รถยนต์มิตซูบิชิ (MITSUBISHI)
ประวัติและวิวัฒนาการของรถยนต์แบรนด์มิตซูบิชิ (MITSUBISHI)
MITSUBISHI ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นของประเทศไทย ที่มีความยาวนานมาเป็นเวลากว่าร้อยปี โดยผู้ก่อตั้ง ยาทาโร่ อิวาซากิ ที่เติบโตมาจากตระกูลของซามูไรในสมัยโชกุน โดยการซื้อบริษัทสึคูโมะ เทรดดิ้ง คอมพานี และเปลี่ยนชื่อมาเป็นมิตซูบิชิในปี ค.ศ. 1873 และได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยยนตรกรรมทุกรูปแบบ จากคำนิยามของ MITSUBISHI MOTORS ที่ว่า “Drive your Ambition”
MITSUBISHI นั้นเริ่มต้นจากบริษัทขนส่งสินค้าในปี พ.ศ. 2413 โดยผู้ก่อตั้ง ยาทาโร่ อิวาซากิ สู่การผลิตรถยนต์โดยสารในปี พ.ศ. 2460 และต่อมาจึงได้มีการแยกแผนกยานยนต์ออกมาจากบริษัทแม่ในปี พ.ศ. 2513 โดยที่ในประเทศไทยนั้นได้เริ่มต้นจากการก่อตั้งบริษัทสิทธิผล มอเตอร์ จำกัด และได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิสามล้อรุ่นลีโอ และรถยนต์รุ่นโคล์ท เมื่อปี พ.ศ. 2504 และได้ก่อตั้งบริษัทสหพัฒนายานยนต์ จำกัด เพื่อบุกเบิกอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ขึ้นในปี พ.ศ. 2507 จากนั้นจึงได้มีการก่อตั้งบริษัทใหม่ เพื่อเริ่มต้นด้านการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก คือ บริษัทเอ็ม เอ็ม ซี สิทธิผล จำกัด จากการควบรวบระหว่างบริษัทสิทธิผล มอเตอร์ จำกัด และบริษัทสหพัฒนายานยนต์ จำกัด และจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จำกัด(ประเทศไทย) ในปี พ.ศ. 2546 นั่นเอง
รุ่นของรถยนต์มิตซูบิชิ(MITSUBISHI) ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
1. MITSUBISHI Outlander PHEV
เป็นรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นที่ผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าคู่และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออิสระ S-AWC ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมการขับเคลื่อนอัจฉริยะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้โดยอัตโนมัติ วิ่งได้ไกล 55 กิโลเมตร ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การชาร์จแบบปกติ ให้กำลังไฟ 100% ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือการชาร์จแบบเร็วที่จะให้กำลังไฟ 80% ภายในเวลาประมาณ 25 นาที อีกทั้งยังมีการชาร์จแบตเตอรี่ขับเคลื่อนระหว่างขับขี่อีกด้วย มาพร้อมกับเบาะที่นั่ง Diamond Quilting Design นั่งสบาย ดีไซน์หรูหรา และมีหน้าจอแสดงผลเป็นระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการสั่งงานได้ด้วยเสียง โดยรุ่นนี้จะมีให้เลือกอีก 2 รุ่นย่อย คือ GT และ GT-Premium
2. MITSUBISHI Pajero Sport
รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ SUPER SELECT 4WD II ซึ่งเป็นแบบเฉพาะในรถยนต์มิตซูบิชิ(MITSUBISHI) กับระบบเกียร์อัจฉริยะ 8 สปีด พร้อมโหมดสปอร์ต และระบบ INC(Idle Neutral Control) บวกกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 181 แรงม้า อีกทั้งเบาะยังเป็นแบบสังเคราะห์ ที่สามารถสะท้อนความร้อนได้(QUOLE MODURE) และมาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบปรับอากาศ NANOE X อีกด้วย โดยรุ่นนี้จะมีให้เลือกอีก 2 รุ่นย่อย คือ 2.4D GT-Premium 2WD และ 2.4D GT-Premium 4WD
3. MITSUBISHI Triton
รุ่นนี้จะมีมาให้เลือกเพิ่มอีก 13 รุ่นย่อย โดยจะเริ่มต้นจาก MITSUBISHI Triton Single Cab ส่วนรุ่นท็อปสุดจะเป็นตัว MITSUBISHI Triton ที่มาพร้อมกับปริมาตรกระบอกสูบขนาด 2.4-2.5 ลิตร จำนวน 2-5 ที่นั่ง
4. MITSUBISHI Xpander
ขับขี่คล่องตัว ยึดเกาะทุกสภาพถนน เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน ด้านไอดี MIVEC(MITSUBISHI Innovative Valve Timing Electronic Control System) ส่วนเกียร์จะเป็นระบบอัตโนมัติ ECO-DYNAMIC CVT พร้อมกับมีระบบล็อกควบคุมความเร็วบนพวงมาลัย ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เรียบหรู มีจำนวน 7 ที่นั่ง
5. MITSUBISHI Xpander Cross
เป็นรถยนต์ SUV จำนวน 7 ที่นั่ง ประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร และให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 4,000 รอบต่อนาที พร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน ด้านไอดี MIVEC(MITSUBISHI Innovative Valve Timing Electronic Control System) และระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT มาพร้อมกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง(AYC ACTIVE YAW CONTROL) และชุดไฟหน้าแบบ LED เปิดปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
6. MITSUBISHI Mirage
มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที และระบบวาล์วแปรผัน ด้านไอดี MIVEC(MITSUBISHI Innovative Valve Timing Electronic Control System) ส่วนเกียร์จะเป็นระบบอัตโนมัติ CVT ที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบ INC แถมช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.4 เมตร
7. MITSUBISHI Attrage
รถรุ่นนี้จะมีข้อมูลด้านเครื่องยนต์ที่เหมือนกันกับรุ่น MITSUBISHI Mirage คือมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที และระบบวาล์วแปรผัน ด้านไอดี MIVEC(MITSUBISHI Innovative Valve Timing Electronic Control System) ส่วนเกียร์จะเป็นระบบอัตโนมัติ CVT ที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบ INC แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.8 เมตร
ราคาของรถยนต์มิตซูบิชิ (MITSUBISHI)
มีระยะเวลาในการรับประกันภายใน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร(แล้วแต่ระยะหนึ่งระยะใดจะถึงก่อน) โดยลูกค้าจะต้องนำรถยนต์มิตซูบิชิเข้ามาเช็กระยะที่ศูนย์บริการมิตซูบิชิตามเงื่อนไขที่กำหนด
รุ่นรถ | ราคา |
---|---|
MITSUBISHI Outlander PHEV | 1,640,000 - 1,750,000 บาท |
1,299,000 - 1,634,000 บาท | |
535,000 - 1,146,000 บาท | |
799,000 - 895,000 บาท | |
MITSUBISHI Xpander Cross | 899,000 - 946,000 บาท |
474,000 - 619,000 บาท | |
MITSUBISHI Attrage | 494,000 - 624,000 บาท |
Segments ของรถยนต์มิตซูบิชิ (MITSUBISHI)
Segments คือ การแบ่งประเภทตามขนาดของตัวรถยนต์ โดยที่รถยนต์มิตซูบิชิ(MITSUBISHI) จะแบ่งออกได้เป็น A, B, C, D Segments และ 4×4 ดังนี้
Segments | รุ่นรถ |
---|---|
A-Segment | |
B-Segment | MITSUBISHI Attrage |
C-Segment | MITSUBISHI Xpander, MITSUBISHI Xpander Cross |
D-Segment | MITSUBISHI Outlander PHEV, MITSUBISHI Pajero Sport |
4×4 |
ประเภทของรถยนต์มิตซูบิชิ (MITSUBISHI)
โดยที่ประเภทของรถยนต์มิตซูบิชิ(MITSUBISHI) ที่เป็นที่นิยมในตลาดเมืองไทย ได้แก่ รถ Pickup, รถ MPV และรถ SUV
ประเภท | รุ่นรถ |
---|---|
Sedan | MITSUBISHI Attrage |
Hatchback | |
SUV | MITSUBISHI Outlander PHEV, MITSUBISHI Pajero Sport |
MVP | MITSUBISHI Xpander, MITSUBISHI Xpander Cross |
Pickup |
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
รายการชิ้นส่วนใดของรถยนต์มิตซูบิชิ ที่จะมีการรับประกันแตกต่างไปจากการรับประกันทั่วไป?
จะมี 2 รายการ คือ ยางรถยนต์ ที่จะมีระยะเวลารับประกัน 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และแบตเตอรี่ ที่จะมีระยะเวลารับประกัน 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร
จะต้องนำรถยนต์มิตซูบิชิเข้าตรวจเช็กระยะทุก ๆ กี่กิโลเมตร หรือกี่เดือน?
ต้องนำรถเข้าตรวจเช็กระยะทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน(แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) อีกทั้งทางมิตซูบิชิจะให้ค่าแรงฟรี 10 ครั้งด้วยกัน
ออกรถยนต์ MITSUBISHI ควรซื้อประกันภัยชั้นไหนดี?
เพื่อความคุ้มค่าและการให้คุ้มครอง แนะนำเป็นประกันภัยชั้น 1 จะดีที่สุด เพราะว่าครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะรถชนรถ รถชนคน รถชนแบบไม่มีคู่กรณี รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม หรือว่ารถหาย ประกันภัยชั้น 1 ก็รับเคลมหมด ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดระยะเวลาคุ้มครอง โดยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าความเสียหายของรถยนต์ และทรัพย์สินอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีค่าชดเชยการเสียประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งลูกค้าจะได้รับบริการสุดพิเศษยิ่งกว่าประกันชั้นอื่น ๆ
ซื้อประกันรถยนต์ MITSUBISHI ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เพราะนอกจากแรบบิท แคร์ จะมีแผนประกันภัยและระบบให้เช็กเบี้ยประกันรถยนต์มากมายแล้ว ก็ยังมีระบบเปรียบเทียบเพื่อให้มองเห็นภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งใช้งานง่าย รวดเร็วทันใจ รับประกันว่าลูกค้าจะได้แผนประกันภัยที่ตรงตามความต้องการอย่างแน่นอน แถมยังช่วยให้ประหยัดได้มากขึ้นด้วย อีกทั้งยังมีช่องทางในการชำระเงินมากมาย สามารถเลือกผ่อน 0% ได้ยาวนานสูงสุด 1 เดือน ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และเงินสด สามารถเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษ และส่วนลดได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์