Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ

รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz V-Class

ประวัติและวิวัฒนาการของรถยนต์ Mercedes-Benz V-Class

Mercedes-Benz V-Class เป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น โดยดีไซน์ภายนอกของ V-Class โฉมใหม่ โดดเด่นด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ส่วนดีไซน์ภายในเน้นการตกแต่งที่หรูหรามีระดับ ประณีตในทุกรายละเอียด อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายมากขึ้นให้แก่ผู้โดยสาร ด้วยตัวถังแบบใหม่ Extra Long ช่วยเพิ่มขนาดในห้องโดยสารให้มีพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น ช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้น

ราคารุ่นรถยนต์ Mercedes-Benz V-Class

V-Class โฉมใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัยภายใต้มาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวมั่นใจในทุกขณะการเดินทาง โดยทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำเสนอรถยนต์รุ่น V-Class โฉมใหม่ ทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ V 220 d Avantgarde Premium และ V 220 d Business

 

โมเดล Benz V-Classราคา Benz V-Class แต่ละรุ่น
  • Mercedes Benz V 220 d Business
3,990,000 บาท
  • Mercedes Benz V 220 d Avantgarde Premium
5,790,000 บาท

 

*หมายเหตุราคาข้างต้นเป็นราคาเปิดตัว

รถยนต์ที่คุณอาจสนใจ

Subaru Outback

Subaru Outback

เริ่มต้น: 2,365,200 บาท

Honda Odyssey

Honda Odyssey

เริ่มต้น: 2,700,000 บาท

Toyota Alphard.png

Toyota Alphard

เริ่มต้น: 3,698,000 บาท

Toyota Vellfire.png

Toyota Vellfire

เริ่มต้น: 3,747,000 บาท

สเปกและสมรรถนะเครื่องยนต์รถยนต์ Mercedes-Benz V-Class

เมอร์เซเดส-เบนซ์  V-Class โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด  380 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,400-2,400 รอบ/นาที และเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS)
 

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ V-Class โฉมใหม่ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุด ได้แก่
 

  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP® Electronic Stability Program
  • ระบบป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock Braking System)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control)
  • ระบบรักษาการทรงตัวกรณีมีลมขวางปะทะตัวรถด้านข้าง (Crosswind Assist)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist)
  • ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise Control)
  • ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
  • ถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)

 

โดยในรุ่น V 220 d Avantgarde Premium จะมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม ได้แก่

 

  • ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system)
  • ระบบช่วยเตือนจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist)
  • ระบบช่วยเตือนให้ขับรถในช่องทาง (Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลัง (Active Parking Assist with 360˚camera)

ดีไซน์ ฟังก์ชันรถยนต์ Mercedes-Benz V-Class

ดีไซน์ภายนอก

V-Class ได้รับการออกแบบให้มีลายเส้นสวยงาม แสดงให้เห็นถึง ความกว้างขวางของตัวรถ พร้อมด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับช่องระบายความร้อน โดยรุ่น V 220 d Avantgarde Premium มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ไฟคู่หน้าแบบ LED Intelligent Light System ระบบไฟหน้าที่ทำงาน และปรับลำแสงอัตโนมัติตามสภาพ การขับขี่ กระจกมองหลังและมองข้างฝั่งคนขับที่สามารถปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ และระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL และรุ่น V 220 d Business มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ไฟหน้าแบบฮาโลเจนที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และระบบกันสะเทือนแบบ Comfort และทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับประตูเลื่อนอัตโนมัติระบบไฟฟ้าซ้าย-ขวา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถด้วยปุ่มสัมผัสเพียงปุ่มเดียว

ดีไซน์และห้องผู้โดยสารภายใน

ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางมากขึ้นด้วยตัวถังรถแบบ Extra Long และดีไซน์ที่มอบความรู้สึกความหรูหราอย่างมีระดับ The V-Class มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Direct Select Gearshift Paddles)

V 220 d Avantgarde Premium มาพร้อมกับห้องโดยสารสีเบจ เบาะหุ้มหนัง Lugano สีเบจ และจัดเรียงที่นั่งแบบ 2-2-3 ที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง อีกทั้งยังมาพร้อมกับที่นั่งแบบ Luxury Captain Chair 1 คู่สำหรับที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 ที่สามารถปรับหัวหมอน พนักพิงและที่รองน่องด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง มีระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ 3 ระดับ และฟังก์ชันนวดหลังที่ปรับได้ 3 โปรแกรม วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ pinstripe effect วัสดุบุเพดานสี porcelain และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC ในห้องคนขับและระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ TEMPMATIC ในห้องโดยสารตอนหลัง และเครื่องเสียงแบบ Audio 20 CD ที่มาพร้อมแป้นควบคุมแบบสัมผัสเพื่อเพิ่มสุนทรียในการเดินทางให้มากขึ้นไปกว่าเดิม

V 220 d Business มาพร้อมกับห้องโดยสารสีเทา เบาะผ้า Santiago สีดำ และจัดเรียงที่นั่งแบบ 2-2-2 วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ black piano-lacquer ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ TEMPMATIC ทั้งในห้องคนขับและในห้องโดยสารตอนหลัง และเครื่องเสียงแบบ Audio 20 USB

ซื้อรุ่นไหนดี?

Mercedes Benz V 250 d Business ราคา 3.99 ล้านบาท 
VS
Mercedes Benz V 250 d Avantgarde Premium ราคา 5.88 ล้านบาท

 

หากคุณต้องการซื้อเพื่อเอาไปแต่งภายในเพิ่ม ไม่เน้นออปชั่นเยอะ เพราะตั้งใจจะเอาไปใส่ออปชั่นที่คุณต้องการในภายหลังอยู่แล้ว รุ่นเริ่มต้น Business ราคา 3.99 ล้านบาท คือทางเลือกที่เหมาะสม ได้ระบบช่วงล่าง และความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น 
 

  • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP® (Electronic Stability Program)
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control)
  • ระบบรักษาการทรงตัวกรณีมีลมขวางปะทะตัวรถด้านข้าง (Crosswind Assist)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist)
  • ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise Control)
  • ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
  • ถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) 

 

และถ้าคุณต้องการออปชั่นแบบจัดเต็ม เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา รุ่น Avantgarde Premium ราคา 5.88 ล้านบาท ตอบโจทย์คุณแน่นอน สิ่งที่คุณจะได้เพิ่มจากในรุ่น Business คือ 

 

  • ฝาท้ายไฟฟ้า
  • ระบบช่วงล่างแบบ Comfort
  • เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมเมมโมรี่ 3 จุด
  • ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารปรับได้ 3 สี
  • แอร์หน้า 2 โซน ,เบาะหนัง Lugano สีเบจ
  • เบาะหลังนวดด้วยระบบไฟฟ้า
  • ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system
  • ระบบช่วยเตือนหากมีรถคันอื่นอยู่ในมุมอับสายตาในขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Assist)
  • ระบบช่วยเตือนให้ขับขี่อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist)
  • กล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง (360º camera)
  • กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera)

ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท

พันธมิตรประกันภัยรถยนต์

logo วิริยะประกันภัย
logo กรุงเทพประกันภัย
logo ธนชาติ
logo roojai
logo โตเกียวมารีนประกันภัย
logo LMG

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

รถยนต์รุ่น V-Class ควรทำประกันชั้นไหนดี?

ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่า ประกันภัยรถยนต์ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. ภาคบังคับ พ.ร.บ.
  2. ภาคสมัครใจ

 

ซึ่งประกันภัยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ภาคสมัครใจ ก็มีให้ผู้ใช้รถเลือกอีกทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน คือ ประเภท 1, 2, 2+, 3 และ 3+ โดยแต่ละประเภท มีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน  ความแตกต่างสำหรับความคุ้มครองประกันรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) แต่ละชั้น ดังนี้

 

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันภัยภาคสมัครใจที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะเป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อยานพาหนะทั้งฝั่งผู้เอาประกันและฝั่งคู่กรณี ความบาดเจ็บทางร่างกาย ความเสียหายจากไฟไหม้ โจรกรรมหรือภัยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังคุ้มครองไปถึงความเสียหายต่อกระจกรถและค่าใช้จ่ายในการลากจูงอีกด้วยหากท่านใช้รถรุ่น V-Class เราแนะนำให้ใช้ประกันชั้น 1 เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับรถของท่าน
  2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองคล้ายกับประเภท 1 แต่จะไม่คุ้มครองยานพาหนะของผู้เอาประกันหากไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนกำแพงลานจอดรถ
  3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ เป็นประกันภัยที่คุ้มครองชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี รวมถึงคุ้มครองความสูญหายและเหตุไฟไหม้รถเบนซ์ของผู้เอาประกันภัย
  4. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองชีวิตร่างกายและทรัพย์สินคู่กรณี รวมถึงการชนยานพาหนะทางบกของรถผู้เอาประกันภัย แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้และโจรกรรม
  5. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ เป็นประกันภัยที่คุ้มครองเฉพาะชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี

ซื้อประกันรถยนต์เพื่อคุ้มครองรถยนต์รุ่น V-Class ผ่านแรบบิทแคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

  1. ได้ราคาเริ่มต้นของแผนประกันรถยนต์จากพันธมิตรประกันภัยชั้นนำกว่า 30 บริษัท
  2. ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ผ่อนสบายๆ ได้ทั้งบัตรเครดิต และเงินสด
  3. การันตี ราคาคุ้มค่า เจอราคาถูกกว่า เราคืนส่วนต่างให้ ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทเดียวกัน
  4. ประหยัดได้สูงสุดถึง 70% ขับดีไม่มีเคลม ปีต่อไปลด 50% ระบุชื่อผู้ขับลดเพิ่ม 20%
  5. Roadside Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม.
  6. มีรถใช้ทดแทนระหว่างซ่อมบริการเช่ารถสำรอง 3 วัน เมื่อรถเข้าศูนย์จากอุบัติเหตุ
  7. บริการช่วยเหลือแจ้งเคลมง่าย มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือผ่านระบบ LINE OA
  8. ชดเชยค่าเดินทางกลับบ้าน ชดเชยค่าเดินทางสูงสุด 500 บาท (2 ครั้ง/ปี) ระหว่างรถยนต์เข้าอู่ซ่อม
  9. ศูนย์ซ่อมครอบคลุมทั่วไทย อยากซ่อมรถแบบไหน ที่ไหน คุณเลือกได้ มีศูนย์ให้เลือกทั่วไทย

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา