ละเมิดลิขสิทธิ์มีบทลงโทษอย่างไร ร้ายแรงหรือไม่ แบบไหนถึงเข้าเกณฑ์?
แม้ว่าเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์จะเป็นสิ่งที่ทราบกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นสิ่งที่ผิดทั้งในแง่ของกฎหมายและศีลธรรมอีกทั้งคนส่วนใหญ่ต่างก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์กันอย่างเคร่งครัดแต่ก็ต้องยอมรับว่าความจริงแล้วเรื่องของกฎหมายลิขสิทธิ์และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นความรู้พื้นฐานที่หลาย ๆ คนรู้ลึกรู้จริงกันอย่างละเอียดแพร่หลาย ดังนั้นวันนี้ แรบบิท แคร์ จึงเลือกที่จะหยิบยกประเด็นความรู้เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์มาฝากทุกคนให้ได้อ่านทำความเข้าใจ การละเมิดลิขสิทธิ์นั้นมีโทษอย่างไร หากโดนละเมิดลิขสิทธิ์ต้องแจ้งที่ไหน หากไม่เคยจดลิขสิทธิ์สามารถแจ้งได้หรือไม่ บทลงโทษตามกฎหมายสำหรับคนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ คืออะไร ? และความรู้พื้นฐานที่ควรทราบกันไว้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ในชีวิตประจำวัน
ลิขสิทธิ์ คืออะไร?
ก่อนจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนอื่นนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคำว่า ‘ลิขสิทธิ์’ (Copyright) นั้นคืออะไร? โดยศูนย์ทรัพย์สินทางปัญญา ได้เผยแพร่ความหมายของลิขสิทธิ์ว่า ลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 นั้น ลิขสิทธิ์ หมายความว่า สิทธิ แต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำหรือสร้างสรรค์ขึ้น และ “ผู้สร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
หรืออาจสรุปได้ว่าลิขสิทธิ์ คือความคุ้มครองทางกฎหมายที่มีให้แก่เจ้าของผู้สร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การใช้สติปัญญา ความรู้ ความสามารถ รวมถึงความวิริยะอุตสาหะซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงมีเพียงเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่เป็นลิขสิทธิ์ของตนเอง โดยกฎหมายลิขสิทธิ์ยังได้ให้ความคุ้มครองรวมถึงสิทธิของนักแสดงด้วย
การละเมิดลิขสิทธิ์ คืออะไร?
หลังจากที่ได้ทราบความหมายของคำว่าลิขสิทธิ์กันไปแล้ว ก็มาถึงจุดที่จะต้องทำความเข้าใจว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ หมายถึงอะไร โดยการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นก็คือการที่บุคคลหนึ่งได้ทำการคัดลอก นำมาดัดแปลง นำมาใช้ หรือทำซ้ำ ผลงานที่เกิดขึ้นจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การใช้สติปัญญา ความรู้ ความสามารถ รวมถึงความวิริยะอุตสาหะซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของผู้อื่นโดยที่ไม่ได้รับการยินยอม หรือมีการเจรจาซื้อขายจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้เป็นกิจจะลักษณะนั่นเอง
จำเป็นต้องจดลิขสิทธิ์ก่อนโดนละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าหากตนเองได้สร้างสรรค์ผลขึ้นมาและกลัวที่จะถูกละเมิดลิขสิทธิ์จำเป็นที่จะต้องไปจดลิขสิทธิ์ก่อนถึงจะสามารถเอาเรื่องผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของตนเองได้หรือไม่ คำตอบคือไม่จำเป็น เนื่องจากการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์นั้น สิทธิ์จะเกิดขึ้นทันทีนับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้สร้างผลงานขึ้นมาโดยที่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนแต่อย่างใด ทั้งนี้เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ควรที่จะทำการปกป้องคุ้มครองสิทธิ์ของตนเองไม่ให้ผู้อื่นมาทำการละเมิดลิขสิทธิ์ได้โดยการที่เป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนั้น ๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวันเวลาที่คิด ทำ และสร้างสรรค์ผลงานสำเร็จหรือหลักฐานประกอบอย่างอื่นก็ตาม เพื่อที่หากอนาคตเกิดกรณีพิพาทหรือการละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นจะได้ทำการพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง
หากต้องการจดลิขสิทธิ์สามารถทำได้ไหม?
คำตอบคือสามารถยื่นเรื่องขอจดลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้แต่ทั้งนี้การแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญานั้นก็ไม่ใช่การรับรองสิทธิของเจ้าของผลงานแต่อย่างใดแต่เป็นเหมือนการแจ้งต่อหน่วยงานราชการว่าตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในผลงานที่แจ้งไว้เท่านั้น
ซึ่งในส่วนนี้ผู้แจ้งจะต้องทำการรับรองตนเองว่าเป็นเจ้าของผลงานที่ตนเองได้นำมาแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ โดยหนังสือรับรองที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ออกให้ก็ไม่ได้เป็นการรับรองว่าผู้แจ้งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ในอนาคตเมื่อมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อพิพาทในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ก็จำเป็นต้องอาศัยหลักฐานที่ผู้สร้างงานเก็บเอาไว้และให้ศาลช่วยพิจารณาคดีให้ต่อไปนั่นเอง
บทลงโทษตามกฎหมายของการละเมิดลิขสิทธิ์
สำหรับบทลงโทษของการละเมิดลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้นั้นจะถูกแบ่งเป็นหลายกรณีด้วยกัน คือ
- กรณีละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรงโดยกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต คือ ทำซ้ำ ดัดแปลง นำเผยแพร่ต่อสาธารณชน จะมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทและหากทำเพื่อการค้า ผู้กระทำจะมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- กรณีละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อมโดยการละเมิดโดยบุคคลใดก็ตามที่รู้อยู่แล้วว่างานที่ตนเองทำโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นซึ่งกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อหากำไร จะได้รับโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึง หนึ่งแสนบาท และหากเป็นการทำเพื่อการค้าจะได้รับโทษ จำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- กรณีละเมิด ลิขสิทธิ์โดยการกระทำละเมิดข้อมูลบริหารสิทธิและละเมิดมาตรการทางเทคโนโลยี จะได้รับโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
- กรณีการทำซ้ำโดยการบันทึกเสียงหรือการบันทึกภาพหรือทั้งภาพทั้งเสียงจากภาพยนตร์อันมีลิขสิทธิ์ในโรงภาพยนตร์ จะมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดนละเมิดลิขสิทธิ์ต้องทำอย่างไร?
สำหรับเจ้าของผลงานลิขสิทธิ์นั้น กรณีที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปใช้ดำเนินการร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนี้
- หลักฐานการสร้างสรรค์ผลงานหรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
- ตัวอย่างงานของแท้ที่เป็นลิขสิทธิ์ของตนเองและตัวอย่างงานละเมิดลิขสิทธิ์
- กรณีเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ใช่ผู้เข้าติดต่อร้องทุกข์เองจะต้องมีหนังสือมอบอำนาจประกอบด้วย
- สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือรับรองนิติบุคคลของเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้รับมอบอำนาจในการร้องทุกข์
โดนละเมิดลิขสิทธิ์ แจ้งที่ไหน?
หลังจากที่ได้รวบรวมเอกสารสำหรับการแจ้งร้องทุกข์เมื่อโดนละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ในส่วนของสถานที่ที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์นั้นจะสามารถแจ้งได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านคุณได้เลย
สิ่งที่คนมักไม่รู้เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์
- ในการที่ได้นำงานผู้อื่นมาแม้จะมีการให้เครดิตก็ยังเป็นการละเมิด ลิขสิทธิ์อยู่ดี
- งานสร้างสรรค์บางประเภทจะถือว่ามีลิขสิทธิ์ในประเทศหนึ่งแต่ไม่มีลิขสิทธิ์ในอีกประเทศหนึ่ง และกิจกรรมแบบเดียวกันก็อาจเป็นกิจกรรมที่ละเมิด ลิขสิทธิ์ในประเทศหนึ่งก็อาจไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ในอีกประเทศหนึ่ง
- ลิขสิทธิ์จะมีวันหมดอายุเสมอ โดยลิขสิทธิ์ที่หมดอายุแล้วจะถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาสาธารณะ (Public Domain)
- ความผิดฐานละเมิด ลิขสิทธิ์เป็นความผิดส่วนบุคคล เจ้าทุกข์หรือเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นที่เป็นผู้ดำเนินคดีได้ (ยกเว้นกรณีมอบอำนาจ)
ประเภทของงานที่มีลิขสิทธิ์ ต้องระวังการละเมิดลิขสิทธิ์
งานที่เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ มีอะไรบ้าง ? กฎหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์นั้นจะคุ้มครองงานทั้ง 9 ประเภท ดังนี้
- งานวรรณกรรม (หนังสือ บทความ บทกลอน โปรแกรมคอมพิวเตอร์)
- นาฏกรรม (ท่าเต้นท่ารำ ที่ประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว)
- ศิลปกรรม (ภาพวาด ภาพถ่าย)
- ดนตรีกรรม (ทำนองเพลง เนื้อร้องและทำนองเพลง)
- โสตทัศนวัสดุ (VCD คาราโอเกะ)
- ภาพยนตร์
- สิ่งบันทึกเสียง (CD เพลง)
- งานแพร่เสียงแพร่ภาพเช่นรายการโทรทัศน์
- งานอื่นใดในแผนกวรรณคดีแผนกวิทยาศาสตร์หรือแผนกศิลปะเช่นการเพนต์ศิลปะบนร่างกาย
สิ่งที่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์-ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
- ข่าวประจำวัน ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร แต่หากมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาเรียบเรียงจนมีลักษณะเป็นงานวรรณกรรม เช่น บทความ การวิเคราะห์ข่าว ผลงานเหล่านี้อาจได้รับความคุ้มครองในลักษณะของงานวรรณกรรม
- รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
- ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือหนังสือตอบโต้อื่นใดของหน่วยงานของรัฐบาล
- คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตามข้อ 1-4 ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น
- ความคิดขั้นตอน กรรมวิธี ระบบวิธีใช้ หรือทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ ทฤษฎี ทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
และนี่ก็คือข้อมูลที่ทุกคนควรมีความรู้ติดตัวไว้เกี่ยวกับการละเมิด ลิขสิทธิ์เพื่อที่จะไม่ไปละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงรู้ไว้เพื่อเป็นความรู้ในการปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเองยามเมื่อตนเองเป็นผู้ผลิตงานที่ถือเป็นงานลิขสิทธิ์ขึ้นมา
ทั้งนี้การผลิตชิ้นงานลิขสิทธิ์ที่สามารถสร้างรายได้ไม่รู้จบได้ก็เป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่น่าสนใจ สำหรับใครที่ทำได้ก็อย่าลืมมองอนาคตให้ยาวไกล วางแผนอนาคตและการเงินในวันข้างหน้าไว้โดยอาจเริ่มจากการที่สร้างรายได้จากงานลิขสิทธิ์ที่ตนผลิตขึ้นมาซื้อประกันออมทรัพย์ กับ แรบบิท แคร์ ช่วยเก็บออมเงิน มีดอกเบี้ยให้ แถมยังได้รับความคุ้มครองเหมือนประกันชีวิตทุกประการ
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี