7 หุ้นนางฟ้า มีอะไรบ้าง? เปิดลิสต์หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่ควรรู้



หุ้น 7 นางฟ้า ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อหรือโชคลางใด ๆ ในวงการตลาดหุ้น แต่เป็นชื่อเรียกที่นักลงทุนใช้กันมาอย่างยาวนานเพื่ออ้างถึง หุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ 7 ตัวของโลก ที่มีผลงานโดดเด่น เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถือเป็นพอร์ตที่ใครต่างเลือกลงทุน เป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วโลก แม้ตลาดจะผันผวนเพียงใดก็ตาม
แล้วทุกวันนี้ หุ้น 7 นางฟ้า คือ หุ้นอะไรบ้าง? ทำไมถึงยังน่าสนใจลงทุนอยู่? ถ้าคุณมองหาหุ้นเติบโตระยะยาว หุ้นเทคฯ ที่มีอนาคตไกล และอยากเข้าใจว่าทำไม “7 หุ้นนางฟ้า” ยังคงน่าลงทุนในปี 2025 มาลองหาคำตอบกันในบทความนี้กันดีกว่า
หุ้น 7 นางฟ้า คืออะไร ? มีอะไรบ้าง?
เดิมทีแนวคิดของ หุ้น7นางฟ้า ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย Michael Hartnett นักกลยุทธ์จาก Bank of America เพื่ออ้างถึง 7 หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดหุ้น S&P 500 ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่านี่คือเหล่าบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นที่ต้องการทั่วโลก และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวนั่นเอง
โดยรายชื่อของ หุ้น 7 นางฟ้า ไทย ที่นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงได้ พร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจ จะมีดังนี้
หุ้น Apple (AAPL)
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ ด้วยระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง และบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Apple Music, iCloud และ App Store ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง Apple ยังคงเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจในระยะยาว
หุ้น Microsoft (MSFT)
จากยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์สู่ผู้นำด้าน Cloud Computing ด้วยแพลตฟอร์ม Azure ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมไปถึโปรแกรมพื้นฐานหลัก ๆ ที่ใคร ๆ ก็ต้องเลือกใช้งานอย่าง Office 365, LinkedIn และ Xbox Microsoft ทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่า ทางบริษัทฯจะยังคงปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างไม่หยุดยั้ง
หุ้น Amazon (AMZN)
ไม่ใช่แค่ยักษ์ใหญ่แห่งอีคอมเมิร์ซ แต่ Amazon Web Services (AWS) คือผู้นำในตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งที่สร้างรายได้มหาศาล นอกจากนี้ การขยายธุรกิจสู่ภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งโฆษณา การแพทย์ และ AI ทำให้ หุ้น Amazon ยังคงเป็นที่น่าจับตา
หุ้น Google (Alphabet – GOOGL, GOOG)
Alphabet บริษัทแม่ของ Google ยังคงครองตลาด Search Engine, YouTube และ Android ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งการลงทุนในเทคโนโลยี AI และ Self-driving car (Waymo) ถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และยังเติบโตได้อีกด้วย
หุ้น NVIDIA (NVDA)
หุ้น NVDA คือหัวใจสำคัญของยุค AI ด้วยตำแหน่งผู้นำด้านการผลิตชิปประมวลผลกราฟิกที่จำเป็นต่อการพัฒนา AI, Machine Learning และ Metaverse รวมไปถึงลความต้องการชิปของ NVIDIA ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้เป็นหุ้นที่ร้อนแรงและน่าจับตาไม่น้อยหน้าหุน้ตัวอื่นเลย
หุ้น Tesla (TSLA)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หุ้น Tesla คือผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว Tesla ยังลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์และระบบจัดเก็บพลังงาน การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและวิสัยทัศน์ของ Elon Musk ทำให้ Tesla ยังคงเป็นหุ้นที่มีผลกระทบสูงต่อตลาด
หุ้น Meta Platforms (Facebook – META)
แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่ Meta (ชื่อเดิมคือ หุ้น Facebook) ยังคงเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ Facebook, Instagram และ WhatsApp จะเห็นได้ว่าการลงทุนมหาศาลใน Metaverse และเทคโนโลยี AI ทำให้เป็นหุ้นที่ยังเติบโตได้ต่อในระยะยาว
ทำไมหุ้น 7 นางฟ้า ยังคงเป็นที่น่าสนใจ?
- ยังเป็นผู้นำเทคโนโลยีขับเคลื่อนโลก บริษัทเหล่านี้เป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงโลก ไม่ว่าจะเป็น AI, Cloud Computing, EV หรือ Metaverse
- มีขนาดและอำนาจทางการตลาด บริษัทของหุ้นเหล่านี้มีขนาดใหญ่ มีฐานลูกค้ามหาศาล มีฐานผู้ใช้ระดับพันล้าน และมีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถลงทุนในการวิจัยและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
- กระแสการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลยังสูง เพราะในปัจจุบัน การพึ่งพาเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันและภาคธุรกิจยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางบริษัทที่เป้นแบรนด์ดังด้านนี้ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตสูง
- มีความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง แม้บางช่วงราคาจะเหวี่ยง แต่พื้นฐานทางการเงินยังแข็งแกร่ง ยังมีแนวโน้มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรที่โดดเด่น
จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มนี้โดดเด่นด้วยนวัตกรรม, การเติบโตของธุรกิจ, สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และการครอบครองส่วนแบ่งตลาดที่สูง ทำให้เป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก และมีแนวโน้มการเติบโตของหุ้น 7 นางฟ้า ค่อนข้างสูง เหมาะกับพอร์ตการลงทุนระยะยาว
แล้ว หุ้น 7 นางฟ้า ไทย มี อะไร บ้าง ?
สำหรับ หุ้น 7 นางฟ้า ของตลาดหุ้นไทยนั้น ไม่ได้มีกลุ่มหุ้นที่ถูกนิยามตายตัวและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างเหมือนกับ Magnificent Seven ของสหรัฐฯ ที่เป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก แต่ถ้าเปรยบเทียบกับหุ้นในไทยแล้ว ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทยที่มีผลประกอบการโดดเด่น มีอิทธิพลต่อดัชนี และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
โดย หุ้น 7 นางฟ้า ไทย ของตลาดหุ้นไทย โดยนักกลยุทธ์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ในช่วงต้นปี 2025 ได้ระบุเอาไว้ว่า
- DELTA (บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)) เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่ม Power Supply และระบบทำความเย็นสำหรับ Data Centre ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตดีตามกระแส AI และ Data Center ทั่วโลก
- GULF (บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์) ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน ที่ขยายการลงทุนไปในธุรกิจ Data Center และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
- ADVANC (บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไทย ที่มีบทบาทสำคัญในโครงข่ายดิจิทัล
- INTUCH (บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์) บริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมและเทคโนโลยี รวมถึง ADVANC และ THCOM (ไทยคม) และมีบทบาทในการลงทุนในสตาร์ทอัพเทคโนโลยี
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่ง อย่าง SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์), KBANK (ธนาคารกสิกรไทย) และ BBL (ธนาคารกรุงเทพ) ธนาคารขนาดใหญ่เหล่านี้มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และมีการปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและบริการทางการเงินที่ตอบรับยุคสมัยใหม่ รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
จะเห็นได้ว่าการจัดกลุ่ม หุ้น 7 นางฟ้าไทย นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะตลาดและผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา และกลุ่มหุ้นเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่เน้นนวัตกรรมและ AI เหมือนกับฝั่งของสหรัฐฯ แต่เป็นกลุ่มบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และบางส่วนก็มีการปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตมากกว่า
อยากลงทุนกับ หุ้น 7 นางฟ้า ต้องระวังอะไร?
แม้ว่า หุ้น7นางฟ้า จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยม มีศักยภาพในการเติบโตมากแค่ไหน แต่การลงทุนทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยงเสมอ ราคาหุ้นอาจผันผวนได้ตามภาวะตลาดโลก ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การแข่งขัน และความเปลี่ยนแปลงของนโยบายต่าง ๆ นอกจากนี้ อย่าทุ่มเงินทั้งหมดไปที่หุ้นกลุ่มเดียว ควรกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในหุ้นต่าง ๆ และอย่าลงทุนตามกระแส ควรเข้าใจธุรกิจก่อนตัดสินใจเสมอ
ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทำความเข้าใจความเสี่ยง และพิจารณาการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้
อยากลองเริ่มต้นลงทุนกับหุ้น7นางฟ้า สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่เสมอไป เพียงแค่มองหาโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้ อย่าง Webull โบรกเกอร์ชั้นนำรายแรกของสหรัฐฯ ที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย และได้รับใบอนุญาตซื้อขายหลักทรัพย์ใน 15 ภูมิภาคทั่วโลกให้คุณสามารถซื้อขายเศษหุ้นผ่านแอป Webull ได้ตามที่ต้องการ เทรดได้ 24 ชั่วโมง สามารถทำการซื้อ-ขายหุ้นได้ทันที ไม่ต้องกลัวดีเลย์ระหว่างประเทศ คลิกเลย!
สรุป
หุ้น 7 นางฟ้า ที่นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงได้ จะมี
– หุ้น Apple (AAPL)
– หุ้น Microsoft (MSFT)
– หุ้น Amazon (AMZN)
– หุ้น Google (Alphabet – GOOGL, GOOG)
– หุ้น NVIDIA (NVDA)
– หุ้น Tesla (TSLA)
– หุ้น Meta Platforms (Facebook – META)
นี่คือหุ้นกลุ่มนี้โดดเด่นด้วยนวัตกรรม มีการเติบโตของธุรกิจ และการครองส่วนแบ่งตลาดที่สูง ทำให้เป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก เหมาะกับพอร์ตการลงทุนระยะยาวนั่นเอง

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct