รถยนต์ไฟฟ้า NETA
ประวัติและวิวัฒนาการของรถยนต์ไฟฟ้า NETA
ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้เติบโตเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง และข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำให้คนรุ่นใหม่มีการใช้งานมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการอนุรักษ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม การลดมลพิษทางอากาศ การประหยัดน้ำมัน หรือในเรื่องของเสียงภายในห้องโดยสารรถยนต์ที่เงียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนตอบโจทย์การใช้งานของคนทุกเพศทุกวัยในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้า NETA ถูกผลิตขึ้นมาโดยบริษัทโฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV 100% จากประเทศจีน ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและนวัตกรรมขั้นสูงได้อย่างทั่วถึง โดยในปัจจุบัน NETA ได้มีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันที่วางจำหน่ายอยู่ทั่วโลก ได้แก่ รุ่น NETA U, รุ่น NETA V, รุ่น NETA S และรุ่น NETA GT ซึ่งบริษัทเนต้า ออโต้(ไทยแลนด์) จำกัด ในประเทศไทยขณะนี้นั้นเป็นศูนย์กลางธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ที่จะเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดอย่างน้อยปีละหนึ่งรุ่น และรุ่น NETA V คือรุ่นแรกที่เปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่น และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน พร้อมขับเคลื่อนไปในทุกที่ ครบทุกไลฟ์สไตล์
โดยรถยนต์ไฟฟ้า NETA ที่ทำการตลาดอยู่ในปัจจุบัน จะมีทั้งหมด 4 รุ่นดังนี้
1. NETA U
ด้วยขนาดของตัวรถไฟฟ้ารุ่น NETA U ที่มีขนาดใหญ่และเป็นแบบ Compact SUV ส่วนล้ออัลลอยจะมีขนาด 18 นิ้ว และยางขนาด 225/55 R19 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมรถยนต์ขนาด 12.3 นิ้ว และด้านท้ายก็มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้มากถึง 610 ลิตร(เมื่อไม่ได้พับเบาะหลัง) ส่วนแบตเตอรี่ของรถยนต์เป็นแบบชนิด Ternary Lithium ความจุ 81.57 kWh และมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีน้ำเงิน Glacier Blue, สีน้ำตาล Amber Brown, สีเทา Ink Jade Grey, สีขาว Pearl White, สีดำ Night Mecha Black และสีชมพู Star Diamond Phantom Powder
การขับเคลื่อน
- มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous กำลังสูงสุด 163 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 9.5 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- วิ่งได้ไกลสูงสุด 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง
การชาร์จพลังงานไฟฟ้า
- ชาร์จแบบปกติ AC ใช้เวลาชาร์จ 0-100% ภายในระยะเวลา 8.5 ชั่วโมง
- ชาร์จเร็วแบบ DC Fast Charge ใช้เวลาชาร์จ 30-80% ภายในระยะเวลา 30 นาที
2. NETA V(เป็นเพียงรุ่นเดียว ที่มีสินค้าพร้อมจำหน่ายในประเทศไทย)
รุ่นนี้จะเป็นรถยนต์ Crossover พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก รุ่นใหม่ล่าสุด 5 ประตู ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และยางขนาด 185/55 มีหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมรถยนต์ขนาด 14.6 นิ้ว ส่วนพื้นที่จัดเก็บสัมภาระก็มีความจุ 315 ลิตร(เมื่อไม่ได้พับเบาะหลัง) และแบตเตอรี่ของรถยนต์เป็นแบบชนิด Ternary Lithium ความจุ 38.54 kWh โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สี Moonlight Green, สี Midnight Gray, สี Cyan, สี White Storm, สี Sky Blue และสี Sakura Pink
การขับเคลื่อน
- มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous กำลังสูงสุด 95 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร
- ระบบเกียร์ไฟฟ้า 1 สปีด
- ขับเคลื่อนล้อหน้า
- อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 3.9 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- วิ่งได้ไกลสูงสุด 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง
การชาร์จพลังงานไฟฟ้า
- ชาร์จแบบปกติ AC ใช้เวลาชาร์จ 0-100% ภายในระยะเวลา 8 ชั่วโมง
- ชาร์จเร็วแบบ DC Fast Charge ใช้เวลาชาร์จ 30-80% ภายในระยะเวลา 30 นาที
- ช่องชาร์จไฟ AC เป็นแบบ Type 2 และช่องชาร์จไฟ DC เป็นแบบ CCS Combo
- มีระบบ V2L(Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายไฟจากรถยนต์ NETA ให้อุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุด 3.3 กิโลวัตต์
3. NETA S
รุ่นนี้จะมาในสไตล์ Sporty Smart Coupe เป็นรถซีดาน 4 ประตู มีทั้งหมด 2 เวอร์ชันให้เลือก คือ รุ่น Neta S Lidar Version และรุ่น Neta S Special Version ส่วนประตูด้านหน้าจะเป็นแบบปีกนก มีหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมรถยนต์ขนาด 17.6 นิ้ว แบบ Ultra thin และมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และขนาดยาง 245/45 R19 ส่วนแบตเตอรี่จะเป็นแบบ Lithium-ion ขนาด 91 kWh
การขับเคลื่อน
- กำลังสูงสุด 462 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร
- ระบบส่งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด
- ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ AWE
- มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 3.9 วินาที
- วิ่งได้ไกลสูงสุด 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้งตามมาตรฐาน CLTC
4. NETA GT
ส่วนรุ่นนี้จะมาในสไตล์รถไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้แบบ 2 ประตู ให้สมรรถนะดีเยี่ยม ความเร็วสูง เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล และในรุ่นนี้จะมีให้เลือกอีก 2 รุ่นย่อย นั่นก็คือ NETA GT รุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง และ NETA GT รุ่นที่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โดยในรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังนั้นจะมีกำลังสูงสุด 231 แรงม้า ส่วนแบตเตอรี่ก็จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 64 kWh วิ่งได้ไกล 550 กิโลเมตรหากชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง และขนาด 74 kWh วิ่งได้ไกล 660 กิโลเมตรหากชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ในขณะรุ่นที่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อจะให้กำลังสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร และให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 3.0 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนภายในห้องโดยสารก็ยังมอบความสะดวกสบายขั้นสุดให้แก่ผู้โดยสาร เช่น การใช้วัสดุบุนุ่มทั่วคันและเบาะหนังแบบ Nappa นั่งสบาย นุ่มนวล อีกทั้งยังมีหลังคากระจกพาโนรามิกแบบกว้างพิเศษ ที่จะสามารถควบคุมและสั่งการได้ผ่านหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 17.6 นิ้ว(ความละเอียดสูงถึง 2.5k) พร้อมระบบความบันเทิงที่มาพร้อมลำโพง 12 จุด และมีระบบการประมวลผลด้วยชิปรุ่นล่าสุด Qualcomm Snapdragon 8155 รุ่นที่ 3 และมาพร้อมกับ CPU แบบ 8-Core ที่จะทำให้การประมวลผลบวกกับการตอบสนองต่อการใช้งานนั้นรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น
ราคาของรถยนต์ไฟฟ้า NETA V
NETA V เป็นรุ่นเดียวในตอนนี้ ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย จากราคาปกติ 760,000 บาท (ราคา 549,000 บาท เป็นราคาหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ) รับประกันรถยนต์ NETA เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร(แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) บวกกับจะมีรับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าและมอเตอร์ขับเคลื่อนนานถึง 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร(แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
รุ่นของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla | ราคา |
---|---|
NETA V | 549,000 บาท |
Segments ของรถยนต์ไฟฟ้า NETA
Segments คือ การแบ่งประเภทตามขนาดของตัวรถยนต์ โดยที่รถยนต์ไฟฟ้า NETA จะแบ่งออกได้เป็น B, C, D Segments และ Grand Tourer ดังนี้
Segments | รุ่นรถ |
---|---|
B-Segment | NETA V |
C-Segment | NETA U |
D-Segment | NETA S |
Grand Tourer-Segments | NETA GT |
ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า NETA
แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้าในแบรนด์ของ NETA นั้นจะเป็นประเภทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV 100% ทั้งหมด จากเป้าหมายในข้างต้นที่ว่าทาง NETA นั้นต้องการที่จะให้ผู้คนได้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและเป็นนวัตกรรมขั้นสูงได้อย่างทั่วถึง รถทุกรุ่นที่ทำตลาดในตอนนี้จึงเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด
ประเภท | รุ่นรถ |
---|---|
EV (รถไฟฟ้า) | NETA U, NETA V, NETA S และ NETA GT |
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
รถยนต์ไฟฟ้า NETA ในแต่ละรุ่นจะเหมาะสำหรับใครบ้าง?
จากข้อมูลข้างต้นที่เป็นตารางในเรื่อง Segments ของรถยนต์ไฟฟ้า NETA ในแต่ละรุ่น จะสามารถบ่งบอกได้ว่ารถในแต่ละรุ่นนั้นจะเหมาะกับใครบ้าง ยกตัวอย่างเช่น
- รถยนต์ไฟฟ้า NETA U
จะอยู่ในกลุ่ม B-Segments คือ รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมมาก ที่มาพร้อมกับสมรรถนะกำลังดี ราคาจับต้องได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำมัน เก็บสัมภาระได้เยอะ จึงเหมาะกับผู้ที่มีครอบครัวขนาดเล็ก หรือผู้ที่ต้องการจุของเยอะ ๆ เพราะสัมภาระเยอะ - รถยนต์ไฟฟ้า NETA V
จะอยู่ในกลุ่ม C-Segments คือ รถที่มีขนาดของเครื่องยนต์ 1,500-2,200 cc. รองรับการใช้งานที่หนักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งหรือการโดยสาร ดังนั้นรถยนต์ในกลุ่มนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการการใช้งานที่หลากหลายและคล่องตัว ขับได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง จึงทำให้ถูกใจสายรักครอบครัว เหมาะที่จะเป็นรถครอบครัว ขับสนุก ช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี - รถยนต์ไฟฟ้า NETA S
จะอยู่ในกลุ่ม D-Segments คือ รถที่มีขนาดใหญ่แต่ก็ยังมีความหรูหรา มีเทคโนโลยีที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม ส่วนในเรื่องของสมรรถนะก็จะดีกว่ารถยนต์ในกลุ่ม C-Segments ขึ้นมา ขนาดของเครื่องยนต์จะมากกว่า 2,500 ซีซี. ขึ้นไป ดังนั้นรถยนต์ในกลุ่มนี้จึงจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบในความหรูหราและความล้ำสมัยของรถยนต์ อีกทั้งเทคโนโลยีที่ครบครัน ทำให้สะดวกสบายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น - รถยนต์ไฟฟ้า NETA GT
จะอยู่ในกลุ่ม Grand Tourer-Segments คือ รถสปอร์ตที่มีความหรูหรา ความเร็วและสมรรถนะสูง สามารถเดินทางไกลได้ดี จึงถูกออกแบบมาให้มีความสะดวกสบายในการขับขี่เป็นอย่างมาก แต่จะติดตรงค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างมีราคาสูง ดังนั้นรถประเภทนี้จึงเหมาะกับคนที่ชื่นชอบในความเร็วและแรงของรถยนต์
ออกรถยนต์ไฟฟ้า NETA ควรซื้อประกันภัยชั้นไหนดี?
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ แนะนำว่าให้ทำประกันภัยชั้น 1 จะคุ้มค่ามากที่สุด เพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีกลไกในการทำงานที่แตกต่างไปจากรถยนต์แบบธรรมดา ดังนั้นจึงทำให้มีขั้นตอนในการบำรุงรักษาและความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป เลยแนะนำว่าให้ทำเป็นประกันภัยชั้น 1 จึงจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากที่สุด สามารถดูรายละเอียดความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ที่ ประกันภัยชั้น 1
ซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า NETA ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เพราะนอกจากความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับกลับไปหลังจากได้รับแผนประกันรถยนต์ที่ถูกใจและตอบโจทย์มากที่สุดแล้ว แรบบิท แคร์ ยังมีบริการสุดพิเศษที่จะช่วยดูแลตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่าเราจะอยู่เคียงข้างคุณตั้งแต่เริ่มทำประกันไปจนถึงการประสานงานเคลมต่าง ๆ ดังนั้นลูกค้าจึงมั่นใจและอุ่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีส่วนลดพิเศษอีกมากมายให้คุณได้เลือก สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แรบบิท แคร์