บัตรเครดิตดิจิทัลในรูปแบบ Virtual Card คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร?

ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะพบเห็นเทคโนโลยีทางการเงินอยู่รอบตัวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการที่ไม่ต้องชำระเป็นเงินสดเพียงอย่างเดียวเหมือนอย่างสมัยก่อน แต่ในทุกวันนี้ได้มีเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับตัวเรามากยิ่งขึ้น

จากข้อมูลในเว็บไซต์ Moneyhub ได้พูดถึงความหมายของบัตรเครดิตดิจิทัลไว้ว่า บัตรเครดิตดิจิทัล (Digital Credit Card) เป็นเทคโนโลยีทางการเงินที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยที่ไม่ต้องมีบัตรเครดิตแบบการ์ด โดยที่บัตรเครดิตดิจิทัลนี้จะสามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เลย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มบัตรเครดิตดิจิทัลไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลได้อีกด้วย เช่น Apple Wallet, Google Pay หรือ Samsung Pay ซึ่งเราสามารถสมัครบัตรเครดิตดิจิทัลได้ทางแอปพลิเคชันของธนาคารที่เราสนใจ โดยส่งเอกสารการสมัครผ่านทางแอปพลิเคชัน และทำการยืนยันตัวตนผ่านระบบ NDID ได้เลย ซึ่งจะทำให้เราประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังปลอดภัยและรวดเร็วอีกด้วย และหลังจากที่บัตรได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชันได้เลยทันที โดยที่ทางธนาคารจะส่งบัตรเครดิตแบบการ์ดมาให้ภายหลังนั่นเอง

Virtual Card คือ บัตรเสมือนที่จะมีข้อมูลในบัตรอันประกอบไปด้วยชื่อผู้ถือบัตร เลขที่บัตร 16 หลัก เดือนและปีที่หมดอายุของบัตร และรหัส CVV หรือ CVC โดยจะสามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ตได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นบัตรเสมือนเลยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแยกข้อมูลระหว่างบัตรเสมือนกับบัตรตัวจริงนั่นเอง ส่วนวงเงินก็จะใช้วงเงินเดียวกันตามปกติ ดังนั้นก็จะมีข้อดีตรงที่ถ้าหากว่าเราได้ทำรายการผ่านบัตรไปแล้วเกิดถูกโจรกรรมข้อมูล เราก็จะสามารถระงับและเปลี่ยนบัตรออนไลน์ได้เลยหลังจากที่ยื่นเรื่องปฏิเสธรายการกับทางธนาคารไปแล้ว แต่ถ้าใช้เป็นบัตรแบบการ์ดตัวจริง ก็จะต้องมีการยกเลิกบัตรเดิม แล้วยื่นเรื่องขอออกบัตรใหม่แทน ส่วนข้อเสียของการที่ไม่มีบัตรแบบการ์ด ก็จะไม่สามารถทำรายการผ่านเครื่อง EDC หรือเครื่อง ATM ได้เหมือนกับบัตรการ์ดตัวจริงทั่วไปในบางรายการ และสำหรับในเรื่องของความปลอดภัย ในปัจจุบันนี้ทางเครือข่ายที่รับบัตรชั้นนำ ก็ได้มีบริการรักษาความปลอดภัยเมื่อมีการชำระเงินด้วยบัตร ยกตัวอย่างเช่น Verified by Visa หรือ MasterCard Secure Code เป็นต้น

โดยปกติแล้วการใช้บัตรเครดิตดิจิทัลนั้นจะปลอดภัยมากกว่าการใช้บัตรเครดิตแบบการ์ด เพราะว่าถ้าหากบัตรเกิดสูญหาย ถูกขโมย หรือมีการชำระเงินที่ผิดปกติ ก็จะมีการแจ้งเตือนทันทีให้เจ้าของบัตรทราบทันที และสามารถแจ้งหยุดการใช้งานหรือแจ้งอายัดบัตรเครดิตดิจิทัลได้เลยนั่นเอง ซึ่งบัตรเครดิตดิจิทัลและ Virtual Credit card นั้นเหมือนกันในรูปแบบของบัตรเครดิตเสมือนที่จะผูกไว้กับบัญชีบัตรเครดิต ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี เพียงแค่สแกนจ่ายผ่านบัตรเครดิตบนแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน และยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวตน การป้อนรหัสผ่าน การแจ้งเตือนรายการชำระค่าสินค้าและบริการทันที เป็นต้น

ใช้ได้สะดวก รวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องพกบัตร ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องบัตรหายไปได้เลย อีกทั้งยังใช้งานง่าย เพียงแค่รูดบัตรหรือแตะบัตรที่เครื่องรับเงิน ก็สามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้ทันที และนอกจากนี้ยังสามารถชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย จะสแกนจ่ายหรือโอนเงินก็รวดเร็ว และยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ยืนยันตัวตนด้วยระบบ NDID หรือกดรหัสผ่านก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

• 1. เลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ต้องการจะสมัครบัตรเครดิตดิจิทัล
• 2. ทำการกรอกข้อมูลของผู้สมัครลงในช่องทางเว็บไซต์หรือทางแอปพลิเคชันของธนาคาร เช่น ชื่อและนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ฐานเงินเดือน เป็นต้น
• 3. หลังจากนั้นให้รอการติดต่อกลับจากทางเจ้าหน้าที่ของธนาคาร เพื่อเตรียมเอกสารในการสมัครเพิ่มเติม เช่น บัตรประจำตัวประชาชน เอกสารแสดงรายได้ หนังสือรับรองเงินเดือน เป็นต้น
• 4. หลังจากนั้น 5-7 วันทำการ รอผลอนุมัติทาง SMS จากทางธนาคารได้เลย

• 1. มีชื่อเจ้าของบัตร บัตรเครดิตที่ได้มาจะทำการระบุชื่อของเจ้าของบัตรไว้บนบัตรเครดิต
• 2. มีวันหมดอายุ มักระบุเป็นเลขเดือนและเลขปี
• 3. มีเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ที่เปรียบเสมือนเลขบัตรประจำตัวประชาชนในแต่ละใบ
• 4. มีโลโก้ ของธนาคารหรือสถาบันทางการเงินของผู้ให้บริการ
• 5. มี EMV chip สมาร์ตการ์ด (Europay MasterCard Visa) เป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งจะมีการส่งข้อมูลทางการเงินของธนาคารร่วมกันที่เป็นมาตรฐาน เพื่อป้องกันการคัดลอกข้อมูลบัตร และการปลอมแปลงบัตร
• 6. มีสัญลักษณ์ Payment Gateway เช่น VISA, MASTERCARD, JCB, UNIONPAY เป็นต้น
• 7. มีสัญลักษณ์ Hologram ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อแสดงถึงความปลอดภัย และถูกกฎหมาย โดยที่ในแต่ละบัตรจะมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามในแต่ละผู้ให้บริการ
• 8. มีเลข CVV (Card Verification Value) เป็นรหัส 3 หลักที่ใช้สำหรับยืนยันการชำระเงินออนไลน์
• 9. มีแถบแม่เหล็ก ไว้สำหรับรูดบัตรเพื่อซื้อสินค้าและบริการ หากแถบแม่เหล็กนี้เกิดเสียขึ้นมา ก็จะไม่สามารถชำระสินค้าผ่านการรูดบัตรได้

KTC Digital Credit Card เป็นบัตรเครดิตในรูปแบบดิจิทัล ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คนที่ไม่ชอบพกบัตรติดตัวหรือพกเงินสด โดยสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน KTC Mobile ได้เลยหลังจากที่ได้รับการอนุมัติ แต่สำหรับใครที่ต้องการบัตรแข็งด้วย ก็สามารถกดขอผ่านทางแอปพลิเคชัน KTC Mobile ได้เช่นเดียวกัน และบัตรจะถูกจัดส่งมาให้ภายใน 3-7 วัน และนอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัย CVV ด้วยระบบ Dynamic CVV ที่รหัสจะมีการเปลี่ยนทุกครั้งหลังใช้งาน และจะหมดอายุใน 24 ชั่วโมง

ปัจจุบันนี้ในประเทศไทยจะมีบัตรเสมือน (Virtual Card) อยู่ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่

• บัตรเครดิต (Credit Card) ใช้ผูกกับบัญชีบัตรเครดิต
• บัตรเดบิต (Debit Card) ใช้ผูกกับบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวัน
• บัตรเติมเงิน (Prepaid Card) ใช้ผูกกับบัญชี E-Wallet

เบื้องต้นผู้ที่จะสมัคร บัตรเครดิต จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐาน ดังต่อไปนี้

• มีอายุ 21 ปีขึ้นไป
• มีสัญชาติไทย
• มีฐานเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
• มีอายุงานเกิน 4 เดือน
• สำหรับเจ้าของกิจการ จะต้องมีการดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกันอย่างน้อย 2 ปี และจะต้องมีหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย
  
  

สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือขอคำแนะนำในการเลือกบัตรเครดิตได้ที่เบอร์โทร 1438 ตั้งแต่เวลา 08:00 น. - 21:00 น.

เพราะเครื่องมือ เปรียบเทียบบัตรเครดิต ของแรบบิท แคร์ นั้นใช้งานง่าย ช่วยเปรียบเทียบข้อมูลได้ภายใน 30 วินาที จากธนาคารชั้นนำของประเทศไทย เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลและข้อเสนอตามที่คุณต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังคอยให้บริการด้านคำปรึกษา รวมไปถึงคอยให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณอย่างถึงที่สุด

ที่แรบบิท แคร์ จะมีจัดโปรโมชั่นเกี่ยวกับบัตรเครดิตให้ลูกค้าใหม่ในทุก ๆ เดือน โดยที่โปรโมชั่นนั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่ยังคงเป็นของคุณภาพดีและมีมูลค่าสูง เช่น หูฟัง Airpod หูฟัง Marshall บัตรกำนัลร้านค้าชั้นนำ เป็นต้น สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของ แรบบิท แคร์