เคาะ! พ.ร.บ.คุมเข้ม ธนาคารโขกดอกเบี้ยสินเชื่อ 5 ประเภทสูงเกิน
- ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน จะมีการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงินรวม 5 ประเภท
- รูปแบบการกำกับดูแลดอกเบี้ยของสถาบันการเงินก็ต่างกันออกไป พิโกไฟแนนซ์จะคุมที่ 36% สินเชื่อทะเบียนรถจะคุมที่ 28%
ในเรื่องของปัญหาการเงิน บ่อยครั้งที่คุณอาจจะต้องพึ่งพา สถาบันการเงิน เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่าย แต่แน่นอนว่าก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับสถาบันการเงินนั้นๆด้วยเช่นกัน เพราะของฟรี ไม่มีในโลก
โดยอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินก็อาจจะไม่เท่ากัน แต่เมื่อเรามีปัญหาการเงิน หาทางออกไม่ได้ ต่อให้ดอกเบี้ยสูงก็จำเป็นต้องยอมขอกู้ ด้วยเหตุนี้เองคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. .การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ควบคุมดอกเบี้ยสินเชื่อ 5 ประเภท เพื่อประโยชน์ของผู้ขอสินเชื่อ แต่ต้องเสียดอกเบี้ยในราคาที่สูงเกินไป
คุมเข้ม! ธนาคารโขกดอกเบี้ยสินเชื่อ 5 ประเภท
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน จะมีการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงินรวม 5 ประเภท แบ่งเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. ผู้ให้บริการทางการเงินประเภทให้สินเชื่อ 2 กลุ่ม ได้แก่
- สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (พิโกไฟแนนซ์)
- สินเชื่อที่มีการรับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถเป็นประกันการชำระหนี้ (สินเชื่อทะเบียนรถ)
โดยผู้ให้บริการกลุ่มนี้จะต้องได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจจากสำนักงาน
2. ผู้ให้บริการทางการเงินประเภทที่มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ 3 กลุ่มได้แก่
- การให้เช่าซื้อ
- การให้เช่าแบบลีสซิ่ง
- แฟ็กตอริ่ง
โดยผู้ให้บริการกลุ่มนี้ไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่จะต้องขึ้นทะเบียนในการประกอบธุรกิจกับสำนักงาน
นายพรชัย ยังกล่าวอีกว่า ข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2560 กลุ่มธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงิน 5 ประเภทที่ยังไม่มีการควบคุม มีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
- ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ 5 แสนล้านบาท
- เช่าซื้อแบบลีสซิ่ง 2.7 แสนล้านบาท
- แฟ็กตอริ่ง 6.7 หมื่นล้านบาท
- สินเชื่อทะเบียนรถ 2 แสนล้านบาท
- พิโกไฟแนนซ์ 330 ล้านบาท
หากคุมกลุ่มนี้ได้จะทำให้สามารถบริการทางการเงินทั้งหมดครบ 100%
“หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วนั้น ผู้ให้บริการทางการเงินประเภทสินเชื่อนั้นจะต้องมาขอใบประกอบกิจการ ซึ่งหากไม่มาขอใบอนุญาตจะมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับสูงสุด 100,000 บาท และกรณีที่เป็นรูปแบบการให้เช่าซื้อ หรือแฟ็กเตอริ่งจะต้องมาขึ้นทะเบียนการดำเนินงาน หากไม่มาตามกฎหมายจะมีโทษปรับสูงสุด 100,000 บาท” นายพรชัย กล่าวทิ้งท้าย
รูปแบบการกำกับดูแลดอกเบี้ยสินเชื่อ
สำหรับรูปแบบการกำกับดูแลจะมีการกฎหมาย คณะกรรมการมาควบคุมโดยชัดเจน เช่น การควบคุมดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม
- พิโกไฟแนนซ์จะคุมที่ 36%
- สินเชื่อรถยนต์ หรือ สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ จะใกล้เคียงกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 28%
- ขณะที่ธุรกิจเช่าซื้ออยู่ระหว่างการประเมินผลว่าจะคุมเท่าไร
ซึ่งการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ จะมีการเร่งให้เสร็จภายในปีหน้า จากนั้นจะมีการจัดตั้งสำนักงาน และคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ซึ่งจะมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานใน 360 วัน
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับนี้ จะไม่เข้าไปกำกับดูแลผู้ให้บริการที่ดำเนินโดยสถาบันการเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง
การที่ภาครัฐเข้ามาคุมเข้มเรื่องการคิดดอกเบี้ยนี้ เป็นการช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้ปัญหาทางการเงินที่มีอยู่เกิดปัญหาซ้ำซ้อน ที่ต้องกู้จากที่หนึ่ง ไปใช้อีกที่หนึ่งเป็นทอดๆ เนื่องจากมียอดดอกเบี้ยที่สูงเกินจ่ายไหว
ขอบคุณข้อมูลจาก khaosod
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี