ดอกลอยคืออะไร และมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง?
หากจะพูดถึงเงินกู้นอกระบบหรือเงินกู้รายวันแล้ว แน่นอนว่าผู้คนมักจะพบเห็นคำเชิญชวนหรือคำโฆษณาได้ตามป้ายประกาศที่แปะไว้ตามเสาไฟฟ้าแผ่นเล็ก ๆ โดยที่กลุ่มเป้าหมายหลักของการกู้ยืมแบบผิดกฎหมายนี้มักจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการจะรีบใช้เงินด่วน ไม่ต้องตรวจสอบเอกสารอะไรให้ยุ่งยาก จึงพลาดพลั้งเป็นเหยื่อหรือลูกหนี้เงินกู้รายวันโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก จึงทำให้เกิดการจ่ายได้เพียงดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวันหรือที่เรียกกันว่า “ดอกลอย” นั่นเอง และไม่มีเงินก้อนมาปิดยอดให้ครบภายในครั้งเดียว ดังนั้นจึงเกิดเป็นการสะสมดอกเบี้ยที่บวกกับเงินต้นจนพอกพูนขึ้นมากลายเป็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายมากกว่าเดิม หรือสร้างภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้นจากเดิมนั่นเอง
ดอกลอยคืออะไร?
จากเว็บไซต์ Debtclinicbysam ได้พูดถึงความหมายของคำว่า “ดอกลอย” ว่ามาจากการกู้หนี้ยืมสินนอกระบบที่ทางลูกหนี้จะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ได้มีการตัดเงินต้นเลย จนกว่าทางลูกหนี้จะหาเงินต้นมาชำระหนี้ให้ครบภายในครั้งเดียว ดังนั้นจึงเท่ากับว่าถ้าหาเงินต้นมาคืนไม่ครบในครั้งเดียว ลูกหนี้ก็ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยหรือเงินดอกลอยรายวันต่อไปแบบไม่มีวันจบนั่นเอง
เงินกู้รายวันคืออะไร?
เงินกู้รายวัน คือ เงินกู้นอกระบบที่ไม่ได้อยู่ในระบบของสถาบันการเงินหรือธนาคาร เพราะว่าเป็นการกู้เงินที่ไม่ต้องมีการตรวจสอบประวัติ ไม่ต้องรอนาน และไม่ต้องใช้เอกสารอะไรให้ยุ่งยาก แต่การกู้นอกระบบนั้นมักจะมีดอกเบี้ยที่สูง เนื่องจากว่าไม่มีการประเมินความเสี่ยงจากทรัพย์สินใด ๆ แต่ถ้าหากว่าการชำระหนี้นั้นเป็นแค่การจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ไม่ได้มีการตัดเงินต้นเลย ก็จะทำให้เกิดดอกลอยขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเงินกู้รายวันนั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
• หนี้ระยะสั้น
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “หนี้รายวัน” ซึ่งทางเจ้าหนี้จะเก็บเงินแบบวันต่อวัน และจะคิดเงินต้นกับดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องจ่ายในแต่ละวันรวมไว้เป็นยอดเดียวกัน
• หนี้ระยะยาว
เป็นการปล่อยกู้ระยะยาวแบบรายเดือนหรือรายปี ซึ่งจะมีการเก็บดอกเบี้ยรายเดือนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีเงินก้อนมาใช้คืน และสำหรับในกรณีที่เป็นยอดเงินกู้ที่สูง ก็อาจจะต้องใช้หลักประกันร่วมด้วย เช่น ใช้โฉนดที่ดินมาค้ำประกันเอาไว้ เป็นต้น
แนวทางป้องกันการเป็นหนี้นอกระบบ มีอะไรบ้าง?
• วางแผนทางการเงินโดยการทำรายรับรายจ่ายขึ้นมา
เพื่อวางแผนทางการเงินในระยะยาวและช่วยป้องกันการใช้เงินที่เกินความจำเป็น อีกทั้งเพื่อให้มองเห็นภาพรวมว่าในแต่ละวันและในแต่ละเดือนนั้นคุณมีรายรับและรายจ่ายมาจากที่ใดบ้าง รายจ่ายเรื่องใดที่ควรปรับลดลง เพื่อที่จะได้มีเงินคงเหลือเพิ่มมากขึ้นจากเดิม และนำเอาส่วนนี้ไปชำระหนี้สินที่ยังคงค้างอยู่ได้
• หารายได้เพิ่มอีกหลาย ๆ ช่องทาง
เพราะในปัจจุบันนี้ การมีรายรับเพียงแค่ทางเดียวนั้นไม่อาจเพียงพอต่อการดำรงชีวิตประจำวันได้ จึงทำให้หลาย ๆ คนมองหาอาชีพหรือรายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มเติม เช่น การขายของออนไลน์ การสอนพิเศษ ฟรีแลนซ์ เป็นต้น
• ยื่นเรื่องกู้สินเชื่อในระบบแบบถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะสิ่งที่ถูกกฎหมายย่อมดีกว่าสิ่งที่ผิดกฎหมายเสมอ ดังนั้นการเลือกกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยจึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคุณจะไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินจริง อีกทั้งภายในสัญญาเงินกู้ก็จะมีระบุข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วน เช่น จำนวนเงินที่กู้ ดอกเบี้ย วงเงินกู้ และวันเดือนปีที่ทำสัญญา ดังนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาอะไรขึ้นมาในภายหลัง คุณก็สามารถนำเอกสารดังกล่าวนี้ไปยื่นฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดีได้นั่นเอง
• อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่กล่าวอ้างเกินจริง
เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ควรพิจารณาถึงเหตุและผลให้ดีเสียก่อน
ความเสี่ยงของการเป็นหนี้นอกระบบ?
1. อัตราดอกเบี้ยที่สูง
ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (เกินร้อยละ 15 หรือร้อยละ 1.25 ต่อเดือน) หรืออาจจะสูงถึง 35% ต่อปีก็มี ดังนั้นหลายคนที่ไม่ทันได้อ่านรายละเอียดให้ดี จึงตกเป็นเหยื่อของเงินกู้นอกระบบและเกิดเป็นดอกลอยได้โดยง่าย เพราะว่าไม่สามารถหาเงินมาจ่ายเงินต้นให้ครบได้นั่นเอง
2. ดอกลอย
เกิดจากการที่ลูกหนี้สามารถชำระได้เพียงแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ว่าไม่สามารถชำระหนี้ทั้งก้อนได้ในคราวเดียว จึงทำให้มีภาระทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น เพราะปริมาณเงินที่จะต้องจ่ายนั้นจะถูกทบรวมเข้าไปทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจนยอดหนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
3. ไม่มีการทำสัญญาที่ชัดเจน
จึงไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลย อีกทั้งตัวลูกหนี้ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอีกด้วย ในขณะที่การกู้เงินในระบบหรือหนี้ในระบบนั้นเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งส่วนมากผู้คนมักจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก หลายขั้นตอน และใช้เวลาเยอะ แต่ในปัจจุบันนี้การกู้เงินในระบบมักจะมีขั้นตอนที่รวดเร็ว และทำเรื่องได้ง่ายมาก อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัย และสามารถสร้างความมั่นใจในการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ได้มากกว่าด้วย
4. เกิดภัยคุกคามจากการทวงหนี้โหด
หากลูกหนี้เกิดการผิดนัดชำระขึ้นมาก็มักจะมีการข่มขู่ คุกคาม ทำให้อาย ทำลายทรัพย์สิน หรือหนักไปจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยก็มี ทำให้ลูกหนี้ต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ยากมากขึ้น เพราะว่าความปลอดภัยจากการใช้ชีวิตประจำวันนั้นน้อยลงไป
เป็นหนี้นอกระบบควรทำอย่างไร?
อันดับแรกเลยคือคุณจะต้องวางแผนทางการเงิน เพื่อคืนสภาพคล่องทางการเงินโดยการจัดการกับหนี้นอกระบบให้หมดโดยเร็วที่สุด ดังนี้
- 1. เข้าไปพูดคุยกับทางเจ้าหนี้นอกระบบ เพื่อที่จะขอต่อรองหรือหาทางออกร่วมกันว่าพอจะมีวิธีการอย่างไรได้บ้าง หากเจ้าหนี้มีความเข้าใจก็จะยอมอนุโลมให้ยืดเวลาในการชำระหนี้ที่นานขึ้น หรือจะยินยอมให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเงินต้นรวมดอกเบี้ยไปเลย แทนที่จะจ่ายดอกเบี้ยแบบรายเดือนเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่มีการหักเงินต้นหรือจ่ายเป็นดอกลอยแบบที่ผ่านมา
- 2. ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถเจรจาต่อรองกับทางเจ้าหนี้ได้ ก็ควรขอรับความช่วยเหลือจากทางหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ฝ่ายคนกลางเป็นผู้เจรจาต่อรองให้ เช่น
- ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชน โทร. 1359
- ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567
- ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โทร. 0-2575-3344 - 3. พูดคุยและปรึกษากับคนในครอบครัว เพื่อที่จะได้ช่วยกันระดมความคิดและหาวิธีแก้ไขปัญหาถึงจำนวนเงินที่เป็นหนี้นอกระบบอยู่ในตอนนี้
- 4. ให้นำรายได้ที่เป็นเงินก้อนมาจ่ายโปะเงินต้นไปก่อน เพื่อปิดหนี้นอกระบบให้เร็วที่สุด
- 5. ให้นำทรัพย์สินที่คุณมีมาเปลี่ยนเป็นเงิน เช่น การจำนำทอง การจำนำทะเบียนรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อนำเงินก้อนที่ได้ไปปิดหนี้นอกระบบให้เรียบร้อยก่อน
วิธีการกู้ยืมเงินจากธนาคารแบบถูกกฎหมาย มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
- 1. อันดับแรกให้เลือกและเปรียบเทียบว่าคุณจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติจากทางธนาคารหรือสถาบันการเงินมากน้อยเพียงใด ด้วยบริการค้นหาสินเชื่อส่วนบุคคลที่คุณต้องการจากแรบบิท แคร์ เพียงแค่กรอกข้อมูลและประวัติการเงินตามความเป็นจริง เพื่อให้ระบบนั้นเลือกธนาคารที่คุณจะได้รับการอนุมัติมากที่สุด
- 2. ทำการลงทะเบียนหรือกรอกรายละเอียด เพื่อให้ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินสามารถติดต่อคุณกลับมาได้
- 3. รอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารหรือสถาบันการเงินที่คุณลงทะเบียนเอาไว้ ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบความคืบหน้าการอนุมัติและขอรับคำปรึกษาจากแรบบิท แคร์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ยื่นขอสินเชื่อบุคคลกับแรบบิท แคร์ ดีอย่างไร?
แน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะได้รับจากแรบบิท แคร์ นั่นก็คือความสะดวกสบาย รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่คุณจะได้รับอีกด้วย นอกจากนี้การเลือกขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับแรบบิท แคร์ ยังช่วยให้คุณประหยัดเวลา เลือกดอกเบี้ยต้องการได้ และมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยด้วยระบบปฏิบัติการขั้นสูง เพราะแรบบิท แคร์ เป็นบริษัทในเครือ BTS ที่มีความมั่นคง สามารถไว้วางใจได้ อีกทั้งยังมีบริการดี ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกความสบายให้แก่ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ
- ผ่อนนานสูงสุด 24 และ 72 เดือน
- วงเงินกู้ถึงหลักล้าน
- อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
- มีอายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
- มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
- ผ่อนชิลๆ 60 เดือน
- อนุมัติวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท
- มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาทขึ้นไป
- อายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
- ไม่เคยยื่นกับ Citi ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
LH Bank
- ดอกเบี้ยต่ำ 8.88%/ปี*
- วงเงินสูงสุด 1.5 ล้านบาท*
- ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน*
- ไม่ต้องค้ำประกัน
- อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป
- ทำงานในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
- รายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 30,000 บาทขึ้นไป
TTB
- อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี
- ไม่ต้องค้ำ
- ดอกเบี้ยพิเศษ ลดต้นลดดอก
- ผ่อนได้นานสุด 60 เดือน
- วงเงินอนุมัติสูง 5 เท่าของรายได้