สลิปบัตรเครดิตคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
สลิปบัตรเครดิต (Sales Slip) คืออะไร?
สลิปบัตรเครดิต คือ ใบแสดงข้อมูลการซื้อขายสินค้าและบริการในแต่ละครั้ง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นหลักฐานในการซื้อขายสินค้าและบริการในครั้งนั้น ดังนั้นจึงควรเก็บเซลล์สลิปทุกครั้งที่ได้รับมา เพื่อเอาไว้ใช้ตรวจทานความถูกต้องกับใบแจ้งยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในแต่ละเดือน หากมีปัญหารายการผิดพลาดจะได้แจ้งกับทางธนาคารผู้ออกบัตรได้ทันทีพร้อมกับแนบสลิปบัตรเครดิตให้ครบถ้วน
สลิปบัตรเครดิต บอกอะไรบ้าง?
เบื้องต้นในสลิปบัตรเครดิตจะประกอบไปด้วยข้อมูล ดังนี้
- ชื่อธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นผู้รับเงิน
- ชื่อร้านค้าที่เราได้มีการทำรายการซื้อสินค้าหรือบริการ
- ข้อมูลและรายละเอียดของร้านค้า
- วัน เดือน ปี และเวลาที่เราได้มีการทำรายการซื้อสินค้าหรือบริการ
- รายการสินค้าหรือบริการ พร้อมจำนวนที่เราได้มีการสั่งซื้อ
- ราคาของสินค้าหรือบริการที่เราได้มีการสั่งซื้อ
- จำนวนเงินที่เราได้มีการทำรายการสั่งซื้อ
- รายละเอียดบัตรเครดิตของเราที่ได้มีการทำรายการสั่งซื้อไป
- มีพื้นที่ว่างด้านล่างสลิปบัตรเครดิต เอาไว้ให้ผู้ซื้อลงลายเซ็น
สลิปบัตรเครดิตแบบชำระเต็มจำนวนกับแบบผ่อน แตกต่างกันไหม?
จากข้อมูลในเว็บไซต์ KasikornBank ได้พูดถึงข้อมูลในสลิปบัตรเครดิตแบบผ่อนชำระไว้ว่า สำหรับการชำระแบบผ่อนนั้นจะมีรายละเอียดในสลิปบัตรเครดิตเหมือนกันกับการชำระแบบเต็มจำนวนเลย เพียงแต่การชำระแบบผ่อนนั้น ทางผู้ถือบัตรจะต้องมีการตกลงว่าจะชำระค่าสินค้าหรือบริการแบบผ่อนชำระเป็นงวด ๆ โดยให้ทางธนาคารเป็นผู้ชำระค่าสินค้าหรือบริการให้แก่ร้านค้าไปก่อน ส่วนผู้ถือบัตรจะตกลงผ่อนชำระค่าสินค้าหรือบริการคืนให้ธนาคารเป็นงวด ๆ ไปตามปกติ ซึ่งทางธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสลิปบัตรเครดิต
ส่วนในสลิปบัตรเครดิตก็จะมีระบุรายละเอียด ดังนี้
- ราคาค่าสินค้าหรือบริการ
- จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละงวด (Monthly Amount)
- จำนวนเงินรวม (Total Amount)
- จำนวนงวดผ่อนชำระ (Payment Term)
- ค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ (Management Fee) (ถ้ามี)
- ดอกเบี้ยของการซื้อสินค้าผ่อนชำระ (Installment Interest) (ถ้ามี)
ข้อมูลสำคัญที่จะต้องดูในสลิปบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง?
หลังจากที่ได้รับใบแจ้งหนี้มาแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรทำนั่นก็คือการนำใบแจ้งหนี้มาตรวจทานข้อมูลอีกครั้งกับสลิปบัตรเครดิต และตรวจสอบความถูกต้องของรายการต่าง ๆ ว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่ เพราะถ้าหากว่าข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงกัน จะได้ดำเนินการแจ้งเรื่องไปยังธนาคารหรือทางผู้ออกบัตรทันที โดยข้อมูลสำคัญหลัก ๆ ที่เราจะต้องดูนั้นมีดังนี้
- ตรวจสอบจำนวนเงินที่เราใช้จ่ายไปในงวดนั้น ๆ ว่าถูกต้องครบถ้วนทุกรายการหรือไม่
- ตรวจสอบจำนวนที่เราชำระไปในงวดที่แล้วว่าถูกต้องหรือไม่
- ตรวจสอบจำนวนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เราจะต้องเสียว่าถูกต้อง และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เช่น ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน ค่าธรรมเนียมรายปี ค่าติดตามทวงถามหนี้ เป็นต้น
- ตรวจสอบว่าเราได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมครบถ้วนหรือไม่ เช่น คะแนนสะสม เครดิตเงินคืนจากการใช้จ่ายผ่านบัตร เป็นต้น
วิธีการทักท้วงรายการใบสลิปบัตรเครดิตที่ไม่ถูกต้อง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
ให้เราเตรียมสลิปบัตรเครดิตที่เก็บไว้ พร้อมทั้งใบรายการแจ้งยอดบัตรเครดิตที่มีปัญหารายการไม่ถูกต้อง เพื่อแจ้งเรื่องกับทางธนาคารผู้ออกบัตรเครดิต โดยสามารถเดินทางไปยังธนาคารใกล้บ้าน หรือโทรสอบถามไปที่เบอร์คอลเซนเตอร์ของธนาคาร ดังนี้
- ธนาคารออมสิน เบอร์โทร GSB Hotline 1115
- ธนาคารไทยพาณิชย์ เบอร์โทร SCB Call Center 02-777-7777
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เบอร์โทร 1572
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เบอร์โทร 02-555-0555
- ธนาคารกรุงเทพ เบอร์โทรบัวหลวงโฟน 1333 หรือ 02-645-5555
- ธนาคารทหารไทย เบอร์โทรทีเอ็มบี โฟนแบงก์กิ้ง 1558
- ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เบอร์โทรสำนักงานใหญ่ 02-629-5588
- ธนาคารธนชาต เบอร์โทร 1770
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เบอร์โทร CIMB Thai Care Center 02-626-7777
- ธนาคารเกียรตินาคิน เบอร์โทร KK Contact Center 02 165 5555
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เบอร์โทร iBank Call Center 1302
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เบอร์โทร 1595
- ธนาคารทิสโก้ เบอร์โทร 02-633-6000
- ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เบอร์โทร LH Bank Contact Center 02-359-0000
- ธนาคารยูโอบี เบอร์โทรศูนย์บริการลูกค้า 02-285-1555
- ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย เบอร์โทรซิตี้โฟนแบงก์กิ้ง 1588
- ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย เบอร์โทรศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 02-697-5454
คำศัพท์ในสลิปบัตรเครดิตที่ควรรู้?
- Void เป็นการยกเลิกรายการสั่งซื้อเมื่อพบว่ามีข้อผิดพลาดจากการชำระผ่านบัตรเครดิต ก่อนที่ร้านค้าจะทำการสรุปยอดเงิน (Settlement) แล้วส่งไปเรียกเก็บกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิต
- Refund เป็นการขอคืนเงินจากร้านค้าเพื่อคืนกลับเข้าไปยังบัตรเครดิต หรือบัญชีเงินฝากของเจ้าของบัตรเครดิต โดยการทำ refund นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อพบว่ามีความผิดพลาดจากรายการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ ก่อนที่ร้านค้าจะทำการสรุปยอดเงิน (Settlement) แล้วส่งไปเรียกเก็บกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิต
- Sale หมายถึงรายการสินค้าหรือบริการทั้งหมด ที่ได้มีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว
- Card Ver (Verify Card) จะเป็นการกันวงเงินที่สั่งซื้อสินค้าหรือบริการเอาไว้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บจริง เพราะฉะนั้นเงินในบัตรเครดิตของคุณก็จะยังไม่ถูกตัดออกไป จนกว่าจะได้สลิปบัตรเครดิตใหม่ที่มีคำว่า “Sale” นั่นเอง
การเซ็นชื่อลงในเซลล์สลิป ยังมีความจำเป็นอยู่ไหม?
โดยปกติแล้วทางร้านค้าจะมีการเก็บหลักฐานที่ชัดเจนเอาไว้เพื่อใช้ยืนยันกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินของบัตรเครดิต สำหรับในกรณีที่ผู้ซื้อนั้นต้องการที่จะยกเลิกรายการซื้อสินค้าหรือบริการ และการยกเลิกรายการซื้อขายกันแบบผิดปกติ ดังนั้นการเซ็นชื่อลงในสลิปบัตรเครดิต จึงเหมือนเป็นการยืนยันตัวตนเพื่อใช้เป็นหลักฐานให้กับทางร้านค้าว่าเจ้าของบัตรเครดิตนั้นได้มีการซื้อสินค้าและบริการจริง และได้มีการรับสินค้าไปแล้วเรียบร้อยนั่นเอง
แต่สำหรับในปัจจุบันนี้ที่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่กันมากยิ่งขึ้น การยืนยันตัวตนสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเซ็นชื่อลงในสลิปบัตรเครดิตอีกต่อไป อันเนื่องมาจากว่าในปัจจุบันนั้นได้มีการผูกบัตรเครดิตไว้กับเบอร์โทรศัพท์ ดังนั้นเวลาที่มีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินของบัตรเครดิตก็จะมีการส่งรหัสยืนยันมาให้ทุกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนนั่นเอง อีกทั้งระบบนี้ยังมีความปลอดภัยสูง ดังนั้นจึงไม่ควรบอกรหัสที่ได้รับทางข้อความกับคนอื่น เพื่อความปลอดภัยในการซื้อสินค้าหรือบริการบนอินเทอร์เน็ต
สลิปบัตรเครดิต นำไปใช้หักภาษีได้ไหม?
เมื่อมีการใช้บัตรเครดิตในแต่ละครั้ง ทางร้านค้าจะต้องให้สลิปบัตรเครดิต (Sales Slip) แก่ลูกค้าทุกครั้ง เพื่อเอาไว้ใช้เป็นหลักฐานในการรับเงิน ดังนั้นสลิปบัตรเครดิตจึงสามารถนำไปใช้หักภาษีได้ แต่เนื่องจาก สลิปบัตรเครดิตนั้นไม่ใช่หลักฐานการจ่ายเงินตามประมวลรัษฎากร เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีการใช้บัตรเครดิต ก็จะต้องขอหลักฐานในการจ่ายเงินด้วยทุกครั้ง เช่น บิลเงินสด ใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษี เป็นต้น
เปรียบเทียบบัตรเครดิตกับแรบบิท แคร์ ดีอย่างไร?
อันดับแรกคือคุณจะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังธนาคารในแต่ละแห่ง เพื่อขอรับข้อมูลในการสมัคร บัตรเครดิต ด้วยตนเอง เนื่องจากว่าแรบบิท แคร์ นั้นได้มีการรวบรวมข้อมูลของบัตรเครดิตจากธนาคารชั้นนำของประเทศไทยไว้ให้แล้วทั้งหมด อีกทั้งยังมีข้อเสนอดี ๆ ให้คุณได้เลือกตามความต้องการอีกด้วย โดยสามารถดูข้อมูลได้ที่ บริการเปรียบเทียบบัตรเครดิต และถ้าหากสนใจบัตรแบบไหนก็สามารถกดสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลยทันที ครบ จบทุกขั้นตอนที่แรบบิท แคร์
สมัครบัตรเครดิตผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
นอกจากบริการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแล้ว แรบบิท แคร์ ยังมีบริการหลังการขายให้ด้วย ดังนั้นลูกค้าที่สมัครบัตรเครดิตจึงสามารถมั่นใจได้เต็มที่ว่าแรบบิท แคร์ พร้อมดูแลคุณในทุกช่วงเวลาแน่นอน อีกทั้งยังมีโปรโมชันสุดพิเศษที่พร้อมส่งต่อให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง Airpod หรือบัตรกำนัลร้านค้าชั้นนำ โดยโปรโมชันเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และรับประกันคุณภาพได้เลยว่าจะเป็นของคุณภาพดีแน่นอน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์
ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
ซิตี้ แคชแบ็ก
Citibank / Mastercard
- เครดิตเงินคืน 10% ที่รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน
- เครดิตเงินคืน 5% 7-Eleven, Grab, Watsons
- เครดิตเงินคืน 1% สำหรับยอดใช้จ่ายอื่นๆ
- เครดิตเงินคืน 1% ที่ปั๊ม Shell ทุกสาขา
- รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรเครดิตซิตี้ แคชแบ็ก ผ่านทางออนไลน์
เคทีซี วีซ่า แพลตทินั่ม
KTC / VISA
- ทุก 25 บาท ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ รับ 1 คะแนน KTC FOREVER
- ผ่อนชำระสินค้า/บริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน
- ใช้จ่ายสบายเพียงผูกบัตรและแตะจ่ายผ่าน Google pay
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ
บัตรเครดิต เคทีซี อโกด้า แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด
กรุงไทย / Mastercard
- สิทธิพิเศษที่มากกว่า สเปเชียลอัพเกรด เป็นสมาชิก AgodaVIP Platinum
- รับเพิ่ม KTC FOREVER โบนัส 250 คะแนน
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ
- 800 KTC FOREVER = 100 บาท AgodaCash
บัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด
ซิตี้แบงก์ / Mastercard
- X5 คะแนน ใช้จ่าย Rabbit Line Pay, Lazada, Shopee, e-wallet* และเลือกเปลี่ยน point เป็นเงินคืนได้เลยทันทีที่รูด
- X5 คะแนน ใช้จ่าย หมวดร้านอาหาร ท่องเที่ยว ใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ
- X5 คะแนน ใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ Netflix, Spotify, Apple Music
- รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด ผ่านทางออนไลน์
บัตรเครดิต ยูโอบี เลดี้ แพลตทินัม
ธนาคารยูโอบี / Mastercard
- รับคะแนนสะสม 10 บาท = 1 คะแนน
- แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เพียงใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อที่ EVEANDBOY, Cental&Zen, The mall, Paragon, Emporium, EmQuartier, Blueport และ Robinson
- แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เมื่อใช้คะแนนสะสม ยูโอบี รีวอร์ด พลัส เท่ากับยอดใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร
- รับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระค่าเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทุก 800 บาท/เซลล์สลิป
บัตรเครดิต ยูโอบี โยโล่ แพลตทินั่ม
ธนาคารยูโอบี / VISA
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายที่รถไฟฟ้า BTS MRT 7-11, All Online by 7-Eleven ร้านบูทส์ ร้านวัตสัน ร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ เบอร์เกอร์ คิง, Shopee, Grab และ Atome
- แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวและออนไลน์
- 1 ฟรี 1 เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF
- เครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระค่าเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทุก 800 บาท/เซลล์สลิป เฉพาะสถานีที่ร่วมรายการ
บัตรเครดิต แอร์เอเชีย
ธนาคารกรุงเทพ / Mastercard
- บริการเลือกที่นั่ง Hot Seat ฟรี
- บริการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ฟรี
- บริการเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นบนเครื่อง ฟรี
- รูดช้อปรับคะแนน BIG Points สูงสุด 3 เท่า
- แบ่งชำระสบายๆ 0% หรือ 0.79% นานสูงสุดถึง 10 เดือน
บัตรเครดิตซิตี้ ซิมพลิซิตี้
ซิตี้แบงก์ / Mastercard
- ค่าธรรมเนียม การกดเงินสดเพียง 1%
- สิทธิพิเศษ ณ ร้านค้าชั้นนำในเดือนเกิด
- เครดิตเงินคืน 1% ที่ปั๊ม Shell ทุกสาขา
- ฟรีค่าธรรมเนียม การชำระยอดบัตรเครดิต
บัตรเครดิต ทีทีบี โซ ชิลล์
ธนาคารทหารไทยธนชาต / VISA
- ผ่อน 0% 3 เดือน
- ฟรีค่าธรรมเนียมทุกการกดเงินสด 3%
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับดอกเบี้ยพิเศษ 3 รอบบัญชีแรก
บัตรเครดิต เคทีซี บางจาก แพลตทินั่ม
กรุงไทย / Mastercard
- 25 บาท = 1 คะแนน
- รับส่วนลด 1% ที่ปั๊มบางจาก
- ผ่อนชำระสินค้า/บริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ