แคร์การลงทุน

สินเชื่อ OD คืออะไร? มีเงื่อนไขการขออย่างไร? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? ต่างกับ Loan ยังไง? 

ผู้เขียน : Mayya Style
Mayya Style

เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care และ Asia Direct ได้อย่างมืออาชีพ

close
linkedin icon
 
 
Published: August 8,2023
สินเชื่อ overdraft

การขอสินเชื่อ OD เชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้า หรือคนที่อยากเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองต้องรู้จักกันอย่างดี แต่อาจยังไม่เข้าใจถึงหลักการและเงื่อนไข และเนื่องด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจไทยมีความถดถอย ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ที่รับ ทำให้การลงทุนหรือการเริ่มต้นธุรกิจดูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หลายคนประสบปัญหาเงินไม่พอ ไม่มีทุนทรัพย์ เงินหมุนไม่ทัน จะหันไปกู้นอกระบบก็อันตราย วันนี้ แรบบิท แคร์ มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการขอสินเชื่อ OD มาฝาก ว่ามันคืออะไร มีเงื่อนไขอย่างไร ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!!

  
เปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช่ ง่ายๆ แค่ 30 วิ คลิกเลย!
icon angle up or down

สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

เด็กจบใหม่ เด็กจบใหม่ icon รักการท่องเที่ยว รักการท่องเที่ยว icon รักการช้อปปิ้ง รักการช้อปปิ้ง icon รักความหรูหรา รักความหรูหรา icon รักสุขภาพ รักสุขภาพ icon รักการกิน รักการกิน
  

สินเชื่อ OD คืออะไร? 

สินเชื่อ OD ย่อมาจากคำว่า Overdraft คือรูปแบบหนึ่งของสินเชื่อที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินให้กับลูกค้า โดยที่สามารถถอนเงินเกินจำนวนเงินในบัญชีออกมาใช้ได้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งจำนวนเงินที่สามารถถอนเกินกำหนดนี้จะได้รับการกำหนดจำนวนและเงื่อนไขการใช้งานจากธนาคาร

เมื่อลูกค้าทำการถอนเงินเกินจำนวนที่มีในบัญชี ธนาคารจะเรียกให้ลูกค้าชำระเงินเพิ่มเข้ามาเพื่อควบคุมจำนวนเงินที่ใช้งานเกินไปนั้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้สินเชื่อ OD นั้นจะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาการชำระเงิน ซึ่งดอกเบี้ยมักจะสูงกว่าบัญชีเงินฝากประเภทอื่นๆ

สินเชื่อ OD มักนิยมใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือในสถานการณ์ที่ต้องการเงินทันทีแต่จำนวนเงินในบัญชีไม่เพียงพอ  ถือว่าเป็นเงินกู้ระยะสั้น การใช้สินเชื่อ OD ควรให้ความสำคัญและใช้อย่างระมัดระวังเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงและอาจก่อให้เกิดหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระในภายหลัง ควรปรึกษาและศึกษาเงื่อนไขการใช้สินเชื่อ OD ให้เข้าใจอย่างละเอียดทุกครั้งเพื่อการใช้งานที่เหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์ 

การคำนวณดอกเบี้ย OD 

การคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อ OD สามารถทำได้โดยใช้สูตรดังนี้:

ดอกเบี้ยสินเชื่อ OD = ยอดเงินที่ถอนเกิน x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ใช้เงินเกิน / 365

  • ยอดเงินที่ถอนเกิน คือ จำนวนเงินที่คุณถอนมากกว่ายอดเงินในบัญชีที่มีอยู่
  • อัตราดอกเบี้ยต่อปี คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนดให้สำหรับสินเชื่อ OD
  • จำนวนวันที่ใช้เงินเกิน คือ จำนวนวันที่คุณใช้เงินที่ถอนเกินในระบบสินเชื่อ OD

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อ OD

นาย A ถอนเกินเงินจากสินเชื่อ OD ที่มีอัตราดอกเบี้ย 12% ในเดือนมกราคม จำนวนเงินที่ถอนเกินคือ 10,000 บาท และมีใช้เงินเกินนี้ไปเป็นเวลา 15 วัน (เดือนมกราคมมี 31 วัน)

ดอกเบี้ยสินเชื่อ OD = 10,000 x 0.12 x (15 / 31) / 365

≈ 49.59 บาท

ดังนั้น ค่าดอกเบี้ยที่นาย A ต้องชำระคือประมาณ 49.59 บาท สำหรับการถอนเงินเกินจากสินเชื่อ OD ในเดือนมกราคม และใช้เงินเกินนี้ไปเป็นเวลา 15 วัน หากคุณใช้เงินเกินนี้เป็นเวลานานขึ้น จำนวนดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระจะเพิ่มขึ้นตามเวลาการใช้งานเกิน

** สรุปง่าย ๆ คือ ดอกเบี้ยจะคิดเฉพาะส่วนของเงินต้นส่วนที่เบิกออกมา เมื่อคุณนำเงินต้นใส่คืนเข้าไปธนาคารก็จะทำการหยุดดอกเบี้ย และวงเงินส่วนที่ยังไม่เบิกออกมาก็จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย

โปรแกรมคำนวณ ดอกเบี้ย OD

เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดโปรแกรมคำนวณเงินกู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าไปกดคำนวณได้เอง โดยกรอกเป้าหมายการกู้ จำนวนปีของการกู้ยืม จำนวนเงินที่ต้องการกู้ และอัตราเงินกู้ดอกเบี้ยต่อปี (%) เพียงเท่านี้คุณก็จะทราบแล้วว่าต้องผ่อนเดือนละเท่าไหร่ เพื่อเป็นการวางแผนการเงินล่วงหน้า

เงื่อนไขในการขอสินเชื่อ OD

เงื่อนไขการขอสินเชื่อ OD มีค่อนข้างเยอะและส่วนมากธนาคารจะไม่ค่อยปล่อยสินเชื่อนี้ให้ใครง่าย ๆ เนื่องจากเงินกู้ OD เป็นวงเงินที่ควบคุมยากและถูกใช้ผิดจุดประสงค์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • อายุตั้งแต่ 20-65 ปี
  • เป็นบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจหรือนิติบุคคลที่มีสัญชาติไทย
  • มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด
  • ไม่เป็นหนี้เสีย หรือ NPL กับสถาบันการเงินใด ๆ ณ ปัจจุบัน
  • ไม่เคยถูกฟ้องร้องและมีคำพิพากษาเป็นฝ่ายผิดเกี่ยวกับการเงิน ถูกอายัดทรัพย์ เป็นบุคคลล้มละลาย หรือถูกศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
  • ไม่มีประวัติค้างชำระเกิน 30 วัน ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
  • ไม่เคยมีประวัติปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินใด ๆ
  • มีสินทรัพย์มาค้ำประกัน เช่น ที่อยู่อาศัย, ที่ดินเปล่า, สถานประกอบการ, เครื่องจักร, บัญชีเงินฝากประจำ เป็นต้น
  • เงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด

เงื่อนไขและคุณสมบัติดังกล่าว ธนาคารมีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่หนีหนี้นั่งเอง 

เอกสารสำหรับขอสินเชื่อ OD

การขอสินเชื่อ OD ผู้กู้จำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้ชัดเจนและครบถ้วน สามารถแบ่งเป็น เอกสารแสดงตน เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารด้านหลักประกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  หมวดหมู่เอกสารสำหรับขอสินเชื่อ OD

  เอกสารที่ต้องเตรียมมาเพื่อขอสินเชื่อ OD

  เอกสารแสดงตน

สำหรับบุคลธรรมดา

- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล (ถ้ามี)
- สำเนาใบสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนการค้า


สำหรับนิติบุคคล

- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และ   
- สำเนาวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล ไม่เกิน 3 เดือน
- สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับของนิติบุคคล
- สำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้น (ไม่เกิน 3 เดือน)

  เอกสารแสดงรายได้

สำหรับบุคลธรรมดา

- สำเนารายการเดินบัญชี (Statement) จากสถาบันการเงิน ย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาเอกสารสิทธิ์หลักประกัน (เฉพาะสินเชื่อแบบมีหลักประกันเท่านั้น)


สำหรับนิติบุคคล

- สำเนางบการเงินย้อนหลัง ไม่น้อยกว่า 3 ปี
- สำเนา ภ.พ.30 ย้อนหลัง 6 เดือน

  เอกสารด้านหลักประกัน

สำเนาเอกสารสิทธิหลักประกัน

ขั้นตอนในการขอสินเชื่อ OD  

ขั้นตอนในการขอสินเชื่อ Overdraft (OD) อาจมีความแตกต่างไปตามนโยบายและข้อกำหนดของธนาคารที่คุณต้องการขอสินเชื่อ แต่โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนในการขอสินเชื่อ OD อาจประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้:

1. สอบถามข้อมูลและเงื่อนไข

ติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินที่คุณต้องการขอสินเชื่อ OD เพื่อขอสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขการขอสินเชื่อ OD รวมถึงรายละเอียดอัตราดอกเบี้ย วงเงินที่สามารถให้สินเชื่อ และระยะเวลาการใช้สินเชื่อ เพื่อให้คุณเข้าใจก่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ 

2. ตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติ

ธนาคารหรือสถาบันการเงินอาจต้องการเอกสารที่ยืนยันความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งอาจรวมถึงสลิปเงินเดือน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เป็นต้น และอาจต้องตรวจสอบคุณสมบัติทางการเงินของคุณ

3. กรอกแบบฟอร์มคำขอสินเชื่อ

กรอกแบบฟอร์มคำขอสินเชื่อตามที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนด และตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน

4. พิจารณาความสามารถในการขอสินเชื่อ

ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถในการขอสินเชื่อของคุณ ซึ่งอาจเป็นการตรวจสอบประวัติเครดิต รายได้ และความสามารถในการชำระหนี้

5. อนุมัติและกำหนดเงื่อนไข

เมื่อคำขอสินเชื่อ OD ของคุณได้รับการอนุมัติ ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะกำหนดวงเงินที่ให้สินเชื่อ และกำหนดเงื่อนไขการใช้สินเชื่อ เช่น อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการใช้สินเชื่อ

6. ใช้งานสินเชื่อ OD

เมื่อได้รับการอนุมัติและกำหนดเงื่อนไขแล้ว คุณสามารถใช้งานสินเชื่อ OD ตามที่ได้รับอนุมัติ โดยสามารถถอนเงินเกินจำนวนในบัญชีได้ตามวงเงินที่กำหนด และจะต้องชำระดอกเบี้ยตามที่กำหนด

ขั้นตอนการขอสินเชื่อ OD อาจมีความแตกต่างไปตามสถาบันการเงิน ควรติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินที่คุณต้องการขอสินเชื่อเพื่อขอข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการขอสินเชื่อ OD 

ค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อ OD 

ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ในการขอสินเชื่อ OD มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้

  1. ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ
  2. ค่าธรรมเนียมการจัดการให้กู้ 2-3% ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ
  3. ค่าประกันวงเงิน 5% ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ
  4. ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ เช่น ค่าอากรแสตมป์ เป็นต้น

หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจมีเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร 

ความแตกต่างระหว่าง LOAN และ OD 

การกู้ยืมหรือ LOAN มีความแตกต่างกับการขอสินเชื่อ OD ทั้งในรูปแบบการกู้ยืม อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  รายละเอียด

  Overdraft (OD)

  กู้ยืม (Loan)

คำอธิบาย

เป็นวิธีการขอสินเชื่อที่สามารถถอนเงินเกินในจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้

เป็นวิธีการขอสินเชื่อที่มีการให้เงินตามจำนวนที่กำหนดไว้

  การใช้งาน

  สามารถถอนเงินเกินจากบัญชีในกรณีที่มีธนาคารอนุมัติ OD

  ใช้เงินเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืม

  ระยะเวลาการกู้ยืม

  เป็นสัญญาที่ไม่มีระยะเวลาการกำหนด

  มักจะมีระยะเวลาการกู้ยืมที่กำหนดไว้ในสัญญา

  ดอกเบี้ย

  คิดดอกเบี้ยเฉพาะจำนวนเงินที่ถอนเกิน 

  คิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนด

การชำระเงิน

ชำระหนี้ควบคู่กับยอดคงเหลือในบัญชี

จ่ายตามแผนการชำระเงินที่กำหนด

เงื่อนไขและวิธีการในการขอ OD หรือกู้ยืมอาจแตกต่างกันไปที่แต่ละธนาคาร อย่างไรก็ตาม ควรติดต่อธนาคารที่คุณสนใจเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดที่เป็นทางการ

ความแตกต่างระหว่าง ตั๋ว PN และ OD  

  รายละเอียด

  ตั๋ว PN (Promissory Note)

  OD (Overdraft)

ลักษณะสินทรัพย์

  เอกสารหนังสือที่ผู้กู้มีหนี้ต่อผู้ให้สินเชื่อและต้องชำระเงินให้กับผู้ให้สินเชื่อในวันที่กำหนด

  เป็นวิธีการขอสินเชื่อที่สามารถถอนเงินเกินในจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้

  การใช้งาน

  สามารถใช้เพื่อกู้ยืมเงินสำหรับความต้องการทางการเงินที่กำหนดไว้ในสัญญา

สามารถถอนเงินเกินจากบัญชีในกรณีที่มีธนาคารอนุมัติ OD

  ระยะเวลาการกู้ยืม

  มักจะมีระยะเวลากำหนดในการชำระหนี้ที่กำหนดไว้ในตั๋ว PN

  เป็นสัญญาที่ไม่มีระยะเวลาการกำหนด

  ดอกเบี้ย

  คิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนด

คิดดอกเบี้ยเฉพาะจำนวนเงินที่ถอนเกิน

การชำระเงิน

ต้องชำระหนี้ตามวันที่กำหนดในตั๋ว PN

ชำระหนี้ควบคู่กับยอดคงเหลือในบัญชี

ขอสินเชื่อ OD ธนาคารไหนดี? 

ในการขอสินเชื่อ ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่ได้รับความนิยม เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรี ซึ่งแต่ละธนาคารมีเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  รายละเอียด

 ธ. กสิกร

ธ. กรุงศรี 

ธ. กรุงไทย 

  วงเงินสินเชื่อ 

  วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท

  วงเงินตั้งแต่ 2 แสน - 15 ล้านบาท

  วงเงินสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท

  กี่วันอนุมัติ

  แจ้งผลในวันถัดไป

  แจ้งผลในวันถัดไป

  แจ้งผลในวันถัดไป

  อัตราดอกเบี้ย

  คงที่สูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี

ขึ้นอยู่กับประเภทหลักประกัน

ขึ้นอยู่กับประเภทหลักประกัน

  ระยะเวลาผ่อนชำระ

  พิจารณาต่ออายุวงเงินปีต่อปี

  พิจารณาต่ออายุวงเงินปีต่อปี

  พิจารณาต่ออายุวงเงินปีต่อปี

เหล่านี้คือข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ OD อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าทุกคนเข้าใจมากขึ้นแล้วว่ามันคืออะไร มีหลักการและเงื่อนไขอย่างไร ดังนั้นก่อนกู้เงินทุกครั้งโปรดศึกษารายละเอียดให้แน่ชัดก่อนการตัดสินใจ อีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับการกู้เงิน แนะนำให้มาขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับ แรบบิท แคร์ อนุมัติไว ปลอดภัย ได้เงินเร็ว มีหลายสถาบันทางการเงินให้คุณเลือก เช่น ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารทีทีบี ธนาคารกรุงศรี เป็นต้น หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อเข้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สนใจโทรเลย1438


 

บทความแคร์การลงทุน

Rabbit Care Blog Image 97452

แคร์การลงทุน

ดัชนี S&P500 คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจสำหรับเหล่านักลงทุน

นอกเหนือจากเรื่องของหุ้นดาวโจนส์แล้ว หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า S&P500 และถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นหลักในการลงทุนกับตลาดหลักกันมาบ้าง
คะน้าใบเขียว
19/11/2024
Rabbit Care Blog Image 97364

แคร์การลงทุน

รู้จักกับ ดัชนี Dow Jones ทำไมนักลงทุนต้องจับตามอง?

สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ หรือเริ่มมีความสนใจด้านการลงทุนเกี่ยวกับเรื่องหุ้น โดยเฉพาะการเทรดหุ้นในต่างประเทศ อาจจะเคยได้ยินมาว่า dow jones หรือ
คะน้าใบเขียว
18/11/2024
Rabbit Care Blog Image 96036

แคร์การลงทุน

รวมวิธีที่จะเพิ่มโอกาสในการหลุดพ้นจากการ ‘ติดดอย’ ได้มากยิ่งขึ้น!

‘ติดดอย’ คำที่เหล่านักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก่าต่างก็ต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากจะเผชิญ
คะน้าใบเขียว
24/09/2024