Fintech คืออะไร? มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร?
สงสัยกันไหมว่า Fintech นี่คืออะไร? ทำไมใครต่อใครต่างพูดถึง? แล้วแบบไหน คือ Fintech สำคัญมากแค่ไหนกับเราบ้าง วันนี้ แรบบิท แคร์ มีคำตอบมาฝาก!
Fintech คืออะไร?
Fintech เป็นคำย่อมาจาก Financial Technology ซึ่งเป็นการนำคำว่า "Finance" และ "Technology" มาผสมผสานกัน มักใช้ในบริบทเฉพาะกับบริษัทหรือธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการทางการเงิน โดยหวังที่จะทำให้บริการทางการเงินเป็นมากขึ้นและเป็นระบบมากขึ้น และเสริมสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้
เป้าหมายของ Fintech คือที่จะให้ผู้บริโภคและธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความซับซ้อนของกระบวนการทางการเงินโดยใช้เทคโนโลยีที่สมัครใจและนวัตกรรมใหม่ในการดำเนินงานทางการเงิน โดยมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและเกิดการ "Disrupt" ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ในวงการการเงิน ยกตัวอย่างดังนี้
- การชำระเงินและการโอนเงินออนไลน์ การโอนเงินระหว่างประเทศ และบริการการส่งเงินผ่านมือถือ
- การกู้ยืมเงินและการเงินบุคคลผ่านแพลตฟอร์มการกู้ยืมเงินออนไลน์
- บริการการวางแผนการเงินส่วนบุคคล
- แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ การซื้อขายหุ้น และพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ
- การบริหารการเงินธุรกิจ อย่าง ระบบบัญชีออนไลน์ การเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ และบริการการเงินธุรกิจอื่น ๆ
- เทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับการโอนเงินและการจัดเก็บบันทึกการทำธุรกรรมทางการเงิน
- การใช้ปัญญาประดิษฐ์และเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและการลงทุน
โดย Fintech มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินรวดเร็วและสะดวกขึ้นสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจทั่วไป นอกจากนี้ Fintech ยังสามารถทำให้การเข้าถึงบริการทางการเงินเป็นไปได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อย เนื่องจากลดความจำเป็นในการใช้โครงสร้างทางการเงินที่มีต้นทุนสูง เช่น ลดจำนวนสาขาธนาคารที่ไม่จำเป็นลง เป็นต้น
ธุรกิจ Fintech มีหลากหลายประเภท ได้แก่ ธนาคารดิจิทัล, แพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์, บริษัทเงินต้น (Peer-to-peer lending), บริการการเงินโดยใช้ blockchain และ cryptocurrencies, ระบบ robo-advisors สำหรับการลงทุนอัตโนมัติ, แพลตฟอร์มการเงินที่ใช้ข้อมูล AI และ Big Data เพื่อวิเคราะห์และให้คำแนะนำ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่ง fintech thailand ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เช่น เริ่มมีการใช้โปรแกรม Streaming เพื่อการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้น แทนการซื้อขายในห้องค้า, บริษัท StockRadar ได้พัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือที่เป็นเครื่องมือสำหรับการซื้อขายหุ้น, ระบบ Payment API เช่น Omise และระบบ Crowd Funding ที่ใช้ในการระดมทุนผ่านออนไลน์
จะเห็นได้ว่า ความสำคัญของ Fintech นั้น รากฐานอยู่ที่การทำให้การบริการทางการเงินสามารถทำได้เร็วขึ้น, ปลอดภัยมากขึ้น, และเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการการเงินแบบดั้งเดิมได้ (การเงินที่ไม่เป็นรูปธรรม - unbanked or underbanked) สามารถเข้าถึงบริการการเงินได้โดยสะดวกและง่ายขึ้น
แล้ว Fintech มีอะไรบ้าง? และมีกี่แบบ?
ถ้าพูดถึง Fintech คนมักจะคิดถึงระบบ Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร แต่ Fintech นั้น สามารถแบ่งออกได้อีก 7 แบบ ตามความประสงค์การใช้งาน ดังนี้
• Banking Technology
คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้กับระบบธนาคาร เช่น Mobile Banking ที่ให้ลูกค้าสามารจัดการธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้เหมือนกับการไปทำธุรกรรมกับทางธนาคาร ทั้ง เช็กยอดบัญชี, โอนเงิน, จ่ายบิล และอื่นๆ
• Crowdfunding Platforms
คือ เทคโนโลยีเพื่อการระดมทุน เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางระหว่างผู้ประกอบการและนักลงทุน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการขอและให้เงินทุนจากนักลงทุนหลาย ๆ คน แทนการขอกู้สินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งทางนักลงทุนเองก็จะสามารถเลือกลงทุนในธุรกิจที่สนใจได้ เช่น การระดมทุนผ่านแพลตฟอร์ม ของ เพียร์ พาวเวอร์
• Cryptocurrency
หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม สกุลเงินดิจิทัล หรือเทคโนโลยี Blockchain เป็นการสมมติชุดข้อมูลขึ้นมาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งในโลกออนไลน์ โดยมีจุดประสงค์ต้องการความเท่าเทียมกันด้านสกุลเงิน ถือเป็นระบบการเงินแห่งอนาคตที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายฝ่าย และมีการนำเข้ามาใช้แลกเปลี่ยนในชีวิตจริง เช่น Bitcoin
• Payment Technology
คือ ระบบตัวแทนการใช้จ่ายที่ผู้ใช้ต้องเปิดบัญชีกับทางแพลตฟอร์มจึงจะสามารถใช้งานได้ เช่น ระบบ E-Wallet ต่าง ๆ หรือเครดิตการ์ด ซึ่งระบบ Payment จะต่างจาก Mobile Banking ตรงที่เจ้าของแพลตฟอร์มไม่ใช่ธนาคาร และให้บริการเฉพาะการใช้จ่ายเท่านั้น
• Enterprise Financial Software
คือ ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร อีกหนึ่งเครื่องมือเทคโนโลยี ที่จะช่วยผู้ประกอบการในเรื่อง การจัดการทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการบัญชี, ระบบจ่ายเงินเดือน-ภาษี และการจัดการพนักงาน ซึ่งครอบคลุมถึงสวัสดิการด้านการเงิน
• Investment Management
คือ เทคโนโลยีที่จะช่วยจัดการทางด้านลงทุน ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า มีแพลตฟอร์มการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันลงทุนใน Private fund, ทองคำ, กองทุนรวม รวมถึงแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ช่วยในการวิเคราะห์หุ้น หรือแม้แต่การนำเทคโนโลยีอย่าง Robo Advisor มาช่วยในการจัดพอร์ตการลงทุน (Asset Allocation)
• Insurance Technology/ Insurtech
คือ การนำเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาช่วยทั้งด้านการคำนวณเบี้ยประกัน ผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงอัตราส่วนลดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้เสนอขายประกันภัย ประกันชีวิตบริหารจัดการระบบประกันได้ง่ายขึ้น อย่าง แรบบิท แคร์ ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วย เช่น โปรแกรมการคำนวณยอดสินเชื่อในแต่ละเดือน
จะเห็นได้ว่า Fintech ถือเป็นเทคโนโลยีชนิดใหม่ และกำลังจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจอื่น ๆ ที่ช่วยให้หลายฝ่าย ทั้งผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการนั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และแม้แต่ทาง แรบบิท แคร์ เอง ก็ได้นำเทคโนโลยีดั่งกล่าวมาใช้ให้บริการอย่าง การช่วยเปรียบเทียบสินเชื่อและคำนวนดอกเบี้ยต่าง ๆ ให้คุณสามารถเลือกได้ว่าสินเชื่อไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด คลิกเลย กับ สินเชื่อส่วนบุคคล แรบบิท แคร์ นอกจากบริการเปรียบเทียบสินเชื่อให้คุณแล้ว ยังสมัครง่าย พร้อมเอเจ้นท์ที่พร้อมให้คำแนะนำคุณตลอดทุกขั้นตอนการสมัคร
สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ