ใบขับขี่สาธารณะ ต่างกับใบขับขี่ทั่วไปอย่างไร ใช้กับรถประเภทใดบ้าง ?
ใบขับขี่สาธารณะ สิ่งสำคัญที่ผู้ต้องการประกอบอาชีพขับขี่รถสาธารณะจะต้องทราบ และมีติดตัวไว้ ใบขับขี่สาธารณะแตกต่างจากใบขับขี่ทั่วไปอย่างไร วันนี้ แรบบิท แคร์ นำเรื่องราวที่ควรรู้เกี่ยวกับใบขับขี่สาธารณะมาฝากให้ในบทความนี้แบบจัดเต็ม
ใบขับขี่สาธารณะ คืออะไร ?
ใบขับขี่สาธารณะ คือ เอกสารสำคัญที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะสาธารณะ เช่น รถยนต์รับจ้าง แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ และรถสามล้อ ต้องมีติดตัวอยู่เสมอ เพื่อเป็นการแสดง และยืนยันถึงความสามารถในการขับขี่ รวมถึงการได้รับอนุญาตให้ขับยานพาหนะดังกล่าวตามกฎหมายอย่างถูกต้อง โดยผู้ถือใบขับขี่สาธารณะสามารถใช้ใบขับขี่สาธารณะได้ทั้งในรูปแบบบัตรใบขับขี่สาธารณะตัวจริง หรือจะเลือกใช้ใบขับขี่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ใบขับขี่ออนไลน์) ในการยืนยันตัวตนก็ได้เช่นกัน
ประเภทของใบขับขี่สาธารณะ
สำหรับประเภทของใบขับขี่สาธารณะนั้น ใบขับขี่สาธารณะสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามชนิดของยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ ดังนี้
ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ (เช่น ใบขับขี่สาธารณะ แท็กซี่)
เป็นใบขับขี่สาธารณะสำหรับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะประเภทรถยนต์ที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสาร เช่น รถแท็กซี่ หรือรถโดยสารที่สังกัดองค์กรเอกชนต่าง ๆ
ใบขับขี่สาธารณะ ประเภท 2 ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ (เช่น ใบขับขี่สาธารณะ ตุ๊ก ตุ๊ก)
เป็นใบขับขี่สาธารณะสำหรับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะประเภทสามล้อเครื่องที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร เช่น รถตุ๊กตุ๊ก
ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ (เช่น ใบขับขี่สาธารณะ มอเตอร์ไซค์)
เป็นใบขับขี่สาธารณะสำหรับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะประเภทจักรยานยนต์ที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสาร เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่สังกัดองค์กรเอกชนต่าง ๆ
ใบขับขี่สาธารณะ ขับรถอะไรได้บ้าง ?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าใบขับขี่สาธารณะ ขับรถอะไรได้บ้างนั้น ใบขับขี่สาธารณะอนุญาตให้ผู้ถือสามารถขับขี่ยานพาหนะที่ใช้ในกิจการสาธารณะได้หลากหลายประเภทด้วยกัน เช่น
- รถแท็กซี่ หรือรถยนต์สาธารณะที่ให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร
- รถสามล้อ
- รถตู้สาธารณะ
- รถจักรยานยนต์สาธารณะ
กล่าวคือใบขับขี่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ทำงานในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งผู้โดยสารหรือบริการสาธารณะตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้นั่นเอง
ใบขับขี่สาธารณะ มีอายุกี่ปี ?
ใบขับขี่สาธารณะ อายุกี่ปี หลังจากทำแล้วใบขับขี่สาธารณะ หมดอายุภายในกี่ปี คำตอบคือ ใบขับขี่สาธารณะมีอายุ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบอนุญาต หลังจากนั้นหากต้องการใช้งานต่อ ผู้ถือใบขับขี่ต้องทำการต่ออายุใบขับขี่ก่อนที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ โดยต้องผ่านการอบรม และทดสอบตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
ใบขับขี่สาธารณะ ทํายังไง ?
ในส่วนของผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่สาธารณะแต่ไม่ทราบว่าจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ความจริงแล้วการทำใบขับขี่สาธาณะนั้นไม่ยาก โดยจะมีขั้นตอนในการทำ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ลงทะเบียนอบรมออนไลน์ใบขับขี่สาธารณะ
เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com เพื่อทำการลงทะเบียนออนไลน์ กรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำใบขับขี่ และเข้าชมวิดีโอการอบรมพร้อมทำแบบทดสอบให้ครบถ้วน เมื่อผ่านการอบรมออนไลน์ จะได้รับ QR Code ที่มีอายุ 180 วัน สำหรับการเข้ารับการอบรมซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง โดยการอบรมนี้จะประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ
- การอบรมภาคบังคับ
- สถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางการเดินทาง
- ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ขับขี่รถสาธารณะ
- การให้บริการ
ขั้นตอนที่ 2 จองคิวเพื่อเข้ารับการทดสอบ
หลังจากผ่านการอบรมแล้ว ขั้นตอนถัดไปจะสามารถทำการจองคิวเพื่อเข้ารับการทดสอบผ่านทางเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th หรือแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue โดยสามารถเลือกชนิดใบขับขี่ที่ต้องการทำ สถานที่ วัน และเวลาที่สะดวก โดยจะได้รับ QR Code เพื่อยืนยันการจองคิว
ขั้นตอนที่ 3 ยื่นเอกสาร
ก่อนถึงวันที่จองไว้ จะต้องเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย จากนั้นนำไปยื่นที่กรมการขนส่งทางบกตามวันที่กำหนด โดยเอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่
- บัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบขับขี่ส่วนบุคคลที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบรับรองแพทย์สำหรับทำใบขับขี่สาธารณะ (ขอภายใน 30 วันก่อนวันทดสอบ)
- QR Code จากการผ่านการอบรม (อายุไม่เกิน 180 วัน)
ขั้นตอนที่ 4 เข้ารับการทดสอบ
หลังจากยื่นเอกสารแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งประกอบด้วย
- การทดสอบตาบอดสี
- การทดสอบสายตา
- การทดสอบปฏิกิริยาเท้า (การใช้เบรก)
นอกจากนี้ ยังมีการสอบข้อเขียน โดยต้องผ่าน 90% ของการสอบภาคทฤษฎี หากผ่านการทดสอบข้อเขียนแล้ว จะต้องเข้าสอบภาคปฏิบัติ ซึ่งก็คือการสอบขับรถในลำดับถัดไป หลังจากผ่านการทดสอบทุกขั้นตอนแล้ว จะได้รับ
- หนังสือขอตรวจประวัติอาชญากรรม (เพื่อนำไปใช้ในขั้นตอนถัดไป)
- ใบรับรองการผ่านการอบรม
ขั้นตอนที่ 5 ตรวจประวัติอาชญากรรม
นำหนังสือขอตรวจประวัติจากขั้นตอนที่ 4 ไปยื่นที่สถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการตรวจประวัติอาชญากรรม โดยสถานที่ที่จะต้องทำเอกสารไปยื่นขอตรวจคือ
- พื้นที่กรุงเทพฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปทุมวัน)
- พื้นที่ต่างจังหวัด ศูนย์พิสูจน์หลักฐานหรือสถานีตำรวจในพื้นที่
ทั้งนี้การตรวจสอบประวัติ ใบขับขี่สาธารณะมีค่าธรรมเนียม 100 บาท และจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์เพื่อรอผล
ขั้นตอนที่ 6 รับใบขับขี่ที่กรมการขนส่ง
หลังจากได้รับผลการตรวจประวัติอาชญากรรมแล้ว ให้นำเอกสารไปยื่นที่กรมการขนส่งทางบก ถ่ายรูปสำหรับทำใบขับขี่ และชำระค่าธรรมเนียม 305 บาท เพื่อรับใบขับขี่สาธารณะ
ทำใบขับขี่สาธารณะ กี่บาท
ค่าใช้จ่ายในการทำใบขับขี่สาธารณะอยู่ที่ประมาณ 305 บาท สำหรับค่าธรรมเนียมการออกใบขับขี่สาธารณะที่กรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าตรวจประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสถานีตำรวจท้องถิ่น ซึ่งมีค่าธรรมเนียมประมาณ 100 บาท
คุณสมบัติ ใบขับขี่สาธารณะ คุณสมบัติของผู้ทำใบขับขี่สาธารณะ
สำหรับผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่แบบสาธารณะแต่ไม่ทราบว่าการทำใบขับขี่ชนิดนี้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ตนเองมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่จะทำใบขับขี่รถสาธารณะหรือไม่ คุณสมบัติของผู้ทำใบขับขี่สาธารณะนั้นจะมีข้อกำหนดดังนี้
- ต้องมีใบขับขี่รถส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ มาไม่น้อยกว่า 1 ปี เช่น ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล รถสามล้อส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
- สำหรับผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่สาธารณะ เช่น ใบขับขี่แท็กซี่หรือรถยนต์สามล้อสาธารณะ ผู้สมัครต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป ในขณะที่ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะต้องมีอายุอย่างน้อย 20 ปี
- ผู้ทำใบขับขี่ต้องมีความสามารถในการขับขี่ และมีความเข้าใจในกฎหมายจราจรอย่างดี
- ร่างกายของผู้ทำใบขับขี่ต้องไม่พิการจนไม่สามารถขับรถได้ และไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคในการขับขี่
- ผู้ทำใบขับขี่ต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือมีภาวะจิตฟั่นเฟือน
- ผู้ทำใบขับขี่ไม่อยู่ในระหว่างการถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
- ผู้ทำใบขับขี่ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับการขับรถผิดกฎหมายหรือถูกปรับเกินกว่า 2 ครั้ง
- ผู้ทำใบขับขี่ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีอาญา หากเคยต้องโทษ ผู้สมัครต้องพ้นโทษมาแล้วตามระยะเวลาที่กำหนดดังนี้ กรณีจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน , กรณีจำคุกเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน , กรณีจำคุกเกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 3 ปี
- ในกรณีอื่น ๆ เช่น การถูกปรับ การรอลงอาญา หรือการรอขึ้นศาล ผู้สมัครต้องมีเอกสารทางคดีจากสถานีตำรวจเพื่อยืนยันและชี้แจงเกี่ยวกับคดีนั้น ๆ
ใบขับขี่สาธารณะ ต้องพ้นโทษกี่ปี ?
ในส่วนของผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกในคดีอาญา และต้องการทำใบขับขี่แบบสาธารณะ แต่ไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถทำได้ไหม จะต้องพ้นโทษมากี่ปี หรือระยะเวลาเท่าไหร่ จึงจะสามารถทำใบขับขี่ได้ คำตอบก็คือผู้ที่เคยต้องโทษผู้ยื่นคำร้องทำใบขับขี่แบบสาธารณะต้องพ้นโทษมาแล้วตามระยะเวลาที่กำหนดดังนี้
- กรณีจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- กรณีจำคุกเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน
- กรณีจำคุกเกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 3 ปี
ส่วนในกรณีที่ไม่ได้ต้องโทษจำคุกในคดีอาญา แต่อยู่ในกรณีอื่น ๆ เช่น การถูกปรับ การรอลงอาญา หรือการรอขึ้นศาล ผู้สมัครต้องมีเอกสารทางคดีจากสถานีตำรวจเพื่อยืนยันและชี้แจงเกี่ยวกับคดีนั้น ๆ เพื่อมาประกอบการพิจารณานั่นเอง
ใบขับขี่สาธารณะ ทําต่างจังหวัดได้ไหม ?
ใบขับขี่ประเภทนี้สามารถทำในต่างจังหวัดได้ โดยสามารถยื่นคำขอที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือศูนย์บริการขนส่งที่ใกล้ที่สุด ทั้งนี้ขั้นตอนการทำใบขับขี่สาธารณะในต่างจังหวัดนั้นจะมีขั้นตอนเช่นเดียวกับการทำในกรุงเทพฯ ทุกประการ
นอกจากการมีใบขับขี่แบบสาธารณะแล้ว ประกันรถ เช่น ประกันรถยนต์ยังถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะหลงลืมทำไปไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่ารถโดยสารสาธารณะ แน่นอนว่าย่อมมีความเสี่ยงมากกว่ารถยนต์ส่วนตัวทั่วไป เลือกทำประกันรถยนต์ กับ แรบบิท แคร์ ไว้ อุ่นใจ ปลอดภัยแน่นอน
สรุป
ใบขับขี่สาธารณะ เป็นเอกสารสำคัญสำหรับผู้ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือรถสามล้อ เพื่อยืนยันความสามารถและการอนุญาตตามกฎหมาย โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทตามยานพาหนะที่ใช้ และมีอายุ 3 ปี ต้องต่ออายุเมื่อหมดอายุ การทำใบขับขี่สาธารณะต้องผ่านขั้นตอน เช่น การอบรม ทดสอบ ยื่นเอกสาร และตรวจประวัติอาชญากรรม พร้อมค่าใช้จ่ายประมาณ 305 บาท ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ เช่น อายุ 20-22 ปีขึ้นไป มีใบขับขี่ส่วนบุคคลมากกว่า 1 ปี และไม่มีประวัติอาชญากรรม ทั้งนี้ สามารถทำได้ในต่างจังหวัดตามขั้นตอนเดียวกับกรุงเทพฯ
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology