Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

เลือกประกันสุขภาพที่ใช่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา

เปรียบเทียบแผนง่าย
ไม่ต้องติดต่อตัวแทนขายประกัน

ข้อมูลส่วนตัวของท่านปลอดภัยแน่นอน

โรคที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครองมีอะไรบ้าง
user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: Apr 24, 2023

กรดไหลย้อนหายได้หรือไม่? ไปทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น

กรดไหลย้อน” สร้างความลำบากและทรมานในการใช้ชีวิตของใครหลาย ๆ คน และเป็นอาการที่มักถูกหยิบขึ้นมาพูดในเชิงตลกขบขัน โดยมักจะถูกหยิบมาพูดว่านี้คือการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ คนทำงาน แต่จริง ๆ แล้วโรคนี้เกิดได้แค่ในผู้ใหญ่จริง ๆ หรือ? เราจะขอพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันให้มากขึ้นไปดูว่าอาการกรดไหลย้อนเป็นอย่างไร แนวทางการรักษา และอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อที่จะให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่านได้ห่างไกลจากอาการกรดไหลย้อนนี้

กรดไหลย้อน คืออะไร

กรดไหลย้อนหรือ Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) ตามนิยามของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ให้ข้อมูลกรดไหลย้อน คือโรคหรืออาการที่เกิดจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารไม่ว่าจะเป็นกรดหรือแก๊สกลับไปที่หลอดอาหาร ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนที่มีอาการกรดไหลย้อน

โดยหลาย ๆ คนอาจคิดว่าโรคกรดไหลย้อน (GERD) สามารถเกิดขึ้นได้แต่กับผู้ใหญ่เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่นวัยหนุ่มสาว ผู้ใหญ่วัยทำงาน หรือแม้กระทั้งผู้สูงอายุก็สามารถเกิดขึ้นได้นั่นเอง

อาการกรดไหลย้อนเป็นอย่างไรบ้าง

อาการกรดไหลย้อนสร้างความลำบากและความทรมานในการใช้ชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นโรคกรดไหลย้อนนี้เป็นอย่างมาก หลายคนถึงกับกินข้าวไม่ได้ ต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ ซึ่งผลกระทบนี้เกิดขึ้นในหลาย ๆ ด้านด้วยกัน และสำหรับใครที่สงสัยว่าตัวเองมีอาการอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการ

อาการกรดไหลย้อนที่พบบ่อย

  • แสบร้อนกลางอกบริเวณลิ้นปี่ จุกแน่นกลางอก กรดไหลย้อนเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหาร
  • มีอาการท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ รู้สึกอยากอาเจียนหลังจากรับประทานอาหาร
  • รู้สึกจุกคล้ายกับมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณลำคอ
  • ในปากรู้สึกถึงความเปรี้ยว มีอาการเรอเปรี้ยว ตื่นมารู้สึกขมทั้งในปากและคอ
  • อาหารถูกดันให้ย้อนขึ้นมาในปากและลำคอ

อาการกรดไหลย้อนที่อาจพบได้

  • ไอแห้ง มีเสียงแหบ เจ็บคอจากกรดไหลย้อน
  • ตื่นขึ้นมาไอกลางดึก
  • อาการหืดหอบจากกรดไหลย้อน
  • ระคายเคืองในทางเดินหายใจ ทำให้นอนกรนได้

และเรายังสามารถแบ่งระดับอาการของโรคกรดไหลย้อนออกไปได้ถึง 3 ระดับด้วยกันคือ

1. ภาวะการไหลย้อนที่กระเพาะอาหาร หรือ Gastroesophageal Reflux (GER)

เป็นกรดไหลย้อน อาการ เริ่ม ต้นโดยอาการกรดไหลย้อนจะเป็น ๆ หาย ๆ หรือว่านาน ๆ ครั้งเป็นทีไม่มีความแน่นอน ยังไม่ถึงขั้นส่งผลต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ จัดเป็นระดับที่ต่ำที่สุด

2. โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal Reflux Disease (GERD

อาการกรดไหลย้อนระดับกลาง คือ เกิดภาวะไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหาร กรดไหลย้อนในระดับนี้เริ่มส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตในรูปแบบปกติมากขึ้น

3. โรคน้ำย่อยกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้าสู่หลอดคอ หรือ Laryngopharyngeal Reflux (LPR)

เรียกได้ว่าเป็นกรดไหลย้อน อาการหนักซึ่งอาจจะลุกลามทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ขึ้นมาได้ โดยมีภาวะการไหลเข้าสู่หลอดอาหารย้อนขึ้นมาถึงคอมากขึ้น

โรคกรดไหลย้อน สาเหตุเกิดจากอะไร?

โรคกรดไหลย้อนมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Gastroesophageal Reflux Disease: GERD ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปตามหลอดอาหาร เนื่องด้วยน้ำย่อยมีคุณลักษณะเป็นกรด เมื่อไหลย้อนกลับไปจึงทำให้กรดในน้ำย่อยไปทำให้หลอดอาหารระคายเคือง จึงเกิดอาการแสบร้อนทรมานที่ทรวงอกนั่นเอง ทั้งนี้ภาวะของน้ำย่อยที่ไหลย้อนกลับไปนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนเป็นปกติ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนนั้นจะเกิดขึ้นบ่อยจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นตามมาได้ เช่น การอักเสบของหลอดอาหาร

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนนั้น ทางโรงพยาบาลศิริราชได้อธิบายสาเหตุโรคกรดไหลย้อนไว้ดังนี้ มาจากหลายปัจจัยดังนี้

1. เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดที่ปลายหลอดอาหาร

ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้จะทำหน้าที่ปิดกั้นไม่ให้น้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับมายังหลอดอาหาร หากกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติก็จะทำให้น้ำย่อยไหลกลับขึ้นมา ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มาคาเฟอีนต่าง ๆ รวมถึงการสูบบุหรี่

2. การบีบตัวของหลอดอาหารที่ทำงานช้ากว่าปกติ

ซึ่งโดยปกติแล้วหลอดอาหารจะบีบตัวเพื่อให้อาหารที่เรากลืนไหลเข้าสู่กระเพาะ แต่ถ้าหลอดอาหารบีบตัวช้าเกินไปจะทำให้อาหารค้างอยู่ในหลอดอาหาร น้ำย่อยก็จะมีโอกาสไหลย้อนขึ้นมาได้

3. เกิดจากพฤติกรรมการทานอาหารดึกแล้วเข้านอนโดยที่อาหารยังไม่ได้ย่อย

การทานอาหารจนอิ่มเกินไป หรือทานอาหารที่มีไขมันมากจนเกินไป เนื่องจากการนอนจะทำให้หูรูดหลอดอาหารทำงานได้ไม่ดี กรดน้ำย่อยจึงไหลย้อนกลับไปง่ายกว่าปกติ ซึ่งแพทย์ได้วิจัยออกมาว่าพฤติกรรมทานอาหารแล้วนอนทันทีจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคกรดไหลย้อนถึง 2 เท่า

4. เกิดจากภาวะความเครียด

เนื่องจากภาวะเครียดจะส่งผลให้หลอดอาหารไวต่อสิ่งกระตุ้น น้ำย่อยจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาได้ง่าย

5. ความผิดปกติของการบีบตัวในกระเพาะ

ซึ่งจะทำให้อาหารย่อยช้าและนานกว่าปกติ จึงมีโอกาสทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมาสู่หลอดอาหารง่ายขึ้น

6. ความอ้วน

ซึ่งจะเพิ่มแรงกดในกระเพาะอาหาร จึงทำให้กรดไหลย้อนกลับจนเป็นโรคกรดไหลย้อนได้

7. ภาวะการตั้งครรภ์

หญิงอยู่ในช่วงตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนที่มากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้หูรูดหลอดอาหารทำงานผิดปกติ อีกทั้งมดลูกที่ขยายขึ้นยังเพิ่มแรงกดที่ทำต่อกระเพาะอาหารด้วย

กรดไหลย้อน รักษาอย่างไรได้บ้าง

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนแล้วไม่ต้องตกใจกันไป เพราะว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายไปได้นั้นเอง ขอเพียงแค่ปรับการใช้ชีวิต รวมถึงปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์โรคกรดไหลย้อนก็พร้อมโบกมือลาเราไปได้แล้ว ไปดูกันว่ากรดไหลย้อน รักษาอย่างไรได้บ้าง

ปรับพฤติกรรมแก้รักษาอาการกรดไหลย้อน

  • ทานอาหารไม่ควรนอนในทันที ควรเว้นเวลาไว้ราว ๆ 2-3 ชั่วโมง
  • กินอาหารในแต่และมื้อในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปเพื่อลดอาการกรดไหลย้อน
  • ลดอาหารมื้อดึกเพื่อลดกรดไหลย้อน
  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัดหรืออาหารที่ย่อยยาก
  • งดดื่มเครื่องดื่มจำพวกคาเฟอีน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารไขมันต่ำ
  • ควบคุมน้ำหนักลดความอ้วนช่วยลดกรดไหลย้อน
  • ไม่นอนดึกและเข้านอนให้เป็นเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงโรคกรดไหลย้อน
  • ลดภาวะเครียดและลดการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่แน่น บีบรัดร่างกาย
  • สำหรับคนที่มีกรดไหลย้อน อาการ ตอน นอนเกิดขึ้น ควรนอนศีรษะให้สูงขึ้นราว 15 เซนติเมตร ร่วมกับการนอนในท่าตะแคงซ้าย

รักษากรดไหลย้อนกับแพทย์

  • รับประทายยาลดกรด
  • รับประทานยากรดไหลย้อนตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • หากเป็นกรดไหลย้อนหนัก อาจผ่าตัดเย็บหูดรูดหลอดอาหาร

โรคกรดไหลย้อน กินอะไรได้บ้าง?

ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนแนะนำให้ทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ ไขขาว น้ำเต้าหู้ และเนื้อปลา รวมถึงอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท ผัก ผลไม้ที่กรดน้อย(กล้วย แตงโม อโวคาโด ผลไม้ที่ไม่มีรสเปรี้ยว) ส่วนเครื่องดื่มนั้นแนะนำให้ดื่มสมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยขับลมและช่วยย่อยอย่างเช่นน้ำขิง เป็นต้น แม้ว่าโรคกรดไหลย้อนจะควรงดอาหารประเภทไขมัน แต่ไขมันดีจากอาหารบางชนิดคุณก็สามารถทานได้เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ เช่น อะโวคาโด แฟลกซ์ซีด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา หรือน้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น

กรดไหลย้อน ห้ามกินอาหารอะไร

จะเห็นได้ว่ากรดไหลย้อนมีแนวทางการปฏิบัติตนที่สามารถทำได้ไม่ยากและอีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนสามารถทำได้ง่ายคือเมื่อเป็นกรดไหลย้อน ห้ามกินอาหารบางจำพวก โดยอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้น ไปดูกันว่าหากเป็นกรดไหลย้อน ห้ามกินอาหารบ้าง

  • อาหารไขมันสูง
  • เครื่องดื่มหรืออาหารที่อุดมไปด้วยคาเฟอีน
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแก๊สมาก
  • ช็อกโกแลต
  • ผลไม้ อาหารที่มีกรดหรือรสเปรี้ยว
  • อาหารหมักดอง
  • หมากฝรั่ง

กรดไหลย้อนกี่วันหาย

กรดไหลย้อนเป็นอีกโรคที่อาการส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เชื่อว่าคนเป็นนั้นก็อยากที่จะหายจากอาการกรดไหลย้อนเร็ว ๆ ซึ่งเมื่อเข้าสู่การรักษาอย่างจริงจังทั้งการปรับการใช้ชีวิตร่วมกับการทานยาตามที่แพทย์สั่ง อาการของกรดไหลย้อนจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-3 เดือน

แต่ก็มีผู้ป่วยกรดไหลย้อนที่ใช้เวลานานนับเดือนการรักษาถึงจะเห็นผล และกรดไหลย้อนมีอาการที่ทุเลาลง ซึ่งถ้าจะให้อาการกรดไหลย้อนหายขาดอาจจะต้องใช้เวลานานกว่านั้นคือในระดับหลายเดือนจนถึงหลายปีขึ้นอยู่กับระดับอาการที่เป็นในแต่ละคน ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าการรักษานี้ต้องปรับพฤติกรรมและทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

กรดไหลย้อนเป็นอีกหนึ่งโรคที่ทำให้ผู้ป่วยต้องทรมานจากอาการที่เป็นอยู่ ถึงแม้ว่าระดับความร้ายแรงของโรคจะไม่ได้ถือว่ารุนแรงมากเมื่อเทียบกับโรคร้ายแรงอื่น ๆ ก็ตาม และถ้าตอนนี้คุณยังไม่ได้มีอาการกรดไหลย้อนอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณทำประกันสุขภาพติดตัวไว้ เพราะในกรณีนี้หากคุณเป็นกรดไหลย้อนภายหลังจากทำประกันแล้วล่ะก็อาการของคุณจะได้รับการคุ้มครองนั่นเอง หากสนใจสามารถมาสมัครกับเราได้ที่ แรบบิท แคร์ โดยมาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็น วีดีโอคอลปรึกษาทีมแพทย์ผ่านทาง LINE Official Account สามารถผ่อนจ่าย 0% นานสูงสุด 10 เดือน และยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมายไว้รอคุณ

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน แม้ว่าคุณยังไม่ได้เป็นโรคดังกล่าว แต่สักวันคุณอาจจะเป็นได้ถ้าไม่ดูแลตนเองเพียงพอ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นตามแนวทางดังนี้

  • อย่ารับประทานอาหารมากจนจุก หรือจนแน่นท้อง หากหิวให้เน้น รับประทานอาหารในปริมาณครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยขึ้น
  • ห้ามนอนทันทีหลังจากรับประทานอาหาร หรือหลีกเลี่ยงการเข้านอนหลังจากทานอาหารมื้อค่ำอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
  • ปรับระดับของเตียงนอน ให้ศีรษะอยู่สูงจากเท้าประมาณ 6-8 นิ้ว แนะนำให้ใช้เตียงปรับระดับความสูงช่วงคอและลำตัวได้เหมือนเตียงตามโรงพยาบาล อย่าหนุนหมอนสูงเพียงอย่างเดียวเพราะจะทำให้ลำตัวพับงอและปวดคอตามมา
  • ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้ ชา กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกเลต ผลไม้รสเปรี้ยว อาการที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด
  • หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะอาหารบีบตัวได้ดียิ่งขึ้น
  • หากมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ให้พยายามลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

โรคกรดไหลย้อนอันตรายแค่ไหน สามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม?

โรคกรดไหลย้อนสามารถรักษาให้หายขาดได้หากได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนอย่างใกล้ชิด แม้ว่าโรคกรดไหลย้อนนั้นจะไม่รุนแรงจนถึงชีวิต แต่ถ้าปล่อยไว้ก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคุณ ไปจนถึงการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หากคุณมีอาการตามโรคกรดไหลย้อนเราก็แนะนำให้รีบพบแพทย์ย่อมดีกว่า เพื่อให้รักษาหรือป้องกันโรคนี้จะทำให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น

ก่อนจากกัน แรบบิท แคร์ ขอแนะนำอีกหนึ่งสิ่งสำคัญให้ทุกคนได้ทราบ นั่นก็คือการทำประกันสุขภาพเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายเวลาป่วยเป็นโรคภัยต่าง ๆ รวมถึงโรคกรดไหลย้อนด้วย แม้ว่าคุณจะดูแลตนเองดีเพียงไรแต่โรคภัยก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นกับตัวคุณ การทำประกันสุขภาพจึงเสมือนเป็นการช่วยคุณป้องกันขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง หากคุณสนใจอยากทำประกันสุขภาพ คุณสามารถติดต่อมาขอคำปรึกษากับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราเป็นโบรกเกอร์ประกันสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เรามีแผนประกันให้คุณเลือกมากมาย สามารถเปรียบเทียบราคาแล้วซื้อกรมธรรม์ได้ภายในไม่กี่นาที

ประกันสุขภาพที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

Generali Health Lump Sum Plus ประกันสุขภาพเหมาจ่ายGenerali Health Lump Sum Plus

เหมาจ่าย

  • สมัครง่าย เบี้ยถูก คุ้มครอง IPD/OPD
  • ค่ารักษาเหมาจ่าย สูงสุด 1 ล้านบาท
  • ค่าห้อง รพ. ดูแลให้สูงสุด 8,000 บาท/วัน
  • ดูแลค่าพยาบาลพิเศษ สูงสุด 1,000 บาท/วัน
  • รับค่าทันตกรรม 1,000 บาท/ปี ไม่จำกัดครั้ง
  • รับค่ารักษา OPD สูงสุด 1,500 บาท/ครั้ง
  • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 25,000 บาท
AIA Health Saver ประกันสุขภาพเหมาจ่าย AIA Health Saver

เหมาจ่าย

  • เบี้ยเริ่มต้น 575 บาท/เดือน ราคาเบาๆ
  • คุ้มครองเหมา ๆ ค่ารักษา 500,000 บาท
  • คุ้มครองผู้ป่วยนอก สูงสุด 30 ครั้ง/ปี
  • สมัครง่าย ทุกวัย 15 วัน - 75 ปี ต่ออายุได้
  • คุ้มครองเพิ่ม 2 เท่า เมื่อพบ 6 โรคร้าย
  • OPD คุ้มครองสูงสุด 1,500 บาท/ครั้ง
  • ลดหย่อนภาษีคุ้ม ๆ ตามหลักเกณฑ์สรรพากร
วิริยะ คลาสสิค บาย บีดีเอ็มเอส ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุวิริยะ คลาสสิค บาย บีดีเอ็มเอส

สุขภาพและอุบัติเหตุ

  • นอน รพ. เหมาจ่าย ค่ารักษาตามจริงไม่จำกัด
  • คุ้มครองมะเร็งทุกระยะ สูงสุด 50,000 บาท/ปี
  • ค่าห้องผู้ป่วย คุ้มครองสูงสุด 6,500 บาท/วัน
  • สมัครได้ตั้งแต่ 15 วัน - 65 ปี ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
  • คุ้มครองผู้ป่วยใน สูงสุด 800,000 บาท/ปี
  • คุ้มครอง OPD สูงสุด 2,500 บาท/วัน
  • ค่าเบี้ยเบา ไม่ต้องสำรองจ่าย รพ.ในเครือ BDMS
Health Lump SumHealth Lump Sum

สุขภาพและอุบัติเหตุ

  • แคร์รายได้ ชดเชยสูงสุด 500 บาท/วัน
  • แคร์ค่ารักษา เหมาจ่ายสูงสุด 5 แสน/ปี
  • แคร์ตามจริง ค่ารักษาสูงสุด 75,000 บาท
  • แคร์ครอบคลุม สมัครได้ 16-60 ปี ไม่ต้องสำรองจ่าย
  • แคร์ค่าห้อง จ่ายตามจริง สูงสุด 365 วัน
  • แคร์อุบัติเหตุ คุ้มครองสูงสุด 150,000 บาท
  • ค่ารักษาอุบัติเหตุ 5,000 บาท ภายใน 24 ชม.

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา