รถยนต์อีซูซุ (Isuzu)
ประวัติและวิวัฒนาการของรถยนต์แบรนด์อีซูซุ (Isuzu)
Isuzu เป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงจากการผลิตรถกระบะ รถบรรทุก รถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ และนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซล มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ความสำเร็จของอีซูซุสะท้อนให้เห็นถึงความเอาใจใส่ และแผนกลยุทธ์ในการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ตั้งแต่การเริ่มทำตลาดบริษัทเล็ก ๆ จนสามารถขยายกิจการโลดแล่นไปยังทั่วทุกมุมโลก
จุดเริ่มต้นของรถ Isuzu นั้นมาจากการก่อตั้งบริษัท Tokyo Gas and Electric Industrial ในปี ค.ศ. 1893 ซึ่งในตอนนั้นทางบริษัทได้เน้นผลิตเครื่องยนต์สำหรับเรือเดินสมุทรเป็นหลัก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1916 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทางบริษัทได้ปรับทิศทางหันมาตีตลาดยานยนต์และเริ่มใช้ชื่อแบรนด์ Isuzu โดยชื่อของแบรนด์นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อของแม่น้ำอีซูซุซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นการบ่งบอกถิ่นกำเนิดของแบรนด์ที่อยู่ภูมิภาคเดียวกับแม่น้ำแห่งนี้อีกด้วย
ในปีแรก ๆ ที่อีซูซุดำเนินกิจการนั้น ทางบริษัทได้ลองผลิตยานยนต์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์ขนส่ง แต่อย่างไรก็ตามพอมาถึงช่วงปี ค.ศ. 1930 -1940 ได้มีเหตุการณ์สงครามโลกปะทุขึ้น ทางค่ายผู้ผลิตจึงเน้นผลิตยานยนต์ทางทหารเพื่อสนับสนุนประเทศ และต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงยุคหลังสงครามจบลง ทางแบรนด์ก็ต้องพบกับความท้าทายใหม่ภายใต้โจทย์การผลิตยานยนต์ที่ต้องตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคหลังสงคราม ต้องสร้างอัตลักษณ์ให้แตกต่างจากค่ายรถอื่น ๆ ทาง Isuzu จึงได้หันไปผลิตรถบรรทุกขนาดเล็กรวมถึงรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งที่กำลังขยายตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว
นอกจากนี้ทางค่ายได้จับมือกับ Rootes Group ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะยกระดับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมยานยนต์ไปอีกขั้น จนสามารถสร้างรถอีซูซุคุณภาพมาตรฐานให้ครองใจผู้บริโภคได้ จนมาถึงช่วงปี ค.ศ. 1960 ทางค่ายรถก็ได้มีการขยายรูปแบบกิจการมาเจาะตลาดรถยนต์ทั่วไป ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ขนาดเล็กรุ่น Isuzu Bellett ซึ่งผลตอบรับนั้นออกมาดีเยี่ยมเนื่องจากมีสมรรถภาพการขับขี่สูง อีกทั้งยังมีการออกแบบที่ดีเหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคที่ชอบความคล่องตัวในการเดินทาง และต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกันทางค่ายอีซูซุก็ได้เปิดตัว Isuzu Elf รถบรรทุกขนาดเล็ก ซึ่งก็ได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย
ในช่วงปีทศวรรษ 1980 - 1990 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แบรนด์กำลังรุ่งเรืองอย่างสุดขีด เพราะทางอีซูซุได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล โดยเครื่องยนต์จากแบรนด์นี้มีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพสูงกว่าเจ้าอื่น มีความทนทาน สามารถใช้งานได้อย่างหนักหน่วงเต็มรูปแบบเป็นเวลานาน ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาก มีการสั่งซื้อไปใช้งานในหลายภาคส่วน ตั้งแต่รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ไปจนถึงรถโดยสาร ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทโด่งดังขึ้นในฐานะผู้บุกเบิกนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซลเลยทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Isuzu ยังได้ร่วมจับมือเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับบริษัทอื่น ๆ มากมาย เพื่อกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก การร่วมมือครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นเกิดขึ้นปี ค.ศ. 1971 โดยรวมเป็นพันธมิตรกับ General Motors (GM) ซึ่งทาง GM ก็ได้เข้ามาถือหุ้นของบริษัท 34% ด้วย การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งซึ่งทำให้ดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะทางอีซูซุจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายของ GM ที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้รถ isuzu สามารถเข้าถึงลูกค้าทุกภูมิภาค ในขณะเดียวกันทาง GM ก็จะได้รับนวัตกรรมผลิตยานยนต์ไปในตัว โดยผลลัพธ์อันเห็นได้ชัดจากการร่วมมือครั้งนี้คือ รถกระบะรุ่น Trooper และ Chevrolet S-10
ช่วงยุคปี ค.ศ. 2000 สหัสวรรษใหม่ของ Isuzu ก็เริ่มปรับโฉมอีกครั้ง โดยค่ายได้มุ่งเน้นเดินสายผลิตรถยนต์ขนส่งเพื่อการพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ผลงานที่ปรากฏคือรถบรรทุกประเภท N-Series อย่าง NPR และ NQR โดยรถอีซูซุทั้งสองรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก เนื่องจากบรรทุกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มียอดขายทะลุเป้าเกินคาด สังเกตได้ว่าธุรกิจขนส่งในแต่ละภูมิภาคมักใช้รถทั้งสองรุ่นนี้ทั้งสิ้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจของ Isuzu ในประเทศไทยนั้น ทางค่ายได้เริ่มเข้ามาเจาะตลาดในไทยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 โดยได้มีการจัดตั้ง บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ อ.พระประแดง จ. สมุทรปราการ เพื่อประกอบรถยนต์และจัดจำหน่าย และหลังจากนั้นอีก 8 ปี ก็ได้จัดตั้งบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เพื่อดูแลเรื่องการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขายให้กับลูกค้า ส่วนยานยนต์ที่ได้รับความนิยมในไทยนั้นจะเป็นรถกระบะ D-Max ซึ่งทำยอดขายอย่างถล่มทลายตั้งแต่เจนเนเรชั่นแรกที่เปิดตัว นอกจากรถกระบะแล้วทางอีซูซุยังประสบความสำเร็จจากการจำหน่ายรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อย่าง MU-X และ MU-7 ด้วย
จากอดีตจนถึงปัจจุบันเรียกได้ว่า Isuzu ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเจาะตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยในเซ็กเมนต์รถอีซูซุกระบะ รถยนต์อเนกประสงค์ รถบรรทุกขนส่งตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยตั้งแต่ทำตลาดมาในไทยเกือบ 60 ปี ก็สามารถทำยอดผลิตและจำหน่ายรวมทุกรุ่นไปได้มากกว่า 5 ล้านคันเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างยานยนต์มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้ ปรัชญาองค์กร Moving the world - for you สร้างสรรค์นวัตกรรมขับเคลื่อนโลกเพื่อคุณ
ราคาของรถยนต์อีซูซุ
คุณสามารถเช็กราคาราคาของรถอีซูซุกระบะและรถอเนกประสงค์ได้ดังราคาต่อไปนี้
ราคา | รุ่นรถ |
---|---|
500,000 – 600,000 | D-Max 2 Door Spark |
600,000 – 700,000 | D-Max 2 Door Space cab |
700,000 – 800,000 | D-Max 2 Door Hi-Lander |
800,000 – 900,000 | D-Max 2 Door V-Cross, D-Max 4 Door Hi-Lander |
900,000 – 1,000,000 | D-Max 4 Door V-Cross |
1,000,000 บาทขึ้นไป | D-Max Double Cab Hi-Lander, MU-X |
Segments ของรถยนต์อีซูซุ
รถ isuzu ส่วนใหญ่จะเป็นรถกระบะ การแบ่ง Segment จะไม่สามารถแยกชัดเจนได้เหมือนรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป แต่สามารถจัดประเภทตามเกณฑ์ราคาได้ ดังนี้
Segments | รุ่นรถ |
---|---|
A-Segment | D-Max 2 Door Spark |
B-Segment | D-Max 2 Door Space cab, D-Max 2 Door Hi-Lander |
C-Segment | D-Max 2 Door V-Cross, D-Max 4 Door Hi-Lander, D-Max 4 Door V-Cross |
D-Segment | D-Max Double Cab Hi-Lander, MU-X |
ประเภทของรถยนต์อีซูซุ
รถยนต์แบรนด์ Isuzu ณ ปัจจุบันนี้จะทำตลาดในส่วนของรถกระบะเป็นหลัก
ประเภท | รุ่นรถ |
---|---|
Pickup | D-Max 2 Door Spark, D-Max 2 Door Space cab, D-Max 2 Door Hi-Lander, D-Max 2 Door V-Cross, D-Max 4 Door Hi-Lander, D-Max 4 Door V-Cross, D-Max Double Cab Hi-Lander |
SUV | MU-X |
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ใช้รถอีซูซุ ควรซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี?
สำหรับคนที่ใช้รถกระบะ Isuzu รวมไปถึงรถอเนกประสงค์อย่างรุ่น MU-X เราขอแนะนำให้ทำประกันภัยตามนี้
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสำหรับรถยนต์ป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ หรือผู้ที่ยังขับรถไม่คล่อง เนื่องจากประกันชั้นนี้มีจุดเด่นที่ความคุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี รวมถึงรถหาย รถไฟไหม้ จึงเหมาะกับรถยนต์คันใหม่ที่ยังมีมูลค่าสูง หรือผู้ที่ขับรถไม่คล่องเพราะอาจเสี่ยงขับไปชนสิ่งกีดขวางบ่อย ๆ
ประกันรถยนต์ชั้น 2,2+ เหมาะกับผู้ที่ขับรถยนต์คล่องแล้ว หรือรถมือสองสภาพดี เนื่องจากจะช่วยประหยัดเบี้ยได้มาก แลกกับความคุ้มครองสำคัญที่ยังอยู่ครบ
ประกันรถยนต์ชั้น 3,3+ เหมาะกับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานและคุณขับขี่คล่องแล้ว เนื่องจากเมื่อใช้รถน้อยความเสี่ยงอุบัติเหตุก็น้อยตาม การทำประกันชั้นนี้จะประหยัดเบี้ยได้มากที่สุด
ซื้อประกัน Isuzu กับแรบบิท แคร์ ดีกว่าเจ้าอื่นอย่างไร?
แรบบิท แคร์ เป็นโบรกเกอร์ประกันภัยที่มีความน่าเชื่อถือ เรามีแผนประกันภัยให้คุณเลือกมากมายจากบริษัทประกันภัยชั้นนำกว่า 30 บริษัท สร้างทางเลือกให้คุณมีโอกาสได้ประกันรถยนต์ที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุดในราคาสุดประหยัด คุณสามารถเลือกผ่อนชำระกับเรา 0% ยาวนานถึง 10 เดือน พร้อมส่วนลดอีกมากมาย นอกจากนี้เรายังมีจุดเด่นด้านการบริการ เราคอยให้คำแนะนำกับคุณตั้งแต่ก่อนซื้อประกันภัย จนถึงบริการหลังการขายจากเซอร์วิสพิเศษมากมาย เช่น บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง, บริการรถลาก, บริการส่งคนขับกลับถึงบ้านเมื่อรถคุณเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ ซื้อประกันรถอีซูซุกับแรบบิท แคร์ คุ้มค่ากว่าแน่นอน ซื้อรถ isuzu ทำประกันกับแรบบิท แคร์ คุ้มค่ากว่าแน่นอน