Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

🎵 โค้งสุดท้าย!! แจกฟรีหูฟัง Apple Airpods Gen 3 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 12,790 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

รถดับกลางอากาศ เกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรับมืออย่างไร?

เหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือสถานการณ์เกี่ยวกับรถเสีย หรือรถดับอากาศ เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยที่ผู้ขับขี่เองไม่สามารถคาดการณ์ความน่าจะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้คุณกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะอาจทำให้ไปในสถานที่ปลายทางที่ต้องการภายในเวลาที่กำหนดไม่ได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปรู้จักกับสาเหตุของ รถดับกลางอากาศ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงสามารถรับมือได้อย่างไรบ้าง และไปดูกันว่า รถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติดและ รถดับกลางอากาศ สตาร์ทติด ควรรับมืออย่างไร ไปดูกันเลย!!

รถดับกลางอากาศ เกิดจากสาเหตุอะไร?

สำหรับเหตุการณ์ที่รถดับกลางอากาศ มีหลายสาเหตุด้วยกัน โดยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความผิดปกติของเครื่องยนต์ หรือระบบไฟของรถทำงานผิดปกติ บางครั้งอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ เกิดความชำรุดเสียหาย ก็จะทำให้รถดับกลางอากาศ หรือไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้บ่อย มีดังต่อไปนี้

1. เครื่องยนต์ร้อนเกินไป

สำหรับปัญหานี้ มักพบได้บ่อยในรถรุ่นใหม่ มากกว่ารถรุ่นเก่า เนื่องจากสมัยใหม่จะมีระบบป้องกันเครื่องยนต์เสียหาย ดังนั้นหากขับรถไปนาน ๆ โดยที่ไม่มีการพักเครื่อง หรือดับเครื่องเพื่อระบายความร้อน จะทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์สูงเกินไปได้ เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถดับกลางอากาศ เนื่องจากรถจะมีการปิดระบบการทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อเป็นการรักษาระบบความปลอดภัยของเครื่องยนต์

2. หัวเทียนและคอยล์จุดระเบิด

การชำรุดเสียหายของหัวเทียนและคอยล์จุดระเบิด เกิดจากการเสื่อมสภาพของหัวเทียน เนื่องจากมีการถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถดับกลางอากาศ ดังนั้นใครที่มีแพลนจะเดินทางไกล หรือไปต่างจังหวัด ควรตรวจเช็ก หากพบว่ามีการเสื่อมสภาพหรือชำรุด ให้รีบเปลี่ยนใหม่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และป้องกันการเกิดรถดับกลางอากาศ

3. ปั๊มและกรองน้ำมันเชื้อเพลิงเสื่อม

สำหรับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีระยะเวลาการใช้งานจำกัดและมีกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนใหม่ที่ชัดเจน ควรเปลี่ยนทุก ๆ 5 ปี และตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิง ควรเปลี่ยนทุก ๆ 25,000 กิโลเมตร ป้องกันการอุดตันภายในเครื่องยนต์ เพราะเหล่านี้ส่งผลให้เกิดรถดับกลางอากาศได้ และก่อนดับจะมีสัญญาณเตือน เช่น รถสตาร์ตติดได้ยากขึ้น

4. หัวฉีดมีปัญหา

บางครั้งการที่รถดับกลางอากาศ อาจมีสาเหตุมาจากการที่หัวฉีดมีปัญหา ซึ่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ผู้ขับขี่ควรรู้ คือ เครื่องยนต์จะมีการกระตุกและสะดุดขณะขับขี่ ทำให้รถดับกลางอากาศ เนื่องจากมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันที่บริเวณหัวฉีดจำนวนมาก ทำให้หัวฉีดไม่สามารถจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้

5. ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรก

ลิ้นปีกผีเสื้ออุดตันด้วยสิ่งสกปรก จะทำให้มีการทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการขับเคลื่อนของรถยนต์ จะทำให้รอบเดินรถต่ำลง เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถดับกลางอากาศ แนะนำให้คุณควรล้างทำความสะอาดลิ้นปีกผีเสื้อทุก ๆ รอบระยะ 20,000-30,000 กม. อ้างอิงจาก โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

รถดับกลางอากาศ มีวิธีการรับมืออย่างไร?

เมื่อคุณเผชิญกับเหตุการณ์รถดับกลางอากาศ สิ่งแรกที่คุณควรรับมือ คือการจั้งสติ และไม่ตกใจ ให้คุณเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้สัญญาณกับรถคันข้างหลัง หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ผ่อนแรงรถ และหาจุดจอดรถที่ปลอดภัย เช่น บริเวณข้างขอบทางและจึงทำการปลดเกียร์ว่าง หลังจากนั้นให้คุณติดต่อศูนย์บริการรถยก / รถลาก เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ และควรแจ้งให้ครอบครัวรู้ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณและรถยนต์

รถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด ควรรับมืออย่างไร?

หากรถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติดเลย แล้วในสถานการณ์นั้นอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือคนรอบตัวช่วยเหลือ มาดูวิธีการรับมือหากรถดับกลางอากาศกัน สามารถปฎิบัติตาม

  • 1. หาจุดจอดที่ปลอดภัย ในขั้นตอนแรกหากคุณเผชิญกับปัญหา รถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด ควรตั้งสติก่อนและพยายามหาพื้นที่หรือจุดปลอดภัยในการจอดรถ เช่นไปจอดในยังตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่กีดขวางการจราจรของรถคันอื่น ๆ บนท้องถนน เช่น เข็นรถไปยังไหล่ถนน หรือบริเวณที่ใกล้เคียงให้ได้มากที่สุด
  • 2. เปิดไฟฉุกเฉิน เมื่อรถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด และคุณได้จอดรถในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว หลังจากนั้นให้คุณเปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่รายอื่นทราบถึงสถานการณ์ของคุณ นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันคันข้างหลังขับมาชนท้ายอีกด้วย
  • 3. สอบหาสาเหตุ หากคุณพอมีความรู้ด้านเครื่องยนต์ หรือรถยนต์ ให้พยายามตรวจสอบสาเหตุต่าง ๆ ของปัญหาว่าทำไมรถดับกลางอากาศ เช่น การเชื่อมต่อสายไฟมีการหลวมหรือหลุด การรั่วไหลของของเหลวในเครื่องยนต์ เป็นต้น หลังจากนั้นให้โทรเรียกช่างมาดู
  • 4. ตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิง อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ รถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด และไม่สามารถขับต่อได้ บางครั้งอาจเกิดจากน้ำมันเครื่องหมด ดังนั้นเมื่อจอดรถเข้าไหล่ทางแล้ว ให้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องในถังว่ามีเชื้อเพลิงเพียงพอในถังหรือไม่
  • 5. ตรวจสอบแบตเตอรี่ บางครั้งการที่รถดับกลางอากาศ อาจเกิดจากการที่แบตเตอรี่หมด คุณอาจสังเกตได้จากการที่รถไม่มีเสียงดัง หรือ ไฟแผงหน้าปัดรถยนต์มีความสลัว ๆ ดังนั้น หากรถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด แล้วเกิดจากการที่แบตเตอรี่รถยนต์หมด ถ้าเป็นไปได้ แนะนำขอสายจัมเปอร์จากรถคันอื่น ๆ หรือโทรขอความช่วยเหลือ
  • 6. โทรขอความช่วยเหลือ หากคุณเผชิญกับปัญหารถดับกลางอากาศ สิ่งที่คุณควรทำคือโทรติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน เพราะบางครั้งคุณ อาจไม่แน่ใจในขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างถูกวิธีเมื่อรถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด ดังนั้นการควรโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือเรียกบริการรถยก รถลาก แต่ในระหว่างรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แนะนำให้รออยู่บนรถและล็อกประตูไว้ เพราะบางครั้งอาจเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนคุณ หรือการโดนปล้นได้

รถดับกลางอากาศ สตาร์ทติด ปลอดภัยแล้วจริงหรือไม่?

รถดับกลางอากาศ สตาร์ทติด หลายคนอาจเกิดคำถามนี้ขึ้น ว่ามันสามารถขับต่อไปแบบไม่มีอะไรผิดปกติจริงหรือ หรือมีส่วนไหนผิดปกติไหม แล้วมันจะปลอดภัยต่อการขับขี่จริงไหม การที่รถดับกลางอากาศ สตาร์ทติด แนะนำให้ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถ ขับต่อด้วยความเร็วที่ช้า และพยายามโทรเรียกศูนย์ หรือนำรถเข้าอู่ซ่อมรถที่อยู่ใกล้คุณให้เร็วที่สุด เพราะการที่รถดับกลางอากาศ ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของความผิดปกติที่เกิดขึ้น หากไม่รีบแก้ไข อาจทำให้เกิดอันตราย เสี่ยงต่ออุบัติเหตุบนท้องถนนได้

ดังนั้นเมื่อนำรถเข้าศูนย์ เนื่องจากรถดับกลางอากาศ สตาร์ทติด ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทางศูนย์เพื่อตรวจสอบ ความสมบูรณ์ของยางรถยนต์ ตั้งศูนย์ล้อ จานเบรกและผ้าเบรกหน้า รวมถึงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรองและเช็คระบบแบตเตอรี่ น้ำกลั่น แรงดันไฟ

วิธีป้องกันรถดับกลางอากาศระหว่างขับขี่?

สำหรับการป้องกันรถดับกลางอากาศระหว่างขับขี่ สามารถทำตามวิธีดังต่อไปนี้

  1. เข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะรถและบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทุก ๆ 50000 กิโลเมตร นอกจากนี้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองอากาศ และการเปลี่ยนหัวเทียน เพราะเหล่านี้เป็นสาเหตุของการที่รถดับกลางอากาศ
  2. ตรวจสอบปริมาณเชื้อเพลิงในถัง ว่ามีเพียงพอต่อการใช้งานไหม และตรวจเช็คดูว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้มีคุณภาพหรือไม่ เพื่อป้องกันรถดับกลางอากาศ
  3. ตรวจสอบพลังงานของแบตเตอรี่ ว่าอยู่ในสภาพที่ดีไหม สมบูรณ์หรือไม่ เพื่อไม่ให้รถดับกลางอากาศ เนื่องจากบางครั้งอาจเกิดจากแบตเตอรี่หมดหรือแบตอ่อนได้
  4. ตรวจสอบการกัดกร่อนของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอและตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพที่ดี
  5. ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าของรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ ไดชาร์จ ไดสตาร์ท และสายไฟ เพราะบางครั้งการที่รถดับกลางอากาศอาจเกิดจากสายไฟชำรุดเสียหาย
  6. หลีกเลี่ยงการใช้รถแบบหักโหมเกินไป เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง เป็นสาเหตุให้เกิดรถดับกลางอากาศ

เหล่านี้คือข้อมูลทั้งหมดของเหตุการณ์รถดับกลางอากาศ รวมถึงวิธีการรับมือเมื่อรถดับกลางอากาศ สตาร์ทไม่ติด และอธิบายว่า รถดับกลางอากาศ สตาร์ทติด ปลอดภัยแล้วจริงหรือไม่ จริง ๆ แล้วหากเกิดเหตุการณ์นี้และเกิดรถชน หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น ประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครอง ดังนั้น อย่าลังเลที่จะซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ แรบบิท แคร์ เพื่อความอุ่นใจในการเดินทางทุกเส้นทาง ให้คุณได้เดียวและขับขี่อย่างสบายใจ เราคุ้มครองอุบัติเหตุทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี และมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง หากสนใจโทรเลย 1438

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา