โอนลอย คืออะไร ต่างกับโอนรถธรรมดาอย่างไร ผิดกฎหมายหรือไม่ ?

Thirakan T
ผู้เขียน: Thirakan T Published: มกราคม 12, 2025
Thirakan T
Thirakan T
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology
คะน้าใบเขียว
แก้ไขโดย: คะน้าใบเขียว Last edited: กรกฎาคม 8, 2025
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
Natthamon
ตรวจทาน: Natthamon Last edited: มกราคม 10, 2025
Natthamon
Natthamon
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โอนลอย

โอนลอย อีกหนึ่งวิธีการใสำหรับผู้ที่กำลังซื้อขายรถยนต์มือสอง หรือมีแผนจะเปลี่ยนเจ้าของรถ คำว่า “โอนลอย” ถือเป็นคำที่ได้ยินกันบ่อย แต่เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของโอนลอย รวมถึงความแตกต่างระหว่างโอนลอย กับการโอนรถตามขั้นตอนปกติว่ามีอะไรบ้าง และที่สำคัญคือ โอนลอยนั้นถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง

ดังนั้นในบทความนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าการโอนลอย คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสีย หรือความเสี่ยงอะไร เพื่อให้ผู้ที่ต้องการซื้อขายรถยนต์สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในอนาคตนั่นเอง

โอนลอย คืออะไร ?

โอนลอย คือ การที่เจ้าของรถยนต์ทำการเซ็นชื่อในเล่มทะเบียนรถ และในหนังสือสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ไว้ล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ได้ระบุชื่อผู้ซื้อ หรือผู้รับโอนที่ชัดเจน จากนั้นจึงส่งมอบเอกสารเหล่านั้นให้กับผู้ซื้อ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยหวังว่าจะมีการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์จริงในภายหลัง

แม้ว่าโอนลอยจะดูเหมือนเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อ และผู้ขาย เนื่องจากไม่ต้องเดินทางไปสำนักงานขนส่งพร้อมกัน แต่ในทางกฎหมายถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เพราะหากผู้รับเอกสารนำรถไปใช้โดยยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เจ้าของเดิมยังคงมีชื่อเป็นเจ้าของรถตามกฎหมาย ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุ การกระทำผิดกฎหมาย หรือค้างชำระภาษี เจ้าของเดิมอาจต้องรับผิดชอบโดยไม่รู้ตัว

โอนลอย ต่างกับโอนรถธรรมดาอย่างไร ?

  • โอนลอย คือ การที่เจ้าของรถเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ และหนังสือมอบอำนาจไว้ล่วงหน้า โดยยังไม่ระบุชื่อผู้ซื้อ และยังไม่ได้ไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง ส่วนใหญ่ใช้เพื่อความสะดวก แต่มีความเสี่ยงทางกฎหมายหากผู้ซื้อไม่นำไปโอนจริง
  • โอนรถ คือ การที่ผู้ซื้อ และผู้ขายไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถที่สำนักงานขนส่งพร้อมกันตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เป็นการโอนกรรมสิทธิ์อย่างเป็นทางการ ถูกต้องตามกฎหมาย และปลอดภัยกว่า

โอนลอย ผิดกฎหมายไหม ?

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าการโอนลอย ผิดกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือ การโอนลอยไม่ใช่การกระทำที่ผิดกฎหมายโดยตรงในกรณีที่ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขายตกลงกัน แต่หากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจน หรือปล่อยให้เอกสารการโอนลอยไว้นานเกิน 15 วันโดยไม่แจ้งต่อนายทะเบียน หรือกรมการขนส่ง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติรถยนต์ เพราะกฎหมายกำหนดให้การซื้อขาย และเปลี่ยนเจ้าของรถยนต์ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันหลังการซื้อขาย

ที่สำคัญหากผู้ซื้อไม่นำรถไปโอนจริง แล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือมีปัญหาต่าง ๆ เจ้าของเดิมจะยังมีชื่อในเล่มทะเบียน และอาจต้องรับผิดชอบทางกฎหมายแทนผู้ซื้อโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงการโอนลอย และดำเนินการโอนรถอย่างถูกต้องตามขั้นตอนให้ครบถ้วนทุกครั้ง

หนังสือโอนลอย ใบโอนลอยรถยนต์ คืออะไร ?

หนังสือโอนลอย หรือที่หลายคนเรียกกันว่า ใบโอนลอยรถยนต์ คือเอกสารสำคัญที่ใช้ในการซื้อขายรถยนต์มือสอง โดยเจ้าของรถเดิมจะเซ็นยินยอมในเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ และเล่มทะเบียนรถไว้ล่วงหน้า โดยยังไม่ระบุชื่อผู้ซื้อ หรือผู้รับโอนอย่างชัดเจน

เอกสารประเภทนี้มักถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อ และผู้ขาย ที่ไม่สะดวกไปดำเนินการโอนรถพร้อมกันที่สำนักงานขนส่ง แต่ความจริงแล้ว หนังสือโอนลอย หรือใบโอนลอยรถยนต์ เป็นเพียงเอกสารเบื้องต้นที่ยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หากไม่มีการนำไปดำเนินการโอนชื่อเจ้าของรถจริงที่สำนักงานขนส่ง

ทั้งนี้แม้ว่าหนังสือโอนลอยจะช่วยให้ขั้นตอนดูง่ายขึ้น แต่หากปล่อยเอกสารเหล่านี้ไว้นานเกิน 15 วัน หรือผู้ซื้อไม่นำไปดำเนินการให้ถูกต้อง เจ้าของเดิมยังคงมีชื่อเป็นเจ้าของตามกฎหมาย และอาจมีปัญหาตามมา เช่น ต้องรับผิดชอบค่าปรับ ภาษี หรือคดีความที่เกี่ยวข้องกับรถคันนั้นโดยไม่ตั้งใจ

ดังนั้นหากจำเป็นต้องใช้ใบโอนลอย ควรเร่งนำเอกสารโอนลอยรถยนต์ กรมขนส่งไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้นั่นเอง

การโอนรถ เปลี่ยนเจ้าของ โอนลอย

เอกสารโอนรถลอย โอนลอยใช้เอกสารอะไรบ้าง ?

สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ โอนลอย หรือซื้อขายรถยนต์มือสองแบบยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสมบูรณ์ทันที สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมให้ครบ คือเอกสารประกอบการโอนรถลอย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง โดยเอกสารที่ใช้สำหรับโอนลอยทั่วไป ได้แก่

  • เล่มทะเบียนรถตัวจริง
  • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
  • หนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์ (กรณีมีการซื้อขาย)
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถไม่ไปดำเนินการด้วยตัวเอง)
  • แบบคำขอโอนและรับโอน (เจ้าของรถเซ็นล่วงหน้าไว้)
  • ใบตรวจสภาพรถ (กรณีรถมีอายุตามที่กฎหมายกำหนด)

แม้เอกสารเหล่านี้จะเพียงพอสำหรับการโอนลอย แต่ขอแนะนำว่าควรรีบนำไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานขนส่งโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาด้านกฎหมาย และภาระต่าง ๆ ที่อาจย้อนกลับมาที่เจ้าของเดิมโดยไม่ตั้งใจ

การโอนรถ เปลี่ยนเจ้าของ โอนลอย โอนลอย มีอายุกี่วัน ?

หลายคนสงสัยว่าหากมีการโอนลอย หรือเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ไว้ล่วงหน้าโดยยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเจ้าของจริง ๆ เอกสารโอนลอยเหล่านี้จะมีอายุกี่วัน หรือใช้ได้นานแค่ไหน

ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโอนรถยนต์ กำหนดให้ต้องแจ้งเปลี่ยนเจ้าของรถที่สำนักงานขนส่งภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการซื้อขาย หรือเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์จริง หากเกินระยะเวลานี้อาจมีโทษปรับตามกฎหมาย และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ หรือคดีความ เจ้าของเดิมที่ชื่อยังคงอยู่ในทะเบียน อาจต้องรับผิดชอบแทนผู้ซื้อโดยไม่ตั้งใจ

ดังนั้นแม้ในทางปฏิบัติเอกสารโอนลอยอาจไม่มีวันหมดอายุที่ชัดเจน แต่เพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย และความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย ควรเร่งดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถอย่างเป็นทางการ ที่สำนักงานขนส่งให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน หลังจากมีการซื้อขาย หรือเซ็นเอกสารโอนลอยทุกครั้ง

ข้อดีของการโอนลอย

แม้การโอนลอย จะถูกมองว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่สำหรับบางกรณี การโอนลอยก็มีข้อดีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อ และผู้ขายไม่น้อย ทั้งนี้ข้อดีหลักของการโอนลอย คือ ช่วยลดขั้นตอน และระยะเวลาในการซื้อขายรถยนต์ ผู้ขายสามารถเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไว้ให้ผู้ซื้อครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งพร้อมกัน ผู้ซื้อจึงสามารถนำเอกสารไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อกรรมสิทธิ์ได้ด้วยตัวเองภายหลัง

นอกจากนี้การโอนลอยยังช่วยให้การซื้อขายรถยนต์มือสองระหว่างบุคคลทั่วไปมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น กรณีซื้อขายข้ามจังหวัด หรือต้องการเก็บรถไว้ก่อนแล้วค่อยโอนภายหลัง

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการโอนลอยจะมีข้อดีในเรื่องของความสะดวก แต่ก็ควรดำเนินการให้ถูกต้อง และนำรถไปเปลี่ยนชื่อที่สำนักงานขนส่งให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ข้อเสียของการโอนลอย

ข้อเสียที่สำคัญของการโอนลอย คือ หากผู้ซื้อไม่นำเอกสารไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของที่สำนักงานขนส่ง เจ้าของเดิมยังคงมีชื่ออยู่ในทะเบียนรถ และถือเป็นเจ้าของตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุ หรือมีการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถคันนั้น เจ้าของเดิมอาจต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่ง และอาญาโดยไม่รู้ตัว

นอกจากนี้หากปล่อยเอกสารโอนลอยไว้นานเกิน 15 วันโดยไม่ดำเนินการเปลี่ยนชื่อ อาจมีโทษปรับตามที่กฎหมายกำหนด และอาจเป็นปัญหาเมื่อต้องต่อภาษีรถยนต์ หรือทำประกันภัยรถยนต์ในอนาคต

ดังนั้นแม้การโอนลอยจะดูเป็นวิธีที่สะดวกสบาย แต่เพื่อความปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย ควรหลีกเลี่ยงการโอนลอย และดำเนินการโอนรถให้สมบูรณ์ที่สำนักงานขนส่งทุกครั้ง

เอกสารโอนรถลอย

ตัวอย่างการโอนลอยรถยนต์

เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของ โอนลอย ได้ชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างต่อไปนี้จะช่วยให้ทุกคนเห็นขั้นตอน และสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นจริงในการโอนลอยรถยนต์

ตัวอย่างเช่น นายเอ ต้องการขายรถยนต์ให้กับนายบี ทั้งสองฝ่ายตกลงราคากันเรียบร้อย แต่ไม่สะดวกไปที่สำนักงานขนส่งพร้อมกัน นายเอจึงเตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ เล่มทะเบียนรถตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน หนังสือโอนลอยที่เซ็นชื่อไว้ล่วงหน้า และใบมอบอำนาจ จากนั้นส่งมอบรถ และเอกสารทั้งหมดให้นายบี

เมื่อได้รับรถ และเอกสาร นายบียังไม่ได้ไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อที่สำนักงานขนส่งทันที แต่กลับนำรถไปใช้งานตามปกติ ซึ่งหากในระหว่างนี้เกิดอุบัติเหตุ หรือมีการกระทำผิดกฎหมายใด ๆ เจ้าของรถที่ยังระบุชื่อนายเอในเล่มทะเบียน จะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายแทน

ตัวอย่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการโอนลอย ดังนั้นหากจำเป็นต้องโอนลอย ควรเร่งนำเอกสารไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด

นอกจากการโอนรถให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว เจ้าของรถคนใหม่ ยังควรให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อประกันรถยนต์ กับ แรบบิท แคร์ เอาไว้ เพื่อที่จะได้ใช้รถในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจ เพราะบนท้องถนนนั้นอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอนั่นเอง

สรุป

โอนลอย คือ การที่เจ้าของรถเซ็นชื่อในเล่มทะเบียนรถและในหนังสือสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ไว้ล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ได้ระบุชื่อผู้ซื้อหรือผู้รับโอนที่ชัดเจน แม้จะมีข้อดีในเรื่องของความสะดวก แต่หากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจนหรือปล่อยให้เอกสารการโอนลอยไว้นานเกิน 15 วัน โดยไม่แจ้งต่อนายทะเบียนหรือกรมการขนส่ง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้

ที่มา

บทความแคร์รถยนต์

Rabbit Care Blog Image 102482

แคร์รถยนต์

ตรวจสภาพรถ ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมทุกเรื่องที่คนมีรถควรเข้าใจ

หากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์หรือกำลังจะซื้อรถยนต์มือสอง การตรวจสภาพรถ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่ใช่เพียงแค่เป็นข้อบังคับตามกฎหมายเท่านั้น
Thirakan T
09/07/2025
Rabbit Care Blog Image 102455

แคร์รถยนต์

โอนรถ ยากหรือไม่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?

การซื้อขายรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง สิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากการตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย คือ "การโอนรถ"
Thirakan T
09/07/2025
Rabbit Care Blog Image 102309

แคร์รถยนต์

เครื่องคำนวณค่าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ตัวช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ EV

แนะนำเครื่องคำนวณค่าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
กองบรรณาธิการ
30/06/2025