เช็คให้ชัวร์! ประกันสุขภาพ Copayment VS Deductible ต่างกันอย่างไร? ซื้อแบบไหนดี?

Nok Srihong
ผู้เขียน: Nok Srihong Published: October 20, 2022
Nok Srihong
Nok Srihong
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คะน้าใบเขียว
แก้ไขโดย: คะน้าใบเขียว Last edited: October 22, 2022
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
ประกันสุขภาพ Co payment vs Deductible

เริ่มเข้าใกล้ฤดูหนาวเข้ามาทุกทีแล้ว อากาศก็ค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดวัน ทั้งลมหนาว ทั้งฝน ทำให้ช่วงนี้หลาย ๆ คนเริ่มมีปัญหาสุขภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ กันบ้างแล้ว และเริ่มที่จะมองหาประกันสุขภาพติดตัวเอาไว้ให้อุ่นใจ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าประกันสุขภาพที่เห็นในปัจจุบัน ไม่ได้มีแต่แบบที่ให้ความคุ้มครองปกติ ( Full Coverage) เท่านั้น แต่ยังมีประกันสุขภาพแบบ Co payment และ แบบ Deductible ที่ทำให้เราสามารถซื้อประกันสุขภาพได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมถึง20-50%เลยทีเดียว และวันนี้น้องแคร์จะพามาทำความรู้จักประกันสุขภาพทั้ง 2 แบบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังมองหาประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสูงเพิ่มเติมแต่มีงบจำกัด

ประกันสุขภาพแบบ Co payment คือ?

การมีส่วนร่วมจ่าย หรือ Co payment คือ แบบประกันสุขภาพที่บริษัทประกันมีการระบุเป็นเงื่อนไขว่า ทุกครั้งที่มีการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยของผู้เอาประกัน ทางผู้เอาประกันจะต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายค่ารักษาตามเปอร์เซ็นต์คงที่ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ จากค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ซื้อประกันสุขภาพแบบ Co payment 20% นั่นหมายความ หากผู้เอาประกันมีการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาอยู่ที่ 100,000 บาท ผู้เอาประกันก็จะต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาในครั้งนั้น ๆ  20% ของค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด นั่นก็คือ จ่าย 20% ของ 100,000 บาท หรือ 20,000 บาท ขณะที่บริษัทประกันจะจ่ายค่ารักษาอีก 80% ที่เหลือ หรือ 80,0000 บาท เป็นต้น

สรุปง่าย ๆ ก็คือ หากซื้อประกันสุขภาพแบบ Co payment ทุกครั้งที่ผู้เอาประกันมีการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ผู้เอาประกันจะต้องมีส่วนร่วมจ่ายตามเปอร์เซ็นต์ที่ระบุตามกรมธรรม์ทุกครั้ง ที่เหลือบริษัทประกันจะเป็นผู้จ่าย

สมัครประกันสุขภาพกับน้องแคร์ รับบริการปรึกษาแพทย์ฟรี! ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    ซื้อประกันสุขภาพแบบ Co payment มีข้อดีอย่างไร?

    สำหรับข้อดีของการซื้อประกันสุขภาพแบบ Co payment ก็คือ จะช่วยให้ผู้เอาประกันประหยัดค่าเบี้ยประกันตามจำนวนเปอร์เซ็นต์ Co payment ที่เลือกทำประกัน สามารถซื้อประกันสุขภาพได้ในราคาที่ถูกลงกว่าแบบประกันสุขภาพปกติ (Full Coverage) แต่จะเหมาะสำหรับคนที่มีประกันสุขภาพฉบับอื่นร่วมด้วย หรือมีสวัสดิการประกันกลุ่มเท่านั้น เพราะจะสามารถนำไปใช้ควบคู่ในการเบิกเคลมค่ารักษาได้ เมื่อมีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน และต้องมีส่วนร่วมจ่ายตามเปอร์เซ็นต์ที่เราตกลงซื้อประกัน  หากเรามีประกันสุขภาพฉบับอื่น หรือมีประกันกลุ่ม เราสามารถนำประกันเหล่านั้น มายื่นเคลมจ่ายเป็นค่า Co payment ได้โดยที่เราไม่ต้องควักเงินจ่ายเองเลย และหากมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินก็สามารถเลือกใช้ประกันสุขภาพฉบับอื่น ๆ ที่มี มาสมทบในการเคลมได้เช่นกัน

    ประกันสุขภาพ Copayment

    แล้วประกันสุขภาพแบบ Deductible ล่ะ คืออะไร?

    Deductible หรือ ความรับผิดส่วนแรก อธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การซื้อประกันสุขภาพ แบบที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในส่วนแรก คล้ายกับแบบ Co payment โดยประกันสุขภาพแบบ Deductible ทั่วไปจะมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ ได้แก่

    • Deductible แบบรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกต่อครั้ง (จ่ายทุกครั้ง) ที่เข้ารับการรักษาในฐานะผู้ป่วยใน

    ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เอาประกันจะต้องมีการจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกตามจำนวนที่ตกลงซื้อประกัน เช่น ซื้อประกันสุขภาพแบบ Deductible 20,000 บาท เมื่อมีการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน แต่ละครั้ง ด้วยโรคใดโรคหนึ่ง เกิน 90 วัน ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกให้ครบ 20,000 บาทในทุก ๆ ครั้งก่อนเสมอ หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือบริษัทประกันจึงจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อไป แต่หากเป็นการรักษาโรคใดโรคหนึ่งในแต่ละครั้งรวมกันไม่เกิน 90 วัน หากผู้เอาประกันจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกครบ 20,000 บาทแล้ว เมื่อมีการกลับมารักษาด้วยโรคเดิมอีกภายใน 90 วัน กรณีเช่นนี้ก็จะไม่ต้องจ่ายค่า Deductible ซ้ำอีก (จะยังไม่นับเป็นรอบการรับผิดส่วนแรกรอบใหม่) แต่หากผู้เอาประกันยังจ่ายค่าความรับผิดชอบส่วนแรกยังไม่ครบ 20,000 บาท ก็สามารถสมทบค่าความรับผิดชอบส่วนแรกในการรักษาแต่ละครั้ง จนครบ 20,000 บาทได้ แต่ต้องเป็นการรักษาตัวในโรคเดิมที่ไม่เกิน 90 วัน ตามรายละเอียดข้างต้น

    • Deductible แบบรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกต่อปี (จ่ายครั้งเดียว) ที่มีการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน

    ค่าความรับผิดส่วนแรกแบบจ่ายครั้งเดียวนี้ จะใช้หลักการเดียวกันกับแบบแรก เพียงแต่จะเป็นการจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกเฉพาะการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในครั้งแรกในปีกรมธรรม์นั้น ๆ หากมีการจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกครบแล้ว ในการเข้ารับการรักษาตัวครั้งถัดไปในปีกรมธรรม์ ก็จะไม่ต้องจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกอีก แต่หากในกรณีที่ค่ารักษาในการเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในครั้งแรกไม่ถึงจำนวน Deductible ที่ทำไว้ ผู้เอาประกันก็จะต้องจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกนี้ในครั้งถัดไป รวมกันจนกว่าจะครบตามจำนวน Deductible นั่นเอง

    ข้อดีของการซื้อประกันแบบ Deductible

    หลัก ๆ แล้วข้อดีของการซื้อประกันแบบนี้ก็จะเหมือนกับแบบ Co payment ตรงที่ช่วยให้ผู้เอาประกันประหยัดค่าเบี้ยประกัน ยิ่งซื้อแผนที่มีค่าความรับผิดส่วนแรกสูง ค่าเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลง โดยถูกลงมากถึง 20-50% เลยทีเดียว ทำให้เราสามารถมีความคุ้มครองด้านสุขภาพดี ๆ วงเงินค่ารักษาสูงได้ แม้มีงบจำกัด และเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำไปใช้ควบคู่กับประกันสุขภาพฉบับอื่น ๆ หรือประกันกลุ่ม ในการเบิกเคลมค่ารักษาได้ โดยเมื่อมีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในเกิดขึ้น ค่าความรับผิดส่วนแรกในครั้งนั้น หากเรามีประกันสุขภาพฉบับอื่น หรือมีประกันกลุ่ม ก็จะสามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกได้ รวมถึงในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายส่วนเกินก็สามารถเลิกใช้ประกันสุขภาพฉบับอื่น ๆ ที่มี มาสมทบในการเคลมได้เช่นกัน

    ประกันสุขภาพ Co payment VS Deductible

    ข้อจำกัดของประกันสุขภาพแบบ Deductible และแบบ Co payment

    ข้อจำกัดข้อสำคัญของประกันสุขภาพทั้ง 2 แบบ ก็คือ จะไม่เหมาะกับบุคคลที่ต้องการจะซื้อประกันสุขภาพเป็นฉบับแรกและฉบับเดียวในชีวิต โดยที่ไม่เคยมีประกันสุขภาพใด ๆ มาก่อนหรือไม่มีสวัสดิการอื่น ๆ อย่างเช่น ประกันกลุ่ม ที่ไม่เหมาะเนื่องจาก หากต้องเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบก่อนเสมอ ยิ่งถ้าหากซื้อแบบที่มีค่า Deductible สูง ๆ หรือค่า Co payment เปอร์เซ็นต์สูง ก็จะยิ่งทำให้เราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประกันสุขภาพ Deductible แบบต่อครั้ง หากค่ารักษาในแต่ละครั้งไม่ถึงจำนวนความรับผิดส่วนแรก ก็จะเสมือนว่าเราเป็นคนจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมดในทุก ๆ ครั้ง ทั้ง ๆ ที่เราจ่ายค่าเบี้ยประกันไปแล้ว แม้ว่าค่าเบี้ยประกันจะถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับการซื้อประกันสุขภาพแบบปกติ (Full Coverage)

    แต่สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อประกันสุขภาพเป็นฉบับแรกและฉบับเดียวในชีวิต ประกันสุขภาพแบบปกติก็ยังตอบโจทย์และเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนแน่นอน ยกเว้นกรณีที่มีค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ดังนั้นในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ น้องแคร์จึงแนะนำว่าควรเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่มากเพียงพอ จะได้ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มเติม

    ประกันสุขภาพ Co payment และ Deductible เหมาะกับใคร?

    แน่นอนว่าบุคคลที่เหมาะกับการซื้อประกันสุขภาพทั้ง 2 แบบ มากที่สุดก็คือ บุคคลที่มีประกันสุขภาพฉบับอื่น ๆ อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว หรือมีสวัสดิการประกันกลุ่ม แต่ต้องการซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการวงเงินความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลที่มากขึ้น แต่ต้องการจ่ายค่าเบี้ยประกันถูกลงจากเดิม เพื่อนำมาใช้ในการเบิกเคลมร่วมกันกับประกันสุขภาพหรือสวัสดิการอื่นที่มี 

    เลือกทำแบบไหนดีกว่ากัน? Co payment หรือ Deductible

    จริง ๆ แล้วข้อแตกต่างของประกันสุขภาพทั้ง 2 แบบ จะมีเพียงจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันจะต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบ เมื่อมีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในเกิดขึ้น แต่หลักการในการทำงานเหมือนกัน คือ ผู้เอาประกันต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาบางส่วน ทั้งนี้ถ้าหากเลือกซื้อประกันแบบ Co payment ที่เปอร์เซ็นต์สูง ๆ ก็อาจจะมีแนวโน้มว่าจะต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น เนื่องจากประกันสุขภาพแบบ Co payment ผู้เอาประกันจะมีส่วนร่วมจ่ายเป็นจำนวนมากหรือน้อยเพียงใดจะขึ้นอยู่กับจำนวนค่ารักษาในแต่ละครั้งเป็นหลัก หากค่ารักษาในครั้งใดครั้งหนึ่งมีจำนวนมาก ก็จะทำให้ผู้เอาประกันจะต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาเป็นจำนวนมากตามไปด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ ก็อาจจะต้องแอบลุ้นกันทุกครั้งว่าค่ารักษาในครั้งนั้น ๆ มากน้อยเพียงใด เนื่องจากแบบ Co payment ไม่ได้มีการกำหนดจำนวนที่ต้องมีส่วนร่วมจ่ายคงที่นั่นเอง

    ในขณะเดียวกันหากเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบ Deductible ผู้เอาประกันจะทราบตัวเลขที่ต้องร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในแบบชัดเจน โดยจะต้องรับผิดชอบเป็นจำนวน 20,000 30,000 หรือจำนวนใด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือกซื้อหรือตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ ซึ่งหากเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบนี้ ก็ต้องวิเคราะห์ให้ดีว่า จะเลือกทำแบบต่อครั้ง ที่เมื่อเข้ารักษาตัวทุกครั้ง ก็จะต้องมีการรับผิดชอบค่ารักษาร่วมด้วยทุกครั้ง หรือจะเลือกแบบต่อปี ที่จ่ายเพียงครั้งเดียวในการเข้ารักษาครั้งแรกในรอบปีกรมธรรม์ แบบไหนที่จะเหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของเรามากที่สุด 

    ประกันสุขภาพแบบ Deductible

    ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบใด สิ่งสำคัญที่สุดที่น้องแคร์แนะนำทุกครั้งก็คือ แบบประกันสุขภาพที่คุณเลือกซื้อนั้น ควรจะให้วงเงินความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลที่มากเพียงพอ และครอบคลุมทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกและการมีประกันสุขภาพที่มากกว่า 1 ฉบับ ก็ถือว่าเป็นการวางแผนทางการเงินที่ดีมาก ๆ เพราะนอกจากที่คุณจะสามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการเบิกเคลมค่ารักษาร่วมกันแล้ว คุณก็จะอุ่นใจมากขึ้นเมื่อเจ็บป่วยหนัก เพราะวงเงินค่ารักษาของคุณจะมีมากกว่า 1 ก้อน ทำให้คุณมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ดีและมีโอกาสหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ หากยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบไหนดี แรบบิท แคร์ เรามีบริการเปรียบเทียบประกันสุขภาพ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกประกันสุขภาพที่ใช่สำหรับคุณมากที่สุด!

    สรุป

    ไม่ว่าจะเลือกทำประกันสุขภาพแบบ Deductible หรือ แบบ Co payment สิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การมีประกันสุขภาพฉบับอื่น หรือมีสวัสดิการประกันกลุ่มร่วมด้วยอยู่แล้ว เพราะจุดประสงค์หลักของประกันสุขภาพทั้ง 2 แบบ ก็คือ การใช้ร่วมกับประกันฉบับอื่น ๆ นั่นเอง

    บทความแคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    Rabbit Care Blog Image 99737

    แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    Hospitals for Foreigners and Navigating Healthcare Guide in Thailand

    Thailand, renowned for its vibrant culture, stunning landscapes, and affordable cost of living, is increasingly becoming a popular destination for expatriates and medical tourists alike. Access to quality healthcare is a crucial consideration for anyone planning to live or travel abroad, and Thailand offers a robust and sophisticated healthcare system. For foreigners, understanding the nuances of this system, from navigating hospital options to
    Nok Srihong
    13/03/2025
    Rabbit Care Blog Image 99730

    แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    Navigating Health Insurance in Tak for Foreigners: Your Comprehensive Guide

    Securing reliable health insurance is a critical step for any foreigner residing in Tak, Thailand. Understanding the nuances of the Thai healthcare system and the available insurance options can feel overwhelming. This guide aims to simplify the process, providing you with the essential information needed to choose the best health insurance in Tak for foreigners for your specific needs and budget. We will cover everything from understanding
    Nok Srihong
    12/03/2025
    Rabbit Care Blog Image 99750

    แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    Securing Your Health: Expat Health Insurance Bangkok

    Bangkok, a vibrant metropolis, offers a compelling blend of culture, opportunity, and affordability, attracting expats from across the globe. However, navigating the healthcare system as a foreigner can be daunting, making comprehensive expat health insurance Bangkok an absolute necessity. Choosing the right plan ensures you receive quality medical care without facing crippling financial burdens in case of illness or injury. This guide delves
    Nok Srihong
    10/03/2025