ไฟไซเรนรถพยาบาล แต่ละสีบ่งบอกอะไร หากไม่หลีกผิดกฎหมายหรือไม่ มีบทลงโทษอย่างไร ?
‘รถพยาบาล’ ยานพาหนะที่เราสามารถพบเจอได้เป็นประจำบนท้องถนนเมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายหรือสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นนั้นความจริงแล้วมีความสำคัญมากแค่ไหน สีไฟ ไซเรนรถพยาบาลแต่ละสีเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไร หากเราไม่หลบทางให้จะมีความร้ายแรงขนาดไหน ส่งผลอะไร และจะมีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ จะต้องได้รับโทษอย่างไร มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันกับ แรบบิท แคร์
ความสำคัญของรถพยาบาล รถฉุกเฉิน
รถพยาบาลหรือที่บางคนอาจเรียกว่ารถฉุกเฉินนั้นเป็นหนึ่งในระบบทางสาธารณสุขซึ่งมีการติดตั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะโดดเด่นด้านการเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วรวมถึงส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงทีเพราะจะมีการใช้ระบบไฟไซเรนในการเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ
อีกทั้งยังมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยติดตั้งอยู่ภายใน เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต อุปกรณ์ช่วยหายใจ รวมถึงเครื่องมือในการกู้ชีพพื้นฐานที่จำเป็นที่สามารถให้การรักษาเบื้องต้นและสามารถดูแลกู้ชีพให้กับผู้ป่วยได้ในทันทีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รถพยาบาลเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญในการรักษาชีวิตของผู้ป่วยยามเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นในด้านสุขภาพหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาบนท้องถนนนั่นเอง
ไฟไซเรนรถพยาบาล แต่ละสี บอกอะไร ?
อย่างที่ทราบกันว่าเมื่อรถพยาบาลออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินนั้นจะมีการเปิดไฟไซเรน และเสียงสัญญาณไซเรนเพื่อขอทางจากผู้ที่กำลังเดินทางบนท้องถนน โดนตามระเบียบการการใช้ไฟสัญญาณไฟไซเรนและเสียงสัญญาณไซเรนในการปฏิบัติการฉุกเฉินนั้นจะมีการเลือกใช้สีไฟตามความร้ายแรงและความเร่งด่วนของสถานการณ์ผู้ป่วยในรถ โดยที่กำหนดไว้หลัก ๆ จะมีดังนี้
- ไฟสีแดง – ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (เปิดเสียงไซเรน)
- ไฟสีเหลือง – ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (เปิดเสียงไซเรน)
- ไฟสีเขียว – ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (ไม่เปิดเสียงไซเรน)
- ไม่เปิดไฟ/สีขาว – ออกปฏิบัติการต่อผู้ป่วยภาวะปกติ (ไม่เปิดไฟและเสียงไซเรน)
เสียงไซเรนรถพยาบาล บอกอะไร ?
สำหรับรายละเอียดในด้านของเสียงรถพยาบาลแล้ว อย่างที่ได้กล่าวถึงไปในหัวข้อก่อนหน้าว่าจะมีการเปิดเสียงไซเรนเฉพาะในกรณีที่ ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ไฟสีแดง) และ ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (ไฟสีเหลือง) เท่านั้น โดยจะเป็นลักษณะเสียง ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ~ ที่เราต่างก็คุ้นหูกันดี แต่สำหรับเสียงหวอยาวที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างนั้น จะเปิดใช้ในกรณีที่จำเป็นจะต้องวิ่งสวนเลนหรือฝ่าไฟแดงเพราะฉะนั้นใครที่ได้ยินเสียงหวอแบบนี้ ต้องระมัดระวังให้ดี รีบหลบทางให้ไว
รถพยาบาลจำเป็นต้องทำตามกฎจราจรหรือไม่ ?
อาจมีบางคนสงสัยว่ารถพยาบาลจำเป็นต้องทำตามกฎหมายจราจรหรือไม่ ตามความเป็นจริงแล้วรถทุกคันบนท้องถนนจะต้องอยู่ภายใต้กฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพียงแต่จะมีกรณียกเว้นที่ถือเป็นเหตุฉุกเฉินร้ายแรงซึ่งอนุญาตให้รถพยาบาลสามารถวิ่งฝ่าไฟแดง วิ่งสวนเลน ขับเกินความเร็วกำหนด จอดในที่ห้ามจอดได้ ฯลฯ และผู้ร่วมใช้ท้องถนนท่านอื่น ๆ ต้องหลบทางให้ในกรณี ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ไฟสีแดง) และ ออกปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (ไฟสีเหลือง) ส่วนในกรณีที่ออกปฏิบัติการกับผู้ป่วยภาวะปกติก็จะต้องปฏิบัติตามกฎจราจรตามเดิม
ผลกระทบต่อชีวิตหากไม่หลีกทางให้รถพยาบาล
- ผู้ป่วยบนอาจไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- มีความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตเพิ่มมากยิ่งขึ้น
- มีความเสี่ยงในการพิการ เนื่องจากเข้ารับการรักษาไม่ทัน
- อาจเกิดความเสียหายต่อชีวิตหรือเครื่องมือภายในรถพยาบาลหากจำเป็นต้องหักหลบรถที่ขวางทางฉุกเฉิน
หาไม่ให้ทางรถพยาบาล ผิดกฎหมายหรือไม่ มีบทลงโทษอย่างไร ?
ตามกฎหมายมาตรา 76 นั้น เมื่อพบเห็นรถพยาบาลซึ่งเป็นรถฉุกเฉินนั้นผู้เดินเท้าจะต้องเดินชิดขอบทางหรือไหล่ทางที่ใกล้ที่สุด และผู้ขับขี่จะต้องหยุดรถหรือจอดรถชิดทางซ้าย แต่จะห้ามหยุดหรือจอดบริเวณทางแยก กล่าวคือหารถคุณอยู่บริเวณทางแยกแล้วมีรถพยาบาลขับตามหลังมาให้รีบขับไปให้พ้นทางแยกและเปิดไฟเลี้ยวเข้าชิดซ้ายหลบทางให้รถพยาบาลได้ไปก่อนนั่นเอง
และสำหรับผู้ที่ไม่หลบหรือให้ทางรถพยาบาลหรือรถฉุกเฉินนั้น จะมีโทษตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
และกรณีไม่หลบรถฉุกเฉินจนเป็นเหตุให้ผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วย ที่อยู่ในรถต้องเสียชีวิต อาจจะมีความผิดฐานกระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นโทษที่ร้ายแรงมากนั่นเอง
เบอร์รถพยาบาล เบอร์ฉุกเฉิน พร้อมสิ่งที่ต้องทำเพื่อแจ้งเหตุ
เมื่อเกิดเหตุเจ็บป่วย มีอุบัติเหตุ และมีผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น หนทางการแจ้งเหตุและเรียกรถพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากที่สุดนั้นอาจต้องประเมินจากว่าแถวนั้นมีโรงพยาบาลใกล้เคียงหรือไม่ หากมีโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ในพื้นที่ก็สามารถโทรติดต่อโรงพยาบาลพร้อมแจ้งสถานการณ์ให้รถพยาบาลมารับได้ แต่ในกรณีที่ไม่มีโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ไม่รู้ว่ามีโรงพยาบาลใกล้เคียงไหม และไม่สามารถรีบเคลื่อนที่คนเจ็บไปด้วยตนเองได้ อีกทางออกคือ การโทรเบอร์ 1669 ซึ่งเป็นเบอร์ฉุกเฉินที่ใช้ในการแจ้งเหตุและจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยประเมินอาหารและประสานงานให้ความช่วยเหลือต่อให้ ซึ่งขั้นตอนการแจ้งเหตุจะมี ดังนี้
- ตั้งสติกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าและโทร 1669
- ให้ข้อมูลสถานการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย
- แจ้งสถานที่เกิดเหตุ พิกัด เส้นทางที่ชัดเจน
- แจ้งเพศ อายุ จำนวน อาการของผู้บาดเจ็บ
- บอกระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วย
- บอกความเสี่ยงในการเกิดเหตุซ้ำ เช่น อยู่กลางถนน มีน้ำมันรั่วจากรถ
- แจ้งชื่อผู้แจ้งเหตุและเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกลับ
- ทำการช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้นตามคำแนะำของเจ้าหน้าที่
- รอความช่วยเหลือหรือทีมกู้ชีพมาช่วย
เรียกรถพยาบาล เบิกประกันอุบัติเหตุได้หรือไม่
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าหากโทรเรียกรถพยาบาลด้วยตนเองกรณีเกิดอุบัติเหตุจะสามารถเบิกประกันอุบัติเหตุได้ไหม โดยส่วนมากแล้วจะสามารถเบิกได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ทางผู้เอากรมธรรม์ซื้อเอาไว้ ดังนั้นหากอยากทำประกันอุบัติเหตุลองปรึกษา แรบบิท แคร์ ได้ ดูแลให้ครอบคลุมอุ่นใจ อยากได้แบบไหนสามารถเลือกที่ตรงใจได้เลย
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับกฏหมายจราจร
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น