คู่รัก LGBTQ+ ทำประกันให้กันได้ไหมนะ?
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย เมื่อการสมรสเท่าเทียมยังไม่ผ่านร่างกฎหมายครั้งล่าสุดในไทย ทำให้ความหวังของเหล่ากลุ่มคน LGBTQ+ ต้องเพิ่มระยะเวลาในการเฝ้ารอกันต่อไปอีก แน่นอนว่าไม่ใช่กับทุกคู่ที่รอได้ด้วยวัยอายุ และเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แบบนี้ถ้าต้องทำประกันชีวิตให้คู่ชีวิตของตนไปก่อนจะสามารถทำได้ไหมนะ? วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาไปหาคำตอบกัน
ทำความเข้าใจเบื้องต้น พ.ร.บ. คู่ชีวิต ยังไม่เท่ากับ สมรสเท่าเทียม
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า พ.ร.บ.คู่ชีวิต ณ ปัจจุบันยังเป็นแค่การอนุมัติร่าง พ.ร.บ. เท่านั้น ยังไม่ได้ประกาศใช้จริง แต่เบื้องต้นจะส่งผลต่อการทำธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ 3 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
- การกู้ร่วม การจดทะเบียนคู่ชีวิตจะทำให้การกู้ร่วมของคู่รักเพศเดียวกันเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยธนาคารจะให้ความเชื่อถือกับคู่ที่มีการจดทะเบียนคู่ชีวิต เหมือนกับการนำเอกสารทะเบียนสมรสมายืนยันนั่นเอง แม้จะยังไม่ประกาศใช้จริง แต่ในหลายสถาบันการเงินเองก็ได้เริ่มอนุมัติให้กู้ร่วมได้แล้ว ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป
- สินส่วนตัวและสินสมรส จะมีการแยกทรัพย์สินว่าเป็นของที่ได้มาก่อนจดทะเบียน หรือหลังจดทะเบียนเช่นเดียวกับคู่แต่งงานชายหญิง
- สามารถจัดการมรดกได้ สำหรับคู่รักเพศเดียวกันหากมีการจดทะเบียนคู่ชีวิตก็จะมีสิทธิในการจัดการมรดก เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิงที่มีการจัดการมรดกตามลำดับขั้นของทายาท
แต่ทั้งนี้ พ.ร.บ. คู่ชีวิตเองก็ยังมีช่องโหว่งอยู่หลายประการ ที่ทำให้ยังไม่เท่าเทียมกับการสมรสของคู่รักชายหญิง ดังนี้
- ยังไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องการรักษาพยาบาลของคู่รัก เช่น หากเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเป็นคู่สมรสจะสามารถเซ็นเอกสารด้านการรักษาต่าง ๆ ได้ทันที แต่คู่ชีวิตจะไม่สามารถตัดสินใจแทนได้
- คู่ชีวิตไม่สามารถรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูได้ตามกฎหมาย ซึ่งคู่สมรสทำได้
- ไม่สามารถรับสวัสดิการจากรัฐของอีกฝ่ายได้ เช่น คู่สมรสจะได้รับสิทธิ์รักษาพยาบาลในกรณีที่มีผู้ทำอาชีพราชการ แต่ถ้าเป็นคู่ชีวิตจะไม่ได้สิทธิ์นี้
- คู่ชีวิตยังไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับอีกฝ่ายเหมือนคู่สมรส
- คู่ชีวิตไม่มีสิทธิ์เข้าถึงการลดหย่อนภาษีของอีกฝ่าย ซึ่งแตกต่างจากคู่สมรสที่สามารถนำมาช่วยลดหย่อนภาษีรายปีได้
นี่เองที่ทำให้คู่รัก LGBTQ+ ยังต้องการกฎหมายสมรสเท่าเทียมอยู่ และเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการร่างต่าง ๆ หลาย ๆ คู่เองก็อาจรอไม่ได้ เพราะเหตุไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การเลือกทำประกันชีวิตที่รองรับคู่รัก LGBTQ+ เบื้องต้นไปก่อน จึงเป็นทางเลือกที่พอจะดำเนินการได้ในช่วงนี้!
ตอนนี้เราสามารถทำประกัน LGBTQ+ ได้เลยไหม?
แม้จะมี พ.ร.บ.คู่ชีวิตเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนร่าง และการแก้ไข ทำให้ตอนนี้ยังถือว่าไม่มีกฎหมายที่รองรับชัดเจนอยู่ และนี่เองที่ทำให้หลายคนอาจจะกังวลไม่มากก็น้อยว่า ผลประโยชน์ที่ทำกับประกันชีวิตนั้นจะตกไปถึงคู่ชีวิตจริง ๆ ?
ทั้งนี้เราต้องบอกก่อนว่า ประกันชีวิตถูกแยกออกจากมรดกต่าง ๆ โดยสิ้นเชิง ทำให้ผู้ทำประกันสามารถใช้ชื่อของผู้อื่นเพื่อมอบผลประโยชน์ให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องผูกพันกันตามสายเลือดแต่อย่างใด
แน่นอนว่า ในกรณีที่เป็นคู่รัก LGBTQ+ เอง บริษัทประกันฯหลายแห่งจะใช้ “หลักเจตนารมณ์” ของผู้ทำประกันภัยเป็นหลัก สามารถระบุใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ก็ได้ เพราะนับว่าให้โดยเสน่หา และครอบครัวฝั่งผู้ทำประกันจะไม่สามารถแย้งเจตนารมณ์ของผู้ทำประกันได้
หากอธิบายแบบง่าย ๆ คือ แม้จะมีญาติพี่น้องของเราที่ไม่ยอมรับใน LGBTQ+ และต้องการแย้งเรื่องเงินที่ได้จากประกันชีวิตของเราหลังจากเสียชีวิตก็ไม่สามารถทำได้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขและมีเอกสารครบถ้วน เบื้องต้น ดังนี้
- ผู้ทำประกัน และผู้รับผลประโยชน์ ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์
- ต้องอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างน้อย 2 ปี
- ต้องมีทะเบียนบ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกัน
- ต้องมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน หรือสัญญาซื้อหรือเช่าร่วมกัน
- รูปงานแต่ง (ถ้ามี)
- มีการเปิดบัญชีร่วมกัน
- ทะเบียนสมรสในประเทศที่รับรอง (ถ้ามี)
และเอกสารอื่น ๆ ตามเงื่อนไขแต่ละบริษัทประกันฯเรียกพิจารณา ทั้งนี้หากมีวงเงินประกันที่สูง ทางบริษัทประกันฯอาจใช้เวลาตรวจสอบนานไปด้วย แต่หากมีเอกสารครบถ้วนก็ไม่ต้องห่วง คู่ชีวิตของคุณได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน!
แล้วถ้าประกันอื่น ๆ เราจะทำให้คู่ชีวิตเราได้ไหมนะ?
ทุกวันนี้ก็มีประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือแม้แต่ประกันออมทรัพย์ สำหรับคู่รักเพศเดียวกันหลายเจ้า เบื้องต้นแล้วสามารถซื้อและทำประกันให้กันได้เช่นเดียวกับประกันชีวิต แต่จะมีเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้ เราควรเช็กให้ดีก่อนการทำประกันสุขภาพให้กับคู่ชีวิตของเราเสมอว่า ผู้รับผลประโยชน์ สามารถเป็นคู่ชีวิตของเราได้ไหม และถ้าได้ต้องมีเอกสาร หรือเอกสารอะไรเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่า เป็นคู่ชีวิตหรือไม่ ในกรณีที่ พ.ร.บ.คู่ชีวิตยังอยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ ? ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของคู่ชีวิตเรานั่นเอง
แล้วในกรณีที่อยากจะซื้อบ้าน กู้สินเชื่อ สามารถทำได้ไหม?
ในกรณีที่คู่ชีวิต LGBTQ+ ตั้งใจจะซื้อบ้าน ซื้อคอนโด หรือกู้สินเชื่อต่างๆ ร่วมกันนั้นสามารถทำได้ เพียงแต่ต้อง ตรวจสอบรายชื่อธนาคารที่ให้กู้สินเชื่อบ้านสำหรับคู่รัก LGBTQ+ และควรเช็กเงื่อนไขต่าง ๆ ในการกู้สินเชื่อโดยละเอียด เพราะถ้าเป็นสินเชื่อทั่วไปที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ คู่รัก LGBTQ+ หลายคู่อาจติดเรื่องของหลักฐานแสดงความเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย ทำให้กู้ร่วมได้ยากขึ้น หรืออาจถูกปฎิเสธได้
สำหรับธนาคารที่เปิดให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมสินเชื่อต่าง ๆ ได้ ก็อาจมีเงื่อนไขพิเศษแตกต่างกันไป หรือบางแห่งก็อาจสงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าอสังหาริมทรัพย์บางโครงการเท่านั้น
ส่วนหลักฐานเอกสารต่าง ๆ สามารถยื่นเอกสารหรือหลักฐานอื่น ๆ ทดแทนการยื่นทะเบียนสมรสได้เหมือนกับการยื่นเอกสารในการทำประกันต่าง ๆ ให้ เช่น ทะเบียนบ้านที่อยู่ด้วยกัน, บัญชีเงินฝากที่เปิดร่วมกัน หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ขึ้นอยู่ทางสถาบันการเงินจะขอประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม เป็นต้น
นอกจากนี้ ควรระบุในใบสมัครกู้สินเชื่อให้ชัดเจนด้วยว่า ผู้กู้ร่วมมีความสัมพันธ์เป็น “คู่รัก” กับผู้กู้หลัก เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้ร่วม และเป็นการชี้แจ้งให้ทางสถาบันการเงินรับทราบด้วย
เพราะแรบบิท แคร์ เข้าใจถึงความแคร์ของคุณที่มีต่อคู่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นต่างเพศ หรือเพศเดียวกันก็ตาม ดังนั้นเราจึงพร้อมให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาให้ทุกการทำประกันให้คู่ชีวิตของคุณนั้นราบรื่นที่สุด คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct