Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

Paddle Shift คืออะไร และมีวิธีการใช้งานอย่างไร?

ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ซีดาน รถยนต์ SUV หรือรถสปอร์ตที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ ก็มักจะมีการติดตั้ง Paddle Shift มาให้ตั้งแต่อยู่ในโรงงานอยู่แล้ว และผู้ขับขี่หลายคนก็มักจะมองข้ามระบบเกียร์แบบ Paddle Shift เนื่องจากรู้สึกว่ามันไม่ได้จำเป็นต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน เลยไม่ค่อยได้ใช้งานระบบนี้สักเท่าไรนัก แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความบันเทิงในระบบ Manual Mode ด้วยระบบเกียร์ Paddle Shift ก็อาจจะต้องเพิ่มเงินเพื่อไปเลือกซื้อรุ่นย่อยที่มีราคาแพงที่สุดของรุ่น เนื่องจากว่าระบบนี้มักจะมีมาให้เฉพาะในรุ่นตัวท็อปของรถยนต์ในแต่ละรุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบการขับขี่แบบเกียร์อัตโนมัติธรรมดานั้น การมีระบบ Paddle Shift ก็อาจจะไม่ค่อยจำเป็นมากนัก เพราะว่าไม่ใช่อุปกรณ์หลักสำคัญสำหรับการขับขี่รถยนต์ในชีวิตประจำวัน แต่เป็นเพียงระบบหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็ม และทำให้การขับขี่นั้นสนุกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

Paddle Shift คืออะไร?

สำหรับ Paddle Shift นั้นจะเป็นระบบการเปลี่ยนเกียร์ โดยจะเปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติให้กลายเป็นเกียร์ธรรมดา (Manual Mode) โดยเราจะสามารถกดปุ่มควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้ที่พวงมาลัยรถยนต์ ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์สำหรับสั่งการให้อัตราทดของเกียร์เปลี่ยน สามารถใช้ได้ทั้งเกียร์สูงและเกียร์ต่ำด้วยการปรับตำแหน่งบวกหรือลบ โดยระบบเกียร์ประเภทนี้นั้นถูกใช้กันครั้งแรกในรถ Formula 1 ซึ่งทางค่ายแรกที่มีนั่นก็คือ Ferrari ต่อมาในช่วงปลาย ค.ศ. 1980 ก็จะเป็นเกียร์ธรรมดาแบบตัว H หรือตัว I แบบที่เราคุ้นเคยกันดี ดังนั้น Paddle Shift จึงได้มีการพัฒนาออกมาเพื่อให้ช่วยลดเวลาในการทดเกียร์ และสามารถป้องกันการเปลี่ยนเกียร์ผิดพลาดได้อีกด้วย โดยจะเป็นประโยชน์มากในรถสปอร์ตที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ ที่จะต้องมีการเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำในการแข่งขันความเร็วนั่นเอง

และนอกจากนี้ Paddle Shift นั้นจะช่วยทำให้การขับขี่ของรถยนต์เกียร์อัตโนมัติสนุกมากยิ่งขึ้น โดยที่จะมีสัญลักษณ์บวก (+) และสัญลักษณ์ลบ (-) อยู่ที่ปุ่มควบคุมนั่นเอง หากต้องการให้เป็นเกียร์ต่ำที่จะช่วยส่งให้รถออกตัวดียิ่งขึ้น ก็ให้กดสัญลักษณ์ลบ (-) เพื่อให้เร่งแซงรถคันข้างหน้าได้ จากนั้นให้ทำการกดสัญลักษณ์บวก (+) เพื่อให้ไล่ไปตามจังหวะของรอบเครื่อง จนถึงลำดับเกียร์สูงสุด และนอกจากนี้ Paddle Shift ยังมีประโยชน์ในด้านของความปลอดภัยอีกด้วย หากรถยนต์ที่มาด้วยความเร็วสูงแล้วต้องการที่จะเบรก การเหยียบเบรกก็อาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นการใช้ Engine Brake ก็จะช่วยได้มากในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ซึ่งจะทำให้การเบรกนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการกด Paddle Shift ก็จะช่วยเพื่อความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ได้ด้วย เพราะไม่ต้องละสายตาและก้มลงมองเกียร์ แต่สามารถควบคุมได้จากปุ่มบนพวงมาลัยรถยนต์ได้เลยทันที

เกียร์ Paddle Shift ใช้ยังไง?

จากบทความเรื่องเกียร์ Paddle Shift คืออะไร? ในเว็บไซต์ของ Chobrod ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า รถยนต์ในแต่ละรุ่นนั้นจะมีวิธีการใช้แพดเดิ้ลชิพที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะสามารถใช้ได้ทั้งเกียร์ D และเกียร์ S ดังนั้นจึงควรศึกษาและอ่านคู่มือการใช้งานให้เข้าใจก่อน โดยวิธีใช้งานเบื้องต้นของ Paddle Shift คือจะช่วยเพิ่มความเร็วแบบทันที เหมือนกับการเชนเกียร์ในรถยนต์เกียร์ธรรมดานั่นเอง เพราะฉะนั้น Paddle Shift ที่เป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายลบ (-) จึงมีไว้เพื่อลดตำแหน่งเกียร์ และไม่จำเป็นที่จะต้องถอนคันเร่งออกด้วย เพราะว่าตัวเกียร์นั้นจะทำหน้าที่ผสานรอบเครื่องกับอัตราทดเกียร์ให้เข้ากันได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้คนส่วนมากก็มักที่จะมองข้ามระบบ Paddle Shift เนื่องจากคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เราจะต้องใช้ หรือถ้าหากว่าไม่ใช้ก็ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Paddle Shift ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่มีประโยชน์มาก หากได้ลองใช้แล้วก็อาจจะติดใจได้โดยที่ไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน

เกียร์ Paddle Shift ควรใช้เมื่อไหร่?

ควรใช้เมื่อขับอยู่ในถนนที่ลื่น หรือต้องการที่จะใช้เกียร์ต่ำที่มีพลังมากกว่าในการเร่งแซงรถคันข้างหน้า และการขับขึ้นหรือขับลงเนินเขา เพราะจะสามารถช่วยเพิ่มและลดความเร็วได้ แต่ถ้าเป็นการขับรถในระบบเกียร์อัตโนมัติ การใช้แค่เกียร์ D ก็เพียงพอเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่าต้องการที่จะเร่งแซงรถคันข้างหน้า ก็เพียงแค่เหยียบคันเร่งให้มากขึ้น หรือเมื่อจะลงเนินเขาก็ให้เลือกเกียร์ต่ำก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

จุดเด่นของ Paddle Shift มีอะไรบ้าง?

สิ่งสำคัญอันดับแรกจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัย กล่าวคือจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของระบบเบรก และจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ในการขับขี่ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย และถ้าหากว่าผู้ขับขี่ยังไม่คุ้นชินกับการใช้ Paddle Shift ก็สามารถที่จะใช้ Engine Brake ทดแทนได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น Paddle Shift และ Engine Brake จึงจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี

จุดด้อยของ Paddle Shift มีอะไรบ้าง?

อาจทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ เนื่องจากว่าระบบนี้จะทำให้รอบเครื่องยนต์นั้นสูงขึ้น ดังนั้นจึงควรจะเลือกใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น

รถเกียร์อัตโนมัติ มีวิธีการเชนเกียร์เพื่อแซงอย่างไรบ้าง?

  • แซงด้วยการกดคันเร่ง (Kick down) จะเป็นการเหยียบคันเร่งจนสุดและค้างไว้ หรือที่เรียกกันว่า “Kick down” โดยเกียร์จะปรับระดับลงเพื่อทำให้รถมีกำลังในการเร่งแซงที่มากขึ้น และผ่อนคันเร่งเพื่อให้อัตราทดเกียร์นั้นกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
  • แซงด้วยการเปลี่ยนเกียร์เอง โดยรถยนต์บางคันจะมีระบบ Paddle Shift มาให้เพื่อใช้ในการลดหรือเพิ่มตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเองที่ปุ่มบนพวงมาลัยรถยนต์ หากเลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่งลบ (-) 1 ครั้ง เกียร์ก็จะถูกปรับลดลง 1 ตำแหน่ง และจะทำให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้นในการวิ่งแซง แต่ถ้าเราเลื่อนคันเกียร์ไปยังตำแหน่งบวก (+) 1 ครั้ง เกียร์ก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้น 1 ตำแหน่ง และเลื่อนคันเกียร์กลับไปยังตำแหน่ง D เพื่อกลับเข้าสู่การเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติตามปกตินั่นเอง

ใช้ Paddle Shift บ่อย ๆ จะเป็นอันตรายต่อเกียร์รถยนต์ไหม?

สำหรับในรถยนต์เกียร์ธรรมดานั้น มักจะเกิดความเสียหายต่อเกียร์รถยนต์ได้ หากมีการเปลี่ยนเกียร์ผิด หรือมีการ down shift ที่เร็วจนเกินไป แต่สำหรับในระบบเกียร์ Paddle Shift นั้นจะมีความทนทานที่สูงมากกว่า เพราะว่ามีกล่อง ECU ในการป้องกัน หากเกิดกรณีที่ผู้ขับขี่นั้นเปลี่ยนเกียร์ผิด

หากระบบ Paddle Shift เกิดความเสียหายขึ้นมา แบบนี้ทางบริษัทประกันภัยจะรับเคลมไหม?

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถยื่นเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เป็นความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นมาจากการเสื่อมสภาพของการใช้งาน ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่สามารถรับเคลมให้ได้ แต่ก็จะมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองในส่วนของอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ คือการทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่กันไปกับการทำ ประกันภัยรถยนต์ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหายกับอะไหล่รถยนต์ขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแจ้งเคลมได้เลย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกด้วย

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?

เพราะว่าเรื่องของอุบัติเหตุนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นการทำประกันภัยเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะคุณจะได้รับความคุ้มครองตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินชดเชยจากความเสียหายในด้านทรัพย์สิน ค่าซ่อมรถยนต์ หรือค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ดังนั้นประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซื้อไว้และหมั่นต่อประกันไว้ไม่ให้ขาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะมีประกันภัยอยู่หลากหลายชั้นให้คุณได้เลือกทำ แต่สำหรับแผนประกันภัยที่จะให้ความคุ้มครองแบบสูงสุดนั้นก็ต้องยกให้ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือถ้าหากใครที่ยังลังเลก็สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ Care Center เบอร์ 1438 ที่พร้อมจะให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

ในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าได้รับความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้ไม่มีรถยนต์ที่จะสามารถเอาไว้ใช้งานต่อไปได้ ทางแรบบิท แคร์ จึงมีบริการรถยนต์ทดแทนให้ใช้ฟรีเป็นระยะเวลา 3 วัน โดยจะเป็นรถยนต์คุณภาพดีจากบริษัทให้เช่ารถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เพราะแรบบิท แคร์ เห็นถึงความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าลูกค้าจะได้ใช้งานรถยนต์ที่มีคุณภาพดี สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา