
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
การคุมกำเนิดเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนครอบครัว ในปัจจุบันมีหลายวิธี เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดมากขึ้น วิธีพื้นฐานอย่างการกินยาคุมกำเนิด ก็ยังคงเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูง
แต่ก็ยังมีหลาย ๆ คน ที่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดมากพอ รวมไปถึงยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ที่ต้องใช้ให้ถูกวิธี และต้องเตรียมรับมือกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หากตัวคุณเองหรือคู่ของคุณ เป็นอีกคนที่ใช้ยาคุมกำเนิด แน่ใจแล้วหรือยังว่าใช้ยาคุมกำเนิดได้อย่างถูกวิธี วันนี้ Rabbit Care จะพาคุณมารู้ไปพร้อม ๆ กัน
ยาคุมกำเนิดมีหลายแบบ โดยจะมีส่วนประกอบและวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้ยามากที่สุด โดยเราได้หยิบยกเอายาคุมกำเนิดที่คนส่วนมากใช้กัน มาเล่าให้ฟัง ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด สามารถแบ่งได้อีกเป็น 2 แบบ คือแบบฮอร์โมนเดี่ยว (โปรเจสเตอโรน) และแบบฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) การทำงานของมันก็คือฮอร์โมนนี้จะเข้าไปทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จนตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมกันของไข่และอสุจิไม่สามารถฝังตัวและเติบโตได้ และฮอร์โมนนี้จะทำให้เมือกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวข้นจนอสุจิไม่สามารถเข้ามาผสมกับไข่จนเกิดการปฏิสนธิได้
และยังสามารถแบ่งตามจำนวนเม็ดได้อีก คือแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ด โดยทั้ง 2 แบบนี้จะมีตัวยาเท่ากัน แต่แบบ 21 เม็ดจะมีวิธีกินคือกินเม็ดแรกแล้วเว้นไป 7 วัน จึงมาเริ่มกินใหม่ ส่วนแบบ 28 เม็ดคืออีก 7 เม็ดที่เพิ่มเข้ามาเปนเม็ดแป้ง สำหรับกินแทนการนับวัน เหมาะกับคนที่กลัวนับวันพลาด
เป็นยาที่ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น อย่างเช่นการผิดพลาดจากการคุมกำเนิดอื่น ๆ เช่นการลืมกินยาคุมกำเนิดเกิน 3 วัน, ถุงยางอนามัยรั่ว-แตกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอม (ถูกข่มขืน)
ในยาคุมแบบฉุกเฉิน 1 แผง จะได้รับยา 2 เม็ด โดยผู้ใช้ยาต้องรีบกินยาให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยจะเลือกกินพร้อมกัน 2 เม็ด หรือกินห่างกัน 12 ชั่วโมงก็ได้
เนื่องจากเป็นยาที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จึงมีส่วนประกอบที่ค่อนข้างแรง ไม่แนะนำให้กินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อย ๆ เพราะอาจส่งผลเสียต่อมดลูกในระยะยาว และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายอื่น ๆ อีกด้วย จึงเป็นยาที่ใช้ต่อเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นการคุมกำเนิดชั่วคราวด้วยวิธีการฝังหลอดบรรจุยาคุมกำเนิดลงไปใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขน โดยการใช้ยาคุมกำเนิดในรูปแบบนี้ จะสามารถช่วยคุมได้เป็นเวลา 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดของตัวยาที่ถูกฝัง ยาคุมกำเนิดแบบฝังจะมาในรูปแบบหลอดพลาสติกขนาดเล็กไม่เกิน 5 เซนติเมตร ภายในประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin)
โดยการทำงานของมันคือ เมื่อหลอดยาคุมกำเนิดถูกฝังลงใต้ผิวเรียบร้อยแล้ว ตัวฮอร์โมนดังกล่าวจะถูกปล่อยออกมาจากหลอดและเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ฟองไข่ไม่มีการพัฒนาและไม่มีการตกไข่ เมื่อไม่มีไข่ที่พร้อมปฏิสนธิกับอสุจิ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์
เพราะยาคุมกำเนิดแตกต่างจากยารักษาโรคทั่ว ๆ ไป จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งผลข้างเคียงที่พบได้จากการใช้ยาคุมกำเนิด มักจะมีอาการดังต่อไปนี้
เพราะโลกสมัยนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว ทั้งสังคมที่ไม่น่าอยู่ขึ้นทุกวัน บวกกับปัญหาสิ่งแวดล้อม อากาศแปรปรวนและเกิดภัยธรรมชาติบ่อยขึ้น พบมลพิษปนเปื้อนในอาหารและอากาศ เรียกได้ว่าโลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน การที่คนเราจะให้กำเนิดบุตรสักคนขึ้นมาท่ามกลางสภาพแบบนี้ ต้องมีความพร้อมมากพอสมควร แต่ถ้ายังไม่พร้อม ก็คุมกำเนิดเอาไว้ก่อนจะดีกว่านะ ทั้งนี้ การใช้ยาคุมกำเนิดประเภทต่าง ๆ ก็ควรอยู่บนพื้นฐานของความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อความสุขภาพปลอดภัยของผู้ใช้ยา
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทความแคร์สุขภาพ
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?