ระวัง! เท้าบวม จุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรง
เคยเป็นบ้างไหม วันดีคืนดีตื่นมาเท้าบวม!? หลายคนอาจจะปล่อยผ่าน เพราะคิดว่าไม่นานก็หาย แต่รู้หรือไม่ อาการเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่บ่งบอกว่าร่างกายของคุณกำลังไม่สบาย! แล้วแบบนี้เท้าบวมเกิดขึ้นจากอะไรบ้าง? แบบไหนถึงเรียกว่าเท้าบวม เบาหวาน หรือเป็นโรคร้ายแรงมากกว่านั่น? เท้าบวม วิธีแก้ได้อย่างไรบ้าง? วันนี้เรามีคำตอบ!
แบบไหนถึงเรียกเท้าบวม?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า อาการแบบไหนที่เรียกว่า เท้าบวม กันนะ บอกได้เลยว่าสังเกตได้ไม่ยาก โดยหลัก ๆ จะมีอาการ ดังนี้
- มีอาการตึงที่เท้า ร่องรอยย่นของผิวหนังหายไป
- ในบางรายอาจใส่รองเท้าแล้วคับ หรือใส่กางเกงแล้วติดขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- ข้อเท้า หรือเท้าทั้งสองข้างขยายขนาดขึ้นจนเห็นได้ชัด
- เมื่อสัมผัสบริเวณเท้าอาจจะรู้สึกว่านิ่มผิดปกติ หากลองใช้นิ้วกดลงไปที่เท้าจะเกิดรอยบุ๋มที่เห็นได้ชัด และหากยกนิ้วออกบริเวณที่บุ๋มลงไปจะคืนสู่สภาพเดิมอย่างช้า ๆ ผิดปกติ
- เกิดรอยพับที่เห็นได้ชัดบนผิวหนังที่บวมเมื่อถอดรองเท้าหรือถุงเท้าออก
- สีผิวหนังของเท้าที่บวมอาจปกติ หรือซีดกว่าปกติ
เท้าบวมเกิดจากปัจจัยอะไรได้บ้าง?
ก่อนไปเช็กไปรู้จักเท้าบวมที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้าย หรือ เท้าบวม เบาหวาน มาทำความเข้าใจกันก่อนว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้เราเท้าบวมได้ สำหรับปัจจัยที่ทำให้เท้าบวม มีดังนี้
- เกิดจากนั่งหรือยืนทำงานนาน ๆ
ลองสังเกตดูว่าหน้าที่การงานในชีวิตประจำวันของคุณต้องยืนบ่อยมากน้อยแค่ไหน เพราะการยืนทำงานต่อเนื่องนาน ๆ รวมไปถึงการนั่งอยู่กับที่ โดยไม่ได้ขยับไปไหน อาจจะทำให้กล้ามเนื้อที่บริเวณน่องและข้อเท้าไม่ถูกใช้งาน เป็นสาเหตุให้เลือดและสารน้ำต่าง ๆ คั่งอยู่ที่ข้อเท้าและเท้า จนเกิดการบวมได้
- เกิดจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า
บางคนอาจจะไม่ทันสังเกตว่าเท้าของเราเกิดอาการบาดเจ็บ เช่น ข้อเท้าพลิก จนเกิดอาการอักเสบในเอ็นข้อเท้า ผิวหนัง และกล้ามเนื้อได้ โดยเท้าบวม วิธีแก้เบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยการใช้ผ้าขนหนูประคบเย็น ชั่วโมงละ 10 นาที โดยประมาณ หรือพันผ้าเพื่อลดการบวม พันจากปลายเท้ามาที่บริเวณน่อง ระวังอย่าพันแน่นเกินไป แต่หากสงสัยว่ากระดูกเท้าหักจนเกิดอาการบวม หรืออาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้รีบเข้าแพทย์โดยด่วน
- เกิดจากถุงน้ำตาตุ่มอักเสบ
การนั่งทับบริเวณตาตุ่มนอก เช่น นั่งพับเพียบนาน ๆ , นั่งขัดสมาธิ รวมไปถึงการใส่รองเท้าที่ขอบรองเท้าเคือง หรือเสียดสีบริเวณตาตุ่ม เช่น รองเท้าคัทชูที่ทรงไม่เหมาะกับเท้าเรา ก็อาจทำให้เกิดอาการข้อเท้าบวมบริเวณตาตุ่มจนดูเท้าบวมได้
- เกิดจากผลข้างเคียงจากยา
ยาบางตัวก็มีผลข้างเคียงทำให้บวมได้นะ แต่หากมีอาการบวมบ่อย ๆ แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์
- เกิดจากการตั้งครรภ์
เท้าบวมคือหนึ่งในอาการที่ผู้หญิงตั้งครรภ์พบได้บ่อย และจะเห็นได้ชัดในช่วงเย็นของวัน หรือช่วงที่ออกไปอยู่ข้างนอกท่ามกลางอากาศร้อน ๆ โดยเท้าบวม วิธีแก้ มีคำแนะนำว่าเป็นอาการที่ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรกับร่างกาย เพราะจะมีทั้งช่วงบวม และช่วงที่หายบวมไปเองโดยไม่ต้องทำอะไร แต่หากพบว่ามีอาการบวมทั้งมือและเท้ามากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา และตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง
- เกิดจากน้ำหนักมากเกินไป
หากคุณเป็นคนที่มีน้ำหนักมาก นี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เท้าบวมได้ เนื่องจากเท้าเป็นส่วนที่รับน้ำหนักของร่างกายทั้งหมดเอาไว้ตลอดทั้งวัน โดยทางการแพทย์ให้คำแนะนำไว้ว่าพยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เท้าจะหายบวมได้เอง
- เกิดจากฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลง
รู้หรือไม่ ช่วงทีช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงปั่นป่วน คือช่วงกำลังมีประจำเดือน นอกจากตัวบวมขึ้น หน้าอกใหญ่ขึ้น สิวขึ้น รวมไปถึงเท้าที่อาจบวมขึ้นได้เช่นกัน หากอยากลดเท้าบวม วิธีแก้ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น ลดการทานอาหารที่มีโซเดียมสูง และออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยลดอาการดั่งกล่าวได้
- เกิดจากการทานโซเดียมมากเกินไป
การทานอาหารที่มีโซเดียมมากจนเกินไป จะทำให้เกิดอาการเท้าบวมได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้หน้าบวมร่วมด้วย ซึ่งการทานอาหารมีโซเดียมสูง ไม่ได้มาจากอาหารแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังแฝงมาในรูปของขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มบางชนิด รวมไปถึงอาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ
ดังนั้น เท้าบวม วิธีแก้จากการทานโซเดียมมากเกินไป ทำได้ง่าย แค่หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ได้ก็จะช่วยลดอาการบวมของเท้าจากโซเดียมได้เช่นกัน
แต่หากตรวจสอบอาการต่าง ๆ ดั่งกล่าวแล้วไม่พบว่ามีข้อใดเข้าข่าย คุณอาจจะกำลังเป็นโรคร้ายแรงอยู่ก็ได้!
ทำไมเท้าบวมถึงถูกเรียกว่าสัญญาอันตรายจากโรคร้าย ?
อย่างที่เราได้กล่าวไป อาการเท้าบวมนั่นเกิดได้หลากหลายปัจจัย แต่บางครั้ง อาการเท้าบวมเองก็เป็นอาการที่ร่างกายกำลังประท้วงว่าคุณกำลังเปฺ็นโรคร้ายแรงที่คาดไม่ถึงอยู่ก็ได้! โดยโรคร้ายแรงที่ทำให้เกิดอาการเท้าบวม จะมีดังนี้
- โรคหัวใจ
พบอาการเท้าบวมได้ในภาวะหัวใจวายน้ำท่วมปอด ทำให้มีอาการขาบวมทั้งสองข้าง นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจะมีอาการ เหนื่อย นอนราบไม่ได้ ต้องใช้หมอนหลายใบร่วมด้วย
- โรคไต
หากไตไม่สามารถขับของเหลวที่ไม่ต้องการออกจากร่างกายได้ จึงทำให้ร่างกายบวมน้ำ และเป็นสาเหตุของอาการเท้าบวมได้ พบได้บ่อยในภาวะของไตวายเรื้อรังจะมีอาการน้ำเกิน นอกจากขาบวมทั้งสองข้างแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ปัสสาวะออกน้อย
ส่วนในภาวะไตอักเสบ หรือโปรตีนรั่วในปัสสาวะ จะพบว่าขาบวมทั้งสองข้างอาจพบความดันโลหิตสูง ปัสสาวะเป็นฟองร่วมด้วยได้ ถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการบวมของหนังตาบนทั้งสองข้างได้
- โรคตับ
เบื้องต้นแล้วสาเหตุของอาการเท้าบวมจากโรคตับนั้น ใกล้เคียงกับโรคที่เกีย่วข้องกับไต เกิดจากการที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงเข้าสู่ภาวะตับแข็ง ส่งผลให้ขาและเท้าบวมได้
- ภาวะบวมน้ำเหลือง
เมื่อระบบน้ำเหลืองมีอาการผิดปกติ ร่างกายอาจมีอาการเตือนด้วยอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่บวมขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือพบในผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในช่วงติดเชื้อได้
- โรคเส้นเลือดดำอุดตันที่ขา
เมื่อลิ่มเลือดอุดตันทำให้เลือดไหลเวียนได้ลำบาก จนอาจเกิดอาการบวมที่ขา และเท้าได้ อาจเกิดอาการขาบวมข้างใดข้างหนึ่ง มีทั้งแบบที่กดแล้วเจ็บ และกดแล้วไม่เจ็บ รวมไปถึงสีของขา และเท้าอาจเปลี่ยนแปลงเป็นสีที่เข้มขึ้น มักพบในคนไข้ที่ไม่ได้ขยับขา คนไข้หลังผ่าตัด คนไข้นอนติดเตียง หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิด
หากมีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา เนื่องจากลิ่มเลือดอาจหลุดไปอุดตันเส้นเลือดดำที่ปอด ส่งผลให้อันตรายถึงชีวิตได้
- โรคเท้าช้าง
เกิดจากยุงที่มีเชื้อพยาธิ Brugia Malayi และ Wuchereria Bancrofti ทำให้เชื้อพยาธิเข้าไปอาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของมนุษย์ส่งผลให้เกิดอาการบวมโตของอวัยวะ เช่น แขน ขา และอวัยวะสืบพันธุ์ได้
- โรคเบาหวาน
เท้าบวมและอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดการติดเชื้อของโรคเบาหวาน เนื่องจากการลุกลามของเชื้อไปยังบริเวณเส้นประสาทส่วนปลายช่วงเท้าทำให้เกิดแผล เท้าบวม เบาหวาน ไม่ควรปล่อยไว้นานโดยไม่รับการรักษา เพราะอาจเกิดอาการอักเสบรุนแรงขึ้นได้
จะเห็นได้ว่า อาการของโรคเท้าบวมนั้นสามารถบ่งบอกได้ว่า ร่างกายของเรากำลังป่วยได้หลากหลายโรค
ทั้งโรคที่ไม่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต และโรคร้ายแรงที่ถึงชีวิตได้ ดังนั้น จึงไม่ควรละเลยการสังเกตอาการป่วยต่าง ๆ ของตน และควรรีบพบแพทย์ทันที
แต่ไม่ว่าจะเจ็บป่วยแบบไหน แรบบิท แคร์ ก็พร้อมอยู่เคียงข้าง ด้วยประกันสุขภาพที่เราคัดสรรมาเป็นอย่างดี ให้คุณได้อุ่นใจเจ็บไข้ได้ป่วย เบิกเคลมได้สบายใจ นอกจากประกันสุขภาพทั่วไปแล้ว เรายังมี ประกันโรคร้ายแรง ที่พร้อมรับทุกความเสี่ยง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคยอดฮิตอย่างเบาหวาน ด้วยเบื้ยประกันที่คุณเอื้อมถึง คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct