หุ้นคืออะไร ในความคิดของใครหลายๆคน อาจจะคิดว่า เป็นตัวเลขที่วิ่งๆไว้ซื้อขาย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แค่นั้น เพราะโลกของวงการนี้มันมีมากกว่านั้น สำหรับมือใหม่ต้องเริ่มจากตรงไหน เพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจเล่นหุ้น ลองไปเรียนรู้กัน

หุ้น คือ ตราสารที่กิจการออกให้แก่ผู้ถือ (Holder) หรือ stock เพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ถือตราสารจะมีฐานะเป็น เจ้าของกิจการ มีสิทธิในทรัพย์สิน ทั้งส่วนได้ส่วนเสียจากกิจการนั้นๆ และผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ขึ้นอยู่กับผลกไร และข้อตกลงของกิจการนั้นๆ หรือเรียกง่ายว่า เป็นสิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการหนึ่งๆ ที่เราเข้าไปซื้อนั่นเอง

เมื่อเราทำความรู้จักว่าหุ้นคืออะไรไปแล้ว ทีนี้เรามาทำความรู้จักประเภทกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. หุ้นสามัญ (Common Stock)

เป็นตราสารที่ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) ที่ต้องการระดมเงินทุนจากประชาชน เพื่อให้ประชาชนหรือคนทั่วไปมีสิทธิในการเป็นเจ้าของบริษัท มีสิทธิร่วมลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนของผู้ที่ถือครองอยู่ หรือเรียกๆง่ายๆว่า ร่วมเป็นผู้ตัดสินใจในปัญหาสำคัญในที่ประชุม เช่น การเพิ่มทุน การจ่ายปันผล การควบรวมกิจการ เป็นต้น โดยสิ่งที่ได้ตอบแทนก็คือ เงินปันผลจากกำไรที่ได้จากการดำเนินการของบริษัท ตัวอย่าง เช่น

• Blue Ship คือ หุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจดี มีความมั่นคงทางการเงิน มีความน่าเชื่อถือ ก่อตั้งมานาน ผลประกอบการดี เติบโตต่อเนื่อง และมีอัตราผลตอบแทนไม่ผันผวน เช่น บริษัทใหญ่ๆใน SET50
  
• Growth Stock คือ หุ้นของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็ว มียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจให้ผลตอบแทนในระดับสูงในระยะเวลาการถือที่ไม่นาน
  
• Value Stock เรียกง่ายๆว่า หุ้นดี ราคาถูก มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมตามทฤษฎี และสมมติฐานหนึ่งของการลงทุน มีการจ่ายเงินปันผลสูงกว่าตลาดหรือประเภทอุตสาหกรรมเดียวกัน
  
• Income Stock เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลสูง มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกิจการที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงทำให้กลุ่มนี้ผลตอบแทนปันผลสูง
  
• Defensive Stock เป็นหุ้นที่ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลง เรียกได้ว่าทนทานในทุกสภาพตลาด ค่อนข้างแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นเงินปันผล โดยจะเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน เช่น กลุ่มอาหาร สาธารณูปโภค เป็นต้น
  
• Cyclical Stock เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีราคาผันผวนสูงขึ้นลงตามวัฏจักรของธุรกิจ มีผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงมากกว่าผลตอบแทนของตลาด
  
• Speculative Stock หรือเรียกอีกอย่างว่า หุ้นเก็งกำไร สามารถสร้างผลตอบแทนในรูปแบบส่วนต่างราคาได้รวดเร็ว กำไรมาก ความเสี่ยงก็มากตาม ลักษณะของธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็นของบริษัทใหม่ หรือบริษัทขนาดเล็ก
  
  

2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)

ออกโดยบริษัทเอกชน เป็นตราสารที่ผู้ถือมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่ต่างกันที่จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุม เมื่อกิจการมีกำไร และหากกิจการต้องเลิกกิจการ จะได้รับเงินคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ โดยจะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่าผู้ถือหุ้นสามัญก็ได้

1. สำรวจความต้องการของตัวเอง

เริ่มต้นจากการสำรวจพื้นฐานตัวเอง รวมถึงเป้าหมายของตัวเราก่อน เพื่อจะได้หาวิธีการลงทุนที่เหมาะสม เช่น เป้าหมายการลงทุนเพื่ออยากมีเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ เมื่อได้เป้าหมายแล้ว ก็มาดูเงื่อนไขที่สามารถทำได้หรือไม่ได้ของตัวเอง

2. เลือกสไตล์การลงทุนที่ใช่

สไตล์ลงทุนพื้นฐาน

กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มองระยะยาว ลักษณะการเล่นจะเน้นดูพื้นฐานเป็นหลัก หรือบางคนเลือกทยอยเข้าซื้อแบบ DCA หรือซื้อในจำนวนเท่ากันทุกเดือนเพื่อให้ได้ราคาที่เฉลี่ยๆกัน

สไตล์เก็งกำไร

กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มองระยะสั้น ลักษณะการเล่นประเภทนี้จะเน้นการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ให้ความสำคัญกับราคา โดยผลตอบแทนที่มักจะได้ คือ ส่วนต่าง ในการซื้อราคาถูกและขายในช่วงที่ราคาแพงกว่าตอนที่ซ์้อมานั่นเอง

3. เปิดบัญชีหุ้น (พอร์ต)

ขั้นตอนก่อนการจะซื้อ ขั้นแรกต้องเปิดบัญชีหุ้นหรือเปิดพอร์ตก่อน โดยสามารถเปิดได้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เช่น บริษัทหลักทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันสามารถเปิดพอร์ตออนไลน์ได้แล้วด้วย

4. รู้พื้นฐาน

ก่อนจะตัดสินใจซื้อสักตัว ต้องศึกษารายละเอียด เรียนรู้ข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ธุรกิจ ภาวะเศรษฐกิจ ผลประกอบการของกิจการที่สนใจ ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับกิจการนั้นๆ

เป็นอย่างไรบ้างความรู้พื้นฐานว่าหุ้นคืออะไร หวังว่าจะเป็นแนวทางได้ไม่มากก็น้อย เพื่อใช้เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด เล่นได้อย่างมั่นใจ แถมยังคลายความสงสัยว่าหุ้นคืออะไร