้าตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มที่เยอะขึ้นเรื่อย ๆ 

– ช่วงหลังจากนำบริษัทเข้าสู่ IPO เรียบร้อยแล้ว

หลังจากสิ้นสุด IPO บริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้นเต็มรูปแบบ ต้องจัดตั้ง BOI หรือ Board of Investment สำหรับผู้ที่ถือหุ้นรายใหญ่ ตั้งวาระในการประชุมงบประมาณการเงิน ปันผลต่าง ๆ และกำหนดช่วงเวลาซื้อขายของหุ้นต่อ ๆ ไป 

บริษัทยูนิคอร์น คืออะไร ?

ยูนิคอร์น คือบริษัท หรือ Start-up ที่ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการหุ้น IPO หรือยังเป็นบริษัท Private-owned มีมูลค่ารวมสูงเกิน 1 พันล้าน หรือเป็นมูลค่าจากการประมวล Due Diligence สูงเกิน 1 พันล้าน ส่วนมากจะเป็นบริษัท Start-up สายเทคโนโลยี ที่ริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ขึ้นมา หรือเป็นการต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เช่น SpaceX บริการสำรวจอวากาศ / DiDi แอปเรียกรถของจีน 

หากเป็นบริษัทยูนิคอร์นในไทย ยกตัวอย่างเช่น Ascend Money (แพลตฟอร์ม e-wallet) / Bitkrub (แพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ) / Flash Express (ลอจิสติกส์) และอื่น ๆ อีกมากมาย

ipo

ทำมาต้อง IPO ?

เพิ่มทุนให้กับบริษัท : บางบริษัทที่พัฒนามาสุดเพดานแล้ว ต้องการอยากขยายทุนเพื่อทำธุรกิจต่อยอดไปข้างหน้า เช่นทำร้านอาหาร แต่ต้องการขยายร้าน ขยายสาขา อาจนำบริษัทเข้า IPO เพื่อขายหุ้นให้กับนักลงทุน ให้กระแสเงินสดไหลเข้าสู่บริษัทเพื่อขยายกิจการ 

เพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จัก : การนำบริษัทเข้า IPO แน่นอนว่าจะช่วยทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่รู้จักในหมู่นักธุรกิจ นักลงทุน ซึ่งอาจช่วยให้มีกลุ่มลูกค้าเข้ามามากขึ้นด้วย เป็นหนึ่งในแผนการตลาดที่สามารถคืนชีพให้กับธุรกิจได้

เพิ่มความโปร่งใสให้กับธุรกิจ : เมื่อบริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้น ทำให้ธุรกิจดูโปร่งใส สามารถมีการตรวจสอบได้ เป็นผลดีทั้งกับตัวบริษัทและผู้ลงทุน

ความเสี่ยงของการทำ IPO

ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น : ในการที่จะผ่านการพิจารณาจาก SEC ไม่ใช่เรื่องง่าย บางบริษัทต้องพึ่งบริษัทบัญชี จัดระบบการเงินใหม่ให้ได้มาตรฐาน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายระยะยาวเพื่อให้รักษามาตรฐานหลังจากทำ IPO เสร็จแล้ว ก็ไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อย ๆ 

เสียการควบคุม : หากผู้นำไม่มีความมั่นคง หนักแน่นพอ การสร้าง Board of Investment หรือบริษัทตกเป็นของคนหมู่มากขึ้น ตัวตน และแนวทางตั้งต้นของบริษัทอาจสามารถถูกหลงลืม แล้วกลายเป็นเปลี่ยนแนวทางไปโดยปริยาย

เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงาน : โดยเฉพาะในเรื่องงบประมาณ และผลตอบแทน สำหรับบริษัทเล็ก ๆ ที่ส่วนมากโครงสร้างการบริหารไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ หลังจากผ่าน IPO อาจต้องมีระบบ มีการควบคุมมากขึ้น ซึ่งหากบริษัทไม่พร้อม อาจมีความยุ่งยากมากขึ้น

ipo

IPO น่าลงทุนจริงไหม ?

หุ้น IPO มักจะถูกจับจ้องโดยสื่ออย่างหนัก ทำให้ราคาของหุ้นในวันที่ IPO มีการขึ้นลงที่เยอะมาก ๆ ฉะนั้นนักลงทุนหลาย ๆ คนที่อยากได้ผลกำไรในทันทีจึงจับจ้องที่จะเข้าไปลงทุนกับหุ้น IPO แต่แน่นอนว่ายิ่งผลตอบแทนเยอะเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ต้องเยอะมากขึ้นเท่านั้น สำหรับบางบริษัท แท้จริงแล้วมูลค่าและโอกาสเติบโตไม่ได้มากเท่ากับการที่สื่อประโคมนำเสนอข่าว สร้างกระแส จนกลายเป็นว่าราคาหุ้นในช่วงเริ่มเข้าตลาดหุ้นพุ่งสูงมาก ๆ และสุดท้ายก็จะค่อย ๆ ดิ่งลงตามลำดับ ฉะนั้นการเลือกลงทุนกับหุ้น IPO จึงควรจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทอย่างละเอียด โดยให้มองผลตอบแทนระยะยาว และโอกาสการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืน ซึ่งจะสามารถสร้างผลกำไรระยะยาวได้เรื่อย ๆ ต่อ ๆ ไป

ใคร ๆ ก็สามารถซื้อ IPO ได้หรือไม่ ?

หุ้น IPO ไม่ได้ซื้อได้ง่าย อาจต้องอาศัยจังหวะเวลา หรือเส้นสายเสียหน่อย เพราะโดยปกติแล้วจะมี demand ที่มากกว่า supply และราคาหุ้น IPO มักถูกสงวนไว้สำหรับพนักงานประจำ พนักงานเก่าแก่ หรือคู่ค้าสำคัญเสียก่อน ฉะนั้นบ่อยครั้งสุดท้ายราคาหุ้นที่ตกทอดมาสู่ประชาชน มักจะไม่ใช่ราคาหุ้นที่แท้จริง แต่เป็นราคาที่อาจขึ้นมาแล้วหลังจากบริษัทออกสู่สาธารณะนั่นเอง

รู้ก่อนลงทุน IPO 

ช่วงเวลาล็อกอัป (Lock-Up) : ลักษณะปกติของกราฟ จะสังเกตได้ว่าครั้นผ่านกระบวนเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว แล้วประมาณ 3 เดือนราคาหุ้นจะหักตกลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ได้หมายความว่าบริษัทสูญเสียมูลค่าแต่อย่างใด แต่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เรียกว่า lock-up เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น กับผู้ตรวจสอบ โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นไม่สามารถขายหุ้นหลังจากซื้อหุ้น IPO ไปแล้วเป็นเวลาตามที่กฎหมายกำหนด (สามารถ Lock-up ยาวนาน 3 เดือน ไปจนถึง 2 ปีเลยทีเดียว)  ซึ่งเมื่อปลดล็อก แน่นอนว่านักลงทุนบางกลุ่มอาจตัดสินใจขายหุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นตกลง ก่อนที่ราคาจะกลับมาเพิ่มขึ้นตามกลไกของตลาด

ช่วงเวลารอ (Waiting Periods) : หากการซื้อขายโดยขึ้นอยู่กับ Investment Banking บางแห่ง จึงจะมีการกำหนดช่วงเวลาซื้อขายที่แน่นอน ฉะนั้นจึงมีช่วง Waiting Period ก่อนที่จะมีการซื้อขาย

ขายต่อ (Flipping) : การขายต่อ หรือที่ทางการเงินเรียกว่า Flipping คือการซื้อมาขายต่อทันทีที่สามารถขายได้ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น เป็นที่นิยมในหมู่ IPO ที่เป็นกระแส มาไวไปไว

หวังว่าทุกท่านคงจะได้เข้าใจความหมายของ IPO อย่างถ่องแท้มากขึ้น พร้อมทั้งรู้จักวิธีการลงทุนอย่างปลอดภัย รอบคอบ และชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ซึ่งสำหรับใครที่เป็นมือใหม่ หัดลงทุน กำลังหาวิธีการลงทุนง่าย ๆ ความเสี่ยงต่ำ แรบบิท แคร์ ขอแนะนำ ลงทุนกับ ประกันออมทรัพย์ หรือประกันสะสมทรัพย์ สั่งสมนิสัยอดออมเงิน ผนวกกับได้สิทธิคุ้มครอง และเงินปันผล ใครอยากเริ่มลงทุนอย่างชาญฉลาด คลิกเลย!

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์


     

    บทความแคร์การลงทุน

    Rabbit Care Blog Image 90923

    แคร์การลงทุน

    อัปเดตเทรนด์ธุรกิจ 2024 และโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจและกำลังมาแรง

    แรบบิท แคร์ ขออาสาพาทุกคนไปอัปเดตเทรนด์ธุรกิจ 2024 ที่กำลังมาแรง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนฉุดไม่อยู่ในตลาด
    คะน้าใบเขียว
    15/07/2024
    Rabbit Care Blog Image 87830

    แคร์การลงทุน

    Forex คืออะไร ? สามารถสร้างกำไรมหาศาลได้จริงหรือไม่ ? ทำไมเซเลปหลายคนถึงโดนคดี ?

    Forex หนึ่งในการเทรดหรือการลงทุนท่ามกลางกระแสการลงทุนมากมายในยุคปัจจุบันที่มีประเด็นร้อนแรงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
    กองบรรณาธิการ
    11/01/2024