รถไฟฟ้า Fomm One
ประวัติและความเป็นมาของรถไฟฟ้า Fomm One
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าผู้คนต่างพากันนิยมหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดทั้งในเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ก็ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ปลอดมลพิษมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อีกทั้งระบบการขับเคลื่อนก็มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า และรถไฟฟ้า Fomm one เองก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของยานพาหนะ ด้วยความที่มีขนาดกะทัดรัด ขับขี่คล่องตัว และยังรองรับโครงข่าย Battery Cloud ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลการทำงานของแบตเตอรี่ได้ด้วยโทรศัพท์ จึงทำให้มีการใช้งานที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
รถไฟฟ้า Fomm One เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า(EV) 100% แบบไม่มีเครื่องยนต์ ที่ถูกพัฒนาโดยสตาร์ตอัพสัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น และก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 โดยที่มาของคำว่า Fomm นั้นมาจาก First One Mile Mobility เพราะทางผู้พัฒนาต้องการที่จะให้รถไฟฟ้า Fomm One นั้นเด่นในเรื่องของการใช้เดินทางในระยะสั้น ๆ ซึ่งเป็นนวัตกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งในเรื่องของการชาร์จไฟฟ้ารวมไปถึงในเรื่องของค่าบำรุงรักษาอีกด้วย จึงทำให้ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบในการประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ส่วนสีของตัวถังจะมีให้เลือกทั้งหมดถึง 7 สี ได้แก่ สีขาว (Yuki White) สีเหลือง (Himawari Yellow) สีส้ม (Daidai Orange) สีน้ำเงิน (Samurai Blue) สีแดง (Ringo Red) สีเขียว (Wakaba Green) และสีชมพู (Sakura Pink)
ความพิเศษของรถไฟฟ้า Fomm One ที่ไม่เหมือนใคร
- Best Efficiency ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 166 กิโลเมตร(ต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง) ดังนั้นค่าไฟฟ้าเฉลี่ยจะไม่เกิน 30 สตางค์/กิโลเมตร
- Compact EV ด้วยความที่มีขนาดกะทัดรัด จึงทำให้การขับขี่คล่องตัวมาก ด้วยขนาดของตัวรถ คือ ยาว 2,585 มม. กว้าง 1,295 มม. และสูง 1,560 มม.
- Flexible สามารถนั่งได้ 2+2 ที่นั่ง คือจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ขับขี่
- Lower Maintenance ช่วยให้ประหยัดค่าบำรุงรักษาได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป 5-8 เท่า และยังสามารถตรวจเช็กระยะได้ฟรีถึง 7 ครั้ง(โดยประมาณ 1,000-60,000 กิโลเมตร)
- Motor in wheel จะมีการส่งกำลังไฟฟ้าไปสู่ล้อรถโดยตรง เพื่อการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีแรงบิดสูงถึง 560 นิวตันเมตร
- Floating Ability สามารถลอยตัวในน้ำได้ลึกสุด 70 เซนติเมตร สำหรับในกรณีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันฉุกเฉิน เพราะด้วยฟังก์ชันที่ทนต่อความเสียหาย แม้จะอยู่ในสภาวะน้ำท่วมขังก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ไม่ใช่รถยนต์สะเทินน้ำสะเทินบก
- Easy Charging สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ง่ายจากระบบไฟฟ้าที่บ้าน เนื่องจากใช้ไฟฟ้าเพียงแค่ 2 kWh เท่านั้น
- Electronic Control มีระบบควบคุมการหมุนของล้อในแต่ละข้าง จึงทำให้มีการขับขี่ในขณะที่เข้าโค้งได้ดีมากยิ่งขึ้น
- Zero Emission ไม่ก่อให้เกิดมลพิษไอเสียจากเครื่องยนต์ เพราะว่าเป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% จึงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งชิ้นส่วนที่ประกอบเป็นรถยนต์ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วย
- Easy Parking มีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 3.8 เมตรเท่านั้น จึงสามารถจอดรถในช่องจอดปกติได้ถึง 2 คันต่อ 1 ช่องจอด
- รองรับโครงข่าย Battery Cloud ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลการทำงานของแบตเตอรี่ได้ด้วยโทรศัพท์ และตัวแบตเตอรี่ Li-ion ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วย
- High power Cooler system เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทย
ราคาของรถไฟฟ้า Fomm One
รถไฟฟ้า Fomm one จะมีการรับประกันแบตเตอรี่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร(แล้วแต่ว่าระยะใดจะถึงก่อน) พร้อมรับประกันมอเตอร์ 6 ปี และจะมีการตรวจเช็กระยะฟรี 7 ครั้ง(โดยประมาณ 1,000-60,000 กิโลเมตร)
รถไฟฟ้า Fomm one | ราคา(บาท) |
---|---|
FOMM One Compact MPEV | 499,000 |
เครื่องยนต์และการชาร์จพลังงานของรถไฟฟ้า Fomm One
มิติและขนาดของรถไฟฟ้า Fomm One
ข้อมูลทางเทคนิค | รถไฟฟ้า Fomm one |
---|---|
ความกว้าง x ความยาว x ความสูง(เซนติเมตร) | 1,295 x 2,585 x 1,560 |
ระยะฐานล้อ(มิลลิเมตร) | 1,760 |
ระยะห่างล้อหน้า(มิลลิเมตร) | 1,110 |
ระยะห่างล้อหลัง(มิลลิเมตร) | 1,110 |
ความสูงใต้ท้องรถ(มิลลิเมตร) | 140 |
น้ำหนักรถแบบไม่รวมแบตเตอรี่(กิโลกรัม) | 445 |
น้ำหนักรถแบบรวมแบตเตอรี่(กิโลกรัม) | 630 |
จำนวนที่นั่งผู้โดยสาร | 4 ที่นั่ง |
ล้อหน้าและล้อหลัง | 145/65 R15 |
มอเตอร์และแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า Fomm One
มอเตอร์และแบตเตอรี่ | รถไฟฟ้า Fomm one |
---|---|
ประเภทของมอเตอร์ | In Wheel Motor |
อัตราสิ้นเปลืองของแบตเตอรี่(กิโลวัตต์/ชั่วโมง) | 14.8 |
ความจุแบตเตอรี่(กิโลวัตต์/ชั่วโมง) | 2.96 จำนวนทั้งหมด 4 จุด |
ระยะทางที่วิ่งได้เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% (กิโลเมตร) | 160 |
หัวชาร์จ | แบบ Type 2 |
ระยะเวลาในการชาร์จเต็ม 100% (ชั่วโมง) | 6 |
ความเร็วสูงสุด(กิโลเมตร/ชั่วโมง) | 80 |
กำลังสูงสุด(กิโลวัตต์) | 10.6 (200-600 รอบ/นาที) |
แรงบิดสูงสุด(นิวตันเมตร) | 560 (0-170 รอบ/นาที) |
ระบบขับเคลื่อนของรถไฟฟ้า Fomm One
ระบบขับเคลื่อน | รถไฟฟ้า Fomm one |
---|---|
ช่วงล่างด้านหน้า | Double Wishbones |
ช่วงล่างด้านหลัง | Multi-Link |
ระบบขับเคลื่อน | ขับเคลื่อนแบบอิสระ 4 ล้อ |
รีวิวข้อดีและข้อเสียของรถไฟฟ้า Fomm One
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
มีขนาดกะทัดรัด ขับขี่คล่องตัว | มีพวงมาลัยที่ค่อนข้างบังคับยาก |
มีระบบการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง | ไม่เหมาะสำหรับการขับขี่ในถนนใหญ่ |
มีพวงมาลัยที่ถูกออกแบบมาอย่างล้ำสมัยในสไตล์แบบเครื่องบิน | ยังมีระบบช่วงล่างที่ยังไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร |
สามารถขับขี่บนน้ำได้ลึกสุด 70 เซนติเมตร | สถานีบริการและจุดชาร์จของ รถไฟฟ้า Fomm one ยังมีไม่เยอะมาก |
แบตเตอรี่อึดมาก จึงยิ่งทำให้คุ้มค่าต่อการใช้งาน | รถไฟฟ้า Fomm one ยิ่งขับเร็ว ความแรงจะยิ่งลดลง |
การชาร์จพลังงานไฟฟ้าของรถไฟฟ้า Fomm One
- รถไฟฟ้า Fomm one ใช้เวลา 6 ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้เต็ม 100%
- เมื่อชาร์จพลังงานรถไฟฟ้า Fomm one เต็ม 100% จะสามารถวิ่งได้สูงสุด 166 กิโลเมตร
- สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้จากระบบไฟฟ้าที่บ้านได้ เพราะใช้ไฟเพียง 2 kWh เท่านั้น
- รถไฟฟ้า Fomm one จะมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ 7-8 ปี หรือประมาณ 2,500 รอบการชาร์จไฟฟ้า
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
รถไฟฟ้า Fomm one เหมาะสำหรับใคร?
ด้วยความที่เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็ก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะใช้รถในระยะทางสั้น ๆ เช่น การใช้เป็นรถไปตลาดแถวบ้าน หรือการใช้เป็นรถส่งของในระยะทางสั้น ๆ เพราะด้วยต้นทุนรถไฟฟ้า Fomm one ที่ต่ำ จึงทำให้ช่วยประหยัดในเรื่องของค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ อีกทั้งยังขับขี่คล่องตัว และใช้เวลาในการเคลื่อนที่รวดเร็วอีกด้วย
ซื้อรถไฟฟ้า Fomm One มาใหม่ ควรเลือกทำประกันภัยชั้นไหนดี?
ยิ่งถ้าเป็นมือใหม่หัดขับแบบนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะเลือกทำเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1 เพราะว่านอกจากจะให้ความคุ้มครองแบบสูงสุดแล้ว ก็ยังให้ความคุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้ยังช่วยดูแลเรื่องความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากภัยพิบัติธรรมชาติหรือจากการชน หรือแม้แต่กระทั่งชีวิตของคู่กรณี ถ้าหากว่าเรานั้นเป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็จะไม่ต้องมานั่งกังวลเลย เพียงแค่เรามีความสม่ำเสมอในการต่อประกันไม่ให้ขาด เพียงเท่านี้ก็อุ่นใจได้ในทุกการขับขี่แน่นอน
ซื้อประกันภัยรถไฟฟ้า Fomm One ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
นอกจาก แรบบิท แคร์ จะมีบริการหลังการขายที่พร้อมจะดูแลทุกท่านให้ได้รับบริการสุดพิเศษตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังมีแผนประกันภัยและระบบเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ให้ท่านได้เลือกสรรอีกมากมาย และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณเพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีบริการสุดพิเศษให้คุณอีกมากมาย สามารถคลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แรบบิท แคร์ หรือโทรขอคำปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเราแคร์คุณยิ่งกว่าใคร