ตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ ขับรถชนคนบนถนน รถยนต์เป็นฝ่ายผิด 100 % จริงหรือไม่
อุบัติเหตุขับรถชนคนเสียชีวิตเป็นเรื่องพบเห็นเป็นข่าวแทบทุกวัน ซึ่งกรณีดังกล่าวเรามักเห็นผลสรุปรูปคดีว่าคนขับรถยนต์เป็นฝ่ายผิด ซึ่งผู้ขับขี่ก็ต้องโทษทางอาญาและมีการชดเชยเงินให้กับผู้เสียหายตามที่คำพิพากษาของศาล แต่ทั้งนี้ก็มีบางกรณีที่เราเห็นว่าศาลได้ตัดสินให้ผู้เดินข้ามถนนเป็นฝ่ายผิดและผู้ขับขี่ไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย ส่งผลทำให้หลายคนอาจงวยงงว่าการขับรถชนคนเดินข้ามถนนนั้นผู้ขับเป็นฝ่ายผิดเสมอจริงหรือไม่ และมีข้อยกเว้นใดบ้างที่ผู้ขับไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เพื่อเคลียข้อสงสัยให้กระจ่าง น้องแคร์จะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจในบทความนี้
กฎหมาย ขับรถชนคนบาดเจ็บ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจเรื่องบทกฎหมายกันก่อน ซึ่งผู้ขับขี่ทุกคนต้องรู้ข้อกฎหมายเหล่านี้เพื่อที่จะขับขี่ได้อย่างถูกต้องตามกฎจราจร น้องแคร์ได้นำข้อกฎหมายจำเป็นมาสรุปภาพรวมให้ฟังดังนี้
1. ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้ชนคนข้ามถนนไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม และต้องใช้สัญญาณเตือนให้คนเดินเท้ารู้ตัวโดยเฉพาะ เด็ก คนชรา คนพิการ
2. หากขับรถชนคนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผู้ขับต้องห้ามหลบหนีเด็ดขาด ซึ่งผู้ขับจะต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือ และเข้าแจ้งความ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากขับรถชนคนเสียชีวิตแล้วหลบหนีโทษก็จะหนักกว่าเดิมโดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. หากผู้ขับขี่ไม่หยุดให้คนข้ามบนทางม้าลายถือว่ามีความผิด และมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
4. เมื่อคุณขับรถชนคนไม่ว่าจะถูกหรือผิด ทางเจ้าหน้าที่จะตั้งข้อหาเราเบื้องต้นก่อน หากคุณโดนตั้งข้อหาแบบนี้ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายถูกอย่าเพิ่งตกใจ ให้หาหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ เช่น กล้องวงจรปิด กล้องติดรถยนต์ หรือพยานในเหตุการณ์ เพื่อไปพิสูจน์ในชั้นศาลให้พ้นความผิดได้ ดังนั้นเราจะเห็นว่ากล้องติดรถยนต์สำคัญเป็นอย่างมาก
5. แม้ว่าจะมีข้อกำหนดกฎหมายมาระบุความผิดของผู้ขับขี่มากมาย แต่ผู้ข้ามถนนก็มีข้อกำหนดด้วยเช่นกันคือ ผู้ข้ามถนนต้องข้ามตรงทางม้าลาย หรือข้ามตรงสัญญาณไฟข้าม และต้องข้ามก็ต้องเมื่อมีสัญญาณไฟเขียวของคนข้ามเท่านั้นส่วนไฟแดงคนข้ามก็ต้องหยุดข้าม หรือถ้าข้ามตรงแยกต่าง ๆ ก็ต้องข้ามตอนรถหยุดไฟแดง
กรณีขับรถชนคนที่มักเกิดขึ้นบ่อย
จากข้อกำหนดทางกฎหมายเราสามารถนำกรณีอุบัติเหตุมาสรุปให้ชัดเจนได้ ดังนี้
1. กรณีขับรถชนคนตรงทางม้าลาย
หากเกิดเหตุเช่นนี้ผู้ขับผิดแน่นอน ไม่ว่าจะขับด้วยความเร็วเท่าใด ไม่ว่าจะอยู่สภาพไหน คนขับเป็นฝ่ายผิดแน่นอน เพราะกฎหมายจะคุ้มครองผู้ที่เดินข้ามทางม้าลายก่อนเสมอ และผู้ขับจะต้องหยุดรถหรือชะลอรถทุกครั้งเมื่อมีทางม้าลาย
2. กรณีขับรถชนคนที่ไม่ใช่ทางม้าลาย
กรณีแบบนี้ถือว่าเป็นความผิดร่วมของทั้งผู้ขับและผู้ข้ามถนน โดยผู้ขับขี่จะมีความผิดในส่วนของการขับขี่ไม่ระวังหรือประมาท ส่วนผู้ข้ามถนนก็จะผิดตรงที่ข้ามถนนในส่วนของพื้นที่ที่ไม่ใช่ทางข้าม
3. กรณีมีคนวิ่งตัดหน้ากระทันหัน
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะต้องดูหลักฐานอื่น ๆ เข้ามาประกอบ ว่าวิ่งตัดหน้าในระยะเท่าใด คนขับขับความเร็วตามที่กฏหมายกำหนดหรือไม่ หากมีหลักฐานพิสูจน์แล้วว่าคนขับไม่ประมาทและไม่สามารถเบรกในระยะกระชั้นชิดได้ ทางผู้ขับสามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปพิสูจน์ในชั้นศาลให้พ้นความผิดได้ นอกจากนี้การรับผิดชอบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลหรือการให้เงินเยียวยาคนเจ็บ ก็ส่งผลต่อรูปคดีในศาลด้วยเช่นกัน
4. กรณีที่มีคนจงใจวิ่งตัดหน้ารถ
ดังที่เราเคยเห็นกันในข่าว ที่มีคนบางคนจงใจวิ่งตัดหน้ารถเพื่อเจตนาเรียกค่าเสียหาย หากเรามีกล้องหน้ารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์เราได้ เราก็ไม่ผิดอย่างแน่นอน และในทางกลับกันเราสามาถฟ้องกลับคู่กรณีได้หากรถยนต์เราได้รับความเสียหาย
5. กรณีขับชนคนที่ยืนขวางถนนหรือคนที่มาทำกิจกรรมบนท้องถนน
หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผู้ขับขี่จะเป็นฝ่ายผิด 100 % เพราะถือว่าเป็นการขับโดยไม่ระวังถึงความปลอดภัยของผู้อื่น แม้ว่าคู่กรณีจะไม่เหมาะสมที่จะอยู่บนท้องถนนก็ตาม
ขับรถชนคน ประกันจ่ายไหม?
หากคุณทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจไว้แล้วเกิดอุบัติเหตุขับชนคนข้ามถนน ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝาายผิดก็ตามประกันรถยนต์ภาคสมัครใจจะให้ชดเชยความเสียหายตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แม้ว่าคุณจะขับรถชนคนเสียชีวิตก็ตาม
ส่วนประกันภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ก็จะให้ความคุ้มครองเช่นกัน โดยจะให้ความคุ้มครองในรูปแบบของค่ารักษาพยาบาลตามจริงเบื้องต้นโดยไม่ต้องพิสูจน์ฝ่ายถูกผิด ทั้งผู้ขับขี่และผู้ถูกชนรายละไม่เกิน 30,000 บาท และเงินชดเชยชดเชยกรณีเสียชีวิต 35,000 บาท และหากมีการพิสูจน์แล้วว่าผู้ขับเป็นฝ่ายถูกก็จะได้รับการชดเชยเพิ่มขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ขับขี่ต้องต่อประกันภัยอย่าให้ขาด เพราะหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็จะได้แบ่งเบาภาระจากหนักให้เป็นเบา
ขับรถชนคน ประกันรถยนต์แต่ละชั้นจ่ายอย่างไร
การขับรถชนคน เป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับความคุ้มครองทางร่างกายและชีวิตของบุคคลภายนอก ซึ่งประกันรถยนต์แต่ละชั้นจะมีความคุ้มครองแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้ว ประกันรถยนต์จะมีการคุ้มครองในส่วนนี้ แต่รายละเอียดและการจ่ายค่าเสียหายจะต่างกันขึ้นอยู่กับชั้นของประกัน ดังนี้
1. ประกันรถยนต์ชั้น 1 : คุ้มครองสูงสุดครอบคลุมทุกกรณี
– ค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ถูกชน : ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ว่าผู้ขับขี่จะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก
– ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต : ในกรณีที่มีผู้เสียชีวิต ประกันชั้น 1 จะจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
– คุ้มครองทรัพย์สินภายนอก : ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น รถยนต์หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
– ค่าทนายและการต่อสู้คดี : หากเกิดกรณีต้องมีการดำเนินคดี ประกันชั้น 1 มักจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย ค่าทนาย และการต่อสู้คดีด้วย
2. ประกันรถยนต์ชั้น 2+ : คุ้มครองกรณีมีคู่กรณี
– ค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ถูกชน : ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถชน โดยจะจ่ายค่าใช้จ่ายตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
– ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต : หากมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายค่าชดเชยตามวงเงินที่กำหนดในกรมธรรม์
– คุ้มครองทรัพย์สินภายนอก : ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น ยานพาหนะ หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
3. ประกันรถยนต์ชั้น 2 : คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
– ค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ถูกชน : ประกันภัยชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันชั้น 2 คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
– ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต : หากผู้ที่ถูกชนเสียชีวิต ประกันจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
– คุ้มครองทรัพย์สินภายนอก : ประกันชั้น 2 คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น รถยนต์ หรือสิ่งของอื่น ๆ แต่จะไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกันเอง
4. ประกันรถยนต์ชั้น 3+ : คุ้มครองในกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น
– ค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ถูกชน : ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันชั้น 3+ จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ถูกชนหากมีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะ
– ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต : คุ้มครองการเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเช่นเดียวกับประกันชั้นอื่น ๆ โดยจ่ายตามวงเงินที่กำหนดในกรมธรรม์
– คุ้มครองทรัพย์สินภายนอก : ครอบคลุมค่าเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินของคู่กรณี แต่ไม่ครอบคลุมรถของผู้เอาประกัน
5. ประกันรถยนต์ชั้น 3 : คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
– ค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ถูกชน : ประกันชั้นสามจะคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลของบุคคลภายนอกหรือผู้ที่ถูกชนเท่านั้น
– ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต : ประกันชั้น 3 จะจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่ผู้ถูกชนเสียชีวิตตามวงเงินที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
– คุ้มครองทรัพย์สินภายนอก : ประกันชั้น 3 คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายของรถผู้เอาประกันเอง
สุดท้ายนี้น้องแคร์ ขอฝากคำแนะนำไว้ว่าหากคุณขับรถชนคนข้ามถนน ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตามอย่าเพิ่งห่วงเรื่องความถูกผิด แต่ให้ลงไปดูอาการผู้บาดเจ็บก่อนพร้อมกับเรียกรถพยาบาล จากนั้นก็โทรแจ้งประกัน และก็อย่าลืมแจ้งความลงบันทึกไว้ด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำประกันรถยนต์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับไม่ให้ขาด เพื่อให้มีความคุ้มครองไว้รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั่นเอง
พิเศษสุด หากคุณทำประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์ คุณสามารถติดต่อมาหาเราเพื่อแจ้งเหตุเคลมฉุกเฉิน หรือแจ้งให้เราช่วยประสานงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินได้ผ่านทาง Line official หรือโทรเบอร์ 1438 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งน้องแคร์จะคอยอยู่ช่วยเหลือคุณอย่างเต็มดี
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology
