Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ

โปรแกรมคำนวณภาษีรถยนต์

ภาษีรถยนต์คืออะไร ทำไมต้องต่อภาษีรถยนต์?

โดยปกติแล้วสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ จะมีค่าใช้จ่ายประจำปี ไม่ว่าจะเป็นค่าประกันรถยนต์ ค่าต่อ พ.ร.บ. รวมไปถึงค่าภาษีรถยนต์ ซึ่งรถยนต์แต่ละคันจะมีการเสียภาษีที่ต่างกัน เคยสงสัยหรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไร แล้วการคำนวณภาษีรถยนต์มีวิธีคิดอย่างไร รวมถึงเดี๋ยวนี้คนนิยมต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์กันทั้งนั้น แล้วขั้นตอนต่อภาษีรถแบบออนไลน์เป็นอย่างไร วันนี้เราเตรียมคำตอบมาให้คุณแล้ว

ภาษีรถยนต์คืออะไร และจ่ายเพื่ออะไร?

ภาษีรถยนต์ คือ ภาษีชนิดหนึ่งที่เจ้าของรถยนต์ต้องจ่ายเป็นรายปีให้กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปใช้เป็นงบประมาณเพื่อปรับปรุงการคมนาคมให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายจะขึ้นอยู่กับ น้ำหนักรถ อายุ และความจุของกระบอกสูบ (cc) หรือที่เรียกกันว่ากำลังเครื่องยนต์ โดยคำนวณด้วยอัตราภาษีก้าวหน้าแบบขั้นบันได แต่ก็จะมีส่วนลดให้กับรถยนต์เก่าที่ใช้งานมาแล้วเกิน 6 ปีขึ้นไปตามกำหนดเช่นกัน ซึ่งสามารถศึกษาได้จากสูตรคำนวณภาษีรถของเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก และหลังจากที่ได้ชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ภายใน 10 วันจะมีการจัดส่งป้ายภาษีรถยนต์ หรือ เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี หรือที่เรียกกันว่าป้ายสี่เหลี่ยม ลักษณะเป็นสีชมพู-ฟ้า และระบุปีที่ป้ายภาษีนี้จะสิ้นอายุเอาไว้อย่างชัดเจน ให้ผู้ขับขี่นำมาติดที่บริเวณกระจกหน้ารถยนต์ตลอดเวลา เพราะถ้าใช้รถยนต์ที่ไม่มีเครื่องหมาย หรือหลักฐานการต่อภาษีรถยนต์ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท หากถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ

อย่าสับสน! ภาษี ไม่ใช่ พ.ร.บ. เพราะ พ.ร.บ. รถยนต์ คือ กฎหมายการประกันภัยภาคบังคับสำหรับรถยนต์ทุกคัน ที่จะช่วยชำระค่าเสียหายเบื้องต้นรวมถึงอาจมีสินไหมทดแทนได้ตามที่กฎหมายกำหนดหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขณะขับขี่ ซึ่งแตกต่างจากภาษีอย่างสิ้นเชิง แต่สาเหตุที่คนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองอย่างเหมือนกันเป็นเพราะโดยปกติ พ.ร.บ. และภาษีจะต้องดำเนินการไปคู่กัน โดยจะต้องยื่นต่อ พ.ร.บ. ก่อนแล้วจึงจะสามารถดำเนินการต่อทะเบียนรถยนต์ได้ ดังนั้นหากพ.ร.บ. ขาด ก็อาจจะโดนเอาผิดเรื่องขาดต่อภาษีรถยนต์ไปด้วยทันที

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนเสียภาษีรถยนต์ประจำปี

  • การต่อภาษีรถยนต์สามารถทำได้ก่อนวันที่จะหมดอายุจริงล่วงหน้า 90 วัน
  • หากมีการต่อภาษีรถยนต์ล่าช้ากว่ากำหนดตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป จะต้องเสียค่าปรับ ทางกฎหมายจะถือว่าเป็นการขาดต่อตั้งแต่ 1-3 ปี จะต้องเสียค่าปรับร้อยละ 1 % ต่อเดือน
  • หากมีการขาดต่อภาษีรถยนต์ ติดต่อกันเกิน 3 ปีขึ้นไป จะถือว่าป้ายทะเบียนรถยนต์นั้นถูกยกเลิกทันที ต้องไปทำเรื่องขอทะเบียนใหม่ พร้อมเสียค่าปรับที่กรมการขนส่งทางบก
  • รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นได้ ต้องตรวจสภาพก่อนต่อภาษีทุกครั้ง

ต่อภาษีรถยนต์ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?

  • สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
  • เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก สำหรับรถส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ที่ไม่ต้องเข้าตรวจสภาพกับตรอ. และและค้างการชำระภาษีไม่เกิน 1 ปี
  • ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ
  • บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru For Tax) มีบริการครบวงจรให้กับรถที่ต้องตรวจสภาพกับตรอ. ด้วย
  • จุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส สำหรับรถส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ที่ไม่ต้องเข้าตรวจสภาพกับตรอ.เท่านั้น
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับรถส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์เท่านั้น
  • ห้างสรรพสินค้าในโครงการ ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax) อาทิ Big C สาขา ลาดพร้าว, รามอินทรา, รัชดาภิเษก, บางปะกอก, เพชรเกษม, สุขาภิบาล3, อ่อนนุช, แจ้งวัฒนะ, สำโรง, บางบอน, สุวินทวงศ์, สมุทรปราการ, บางใหญ่ และบางนา, เซ็นทรัล รามอินทรา, พาราไดซ์ พาร์ค, เซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับรถส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์เท่านั้น

การขาดต่อภาษีรถยนต์ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะโดนค่าปรับทุกเดือนจนอ่วม แถมอาจจะต้องเสียเวลาไปจดทะเบียนใหม่ให้ยุ่งยากในกรณีขาดต่อภาษีรถยนต์ 3 ปีขึ้นไป และเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ก็ยังจะทำให้ไม่สามารถทำประกันรถทั้งภาพบังคับและภาคสมัครใจได้เลย เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็ไม่ควรจะชำระภาษีเกินเวลาหรือถ้ากลัวลืมก็ลองใช้แอปพลิเคชันของกรมการขนส่งทางบกเพื่อแจ้งเตือนวันชำระภาษีได้ และเมื่อชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว

ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ มีขั้นตอนอย่างไร?

เบื้องต้น ทางกรมขนส่งได้เปิดโอกาสให้เจ้าของรถสามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบาย ลดปัญหาเจ้าของรถไม่มีเวลาไปติดต่อเดินเรื่องภาษีรถยนต์ตามสถานที่อื่น ๆ ได้ โดยการจะต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้นั้น จะมีเงื่อนไข ดังนี้

  • ต้องชำระก่อนวันที่ภาษีหมดอายุ
  • ประเภทของรถที่สามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ หากเป็นรถยนต์จะต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 7 ปี และรถยนต์ยนต์ไม่เกิน 5 ปี
  • ในกรณีที่อายุรถเกินกำหนด หรือรถค้างค่าภาษีรถยนต์เกิน 1 ปี จะสามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ ก็ต่อเมื่อผ่านการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ก่อน

สำหรับการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ สามารถเสียภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ชำระเงินค่าภาษีสำเร็จ จนถึงวันที่ได้รับเอกสารจากไปรษณีย์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 5 วันทำการ และมีอยู่ 2 ช่องทางในการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ดังนี้

  • เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก ซึ่งสามารถเลือกช่องทางชำระเงิน โดยสามารถเลือกเสียภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ผ่านการหักบัญชีเงินฝาก, บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, เคาน์เตอร์บริการต่าง ๆ หรือตู้ ATM ของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
  • แอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax สามารถดาวน์โหลดทั้ง Google Play Store และ Apple Store และสามารถเลือกช่องทางการเสียภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ SCB Easy App และ QR ชำระเงิน

หากต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนี้

  • ค่าจัดส่งเอกสาร รายการละ 32 บาท
  • ค่าธรรมเนียมธนาคาร รายการละ 20 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิต) ร้อยละ 2 รวม VAT 7% ของค่าธรรมเนียม

และนอกจากการต่อภาษีออนไลน์แล้ว ยังมีช่องทางอื่น ๆ เปิดบริการให้เข้าต่อภาษีรถยนต์ได้ ดังนี้

  • สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ (ไม่ว่ารถนั้นจะจดทะเบียนที่จังหวัดใดก็ตาม)
  • ที่ทำการไปรษณีย์
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ "ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax)"
  • จุดบริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax)
  • เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ

จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีช่องทางมากมายให้ ทั้งการเสียภาษีรถยนต์ออนไลน์หรือการเดินทางไปติดต่อหน่วยงาน นอกจากนี้ยังสามารถทำได้ล่วงหน้าก่อนหมดอายุมากถึง 90 วัน ดังนั้น เพื่อป้องกันค่าปรับภาษีรถยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

อัตราภาษีรถยนต์คิดอย่างไร?

ในการเก็บภาษีรถยนต์ประจำปีตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 จะแบ่งได้ทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่

  1. เก็บภาษีรถยนต์ตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี)
  2. เก็บภาษีรถยนต์ตามน้ำหนัก
  3. เก็บภาษีรถยนต์เป็นรายคัน
  4. เก็บภาษีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า

ในส่วนของการคำนวณภาษีรถยนต์ประจำปี สามารถคำนวณได้หลายรูปแบบ สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือดำ คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ไม่เกิน 7 ที่นั่ง เช่น รถกระบะ 4 ประตู, รถเก๋ง เป็นต้น โดยการคำนวณภาษีรถจะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่อง (cc) โดยรายละเอียดมีดังนี้

  • ตั้งแต่ 1 - 600 cc คิดอัตราภาษี cc ละ 50 สตางค์
  • ตั้งแต่ 601 - 1,800 cc คิดอัตราภาษี cc ละ 1.50 บาท
  • ตั้งแต่ 1,801 cc ขึ้นไป คิดอัตราภาษี cc ละ 4 บาท

ส่วนรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปก็จะมีส่วนลดค่าภาษีดังนี้

  • อายุการใช้งานเกิน 6 ปี จะได้รับส่วนลดค่าภาษี 10%
  • อายุการใช้งานเกิน 7 ปี จะได้รับส่วนลดค่าภาษี 20%
  • อายุการใช้งานเกิน 8 ปี จะได้รับส่วนลดค่าภาษี 30%
  • อายุการใช้งานเกิน 9 ปี จะได้รับส่วนลดค่าภาษี 40%
  • อายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะได้รับส่วนลดค่าภาษี 50%

รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว คือ รถบรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • น้ำหนักรถ 0- 500 ก.ก. คิดอัตราภาษี 150 บาท
  • น้ำหนักรถ 501- 750 ก.ก. คิดอัตราภาษี 300 บาท
  • น้ำหนักรถ 751 - 1,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 450 บาท
  • น้ำหนักรถ 1,001 - 1,250 ก.ก. คิดอัตราภาษี 800 บาท
  • น้ำหนักรถ 1,251 - 1,500 ก.ก. คิดอัตราภาษี 1,000 บาท
  • น้ำหนักรถ 1,501 - 1,750 ก.ก. คิดอัตราภาษี 1,300 บาท
  • น้ำหนักรถ 1,751 - 2,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 1,600 บาท
  • น้ำหนักรถ 2,001 - 2,500 ก.ก. คิดอัตราภาษี 1,900 บาท
  • น้ำหนักรถ 2,501 – 3,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 2,200 บาท
  • น้ำหนักรถ 3,001 – 3,500 ก.ก. คิดอัตราภาษี 2,400 บาท
  • น้ำหนักรถ 3,501 – 4,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 2,600 บาท
  • น้ำหนักรถ 4,001 – 4,500 ก.ก. คิดอัตราภาษี 2,800 บาท
  • น้ำหนักรถ 4,501 – 5,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 3,000 บาท
  • น้ำหนักรถ 5,001 – 6,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 3,200 บาท
  • น้ำหนักรถ 6,001 – 7,000 ก.ก. คิดอัตราภาษี 3,400 บาท
  • น้ำหนักรถตั้งแต่ 7,001 กิโลกรัมขึ้นไป คิดอัตราภาษี 3,600 บาท

รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือน้ำเงิน คือ รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง โดยการคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ แต่จะมีการคิดอัตราภาษีแตกต่างจากแบบรถบรรทุก ดังนี้

  • น้ำหนักรถไม่เกิน 1,800 ก.ก. คิดอัตราภาษี 1,300 บาท
  • น้ำหนักรถเกิน 1,800 ก.ก. คิดอัตราภาษี 1,600 บาท

อัตราภาษีจัดเก็บเป็นรายคัน จะเป็นรถพิเศษ ประกอบด้วย

  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
  • รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
  • รถพ่วงนอกจากรถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
  • รถบดถนน คันละ 200 บาท
  • รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท

อัตราภาษีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน

ขาดต่อภาษีรถยนต์ได้นานแค่ไหน?

การต่อภาษีรถยนต์หรือที่มักจะเรียกกันจนชินปากว่าการต่อทะเบียนรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของรถยนต์ทุกท่านจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะมีโทษอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ขาดต่อภาษีรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการขาดต่อภาษีรถยนต์ 1 ปี ขาดต่อภาษีรถยนต์ 2 ปี ค่าปรับและโทษเป็นอย่างไร และเราจะสามารถขาดต่อภาษีได้กี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปีจึงจะไม่มีค่าปรับหรือบทลงโทษใด ๆ มาอ่านไปพร้อมกันที่นี่ได้เลย!

วิธีตรวจสอบว่าขาดต่อภาษีรถยนต์หรือไม่

เนื่องจากการต่อภาษีรถยนต์จะต้องดำเนินการชำระเป็นรายปี จึงอาจจะทำให้เจ้าของรถยนต์บางท่านเกิดการหลงลืมไปว่า รถของเราต่อภาษีไปแล้วหรือยัง? ตามกำหนดการต้องต่อภาษีภายในวันไหน? เบื้องต้นเราสามารถเช็กได้จากป้ายภาษีรถยนต์ที่กระจกหน้ารถเพื่อดูวันสิ้นอายุที่เขียนไว้และดำเนินการต่อภาษีเมื่อใกล้ครบกำหนดได้ล่วงหน้า 3 เดือน หรือถ้าหากอยากจะทราบข้อมูลโดยละเอียดทั้งวันที่และจำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่ายก็สามารถเช็กได้ง่าย ๆ ที่ ระบบสอบถามข้อมูลค่าภาษีรถประจำปีของเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก โดยระบุเพียงประเภทรถ, จังหวัด/สาขา, เลขทะเบียนรถ และเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนผู้ครองครองก็สามารถตรวจสอบได้เลยด้วยตัวเอง ส่วนถ้าขาดต่อภาษีรถยนต์ 1 ปี หรือ ขาดต่อภาษีรถยนต์ 2 ปี ค่าปรับจะมากแค่ไหนมีข้อมูลให้อ่านกันแน่นอน

ขาดต่อภาษีรถยนต์ ขาดได้นานแค่ไหน?

อัตราโทษของการขาดต่อภาษีรถยนต์ คือ จะคิดค่าปรับในอัตราจำนวน 1% ของภาษีรถยนต์ต่อเดือน แปลว่าถ้าหากขาดต่อภาษีรถยนต์ไม่เกิน 1 เดือนยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติโดยไม่เสียค่าปรับ แต่ถ้าหากถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจระหว่างที่ภาษีขาด แม้ว่าจะขาดแค่วันเดียวแต่ก็มีโทษปรับถึง 20,000 บาท ดังนั้นการชำระล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือน หรือชำระให้ตรงเวลาจะถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดนั่นเอง

ส่วนในกรณีที่ ขาดต่อภาษีรถยนต์ 1 ปี (ไม่เกิน 2 ปี) จะต้องเสียภาษี และถูกเรียกเก็บค่าปรับย้อนหลังตามจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายทบไปทุกเดือนที่ขาดต่อภาษี และถ้า ขาดต่อภาษีรถยนต์ 2 ปี ค่าปรับก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่ยังสามารถดำเนินการต่อภาษีด้วยขั้นตอนเดิมได้ตามปกติ แต่หากว่า ขาดต่อภาษีรถยนต์ 3 ปี ขึ้นไป จะได้รับเอกสารจากกรมการขนส่งทางบกส่งมาที่บ้านว่า รถยนต์คันดังกล่าวถูกเพิกถอนทะเบียน ไม่สามารถนำรถไปใช้ได้ทุกกรณี หากถูกตรวจพบจะโดนข้อหาใช้รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียน มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หลังจากที่ได้รับเอกสารยกเลิกทะเบียนรถยนต์แล้ว เจ้าของรถจะต้องนำสมุดคู่มือและแผ่นป้ายทะเบียนไปคืนสำนักงานขนส่งที่แจ้งจดทะเบียนใช้รถคันดังกล่าวไว้ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการระงับทะเบียนภายใน 30 วัน ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับอีกไม่เกิน 1,000 บาท หลังจากนั้นก็ต้องแจ้งจดทะเบียนใหม่ พร้อมกับชำระภาษี พ.ร.บ. และค่าปรับทั้งหมดที่คำนวณมาจนถึงวันที่ดำเนินการ อีกทั้งยังต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมขนส่งเท่านั้น และจะยังใช้รถไม่ได้จนกว่าจะได้ป้ายทะเบียนที่เป็นหมวดอักษรและตัวเลขใหม่มาใส่แทนป้ายเก่า เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ยุ่งยากแนะนำว่าอย่าขาดต่อภาษีรถยนต์จะดีกว่า

เอกสารการต่อภาษีตามกำหนด และกรณีขาดต่อภาษีรถยนต์ 1 ปี หรือ ขาดต่อภาษีรถยนต์ 2 ปี

  • คู่มือจดทะเบียนรถยนต์ หรือ เล่มทะเบียนรถ ตัวจริงหรือสำเนาก็ได้ในกรณีผ่อนชำระอยู่
  • ใบกรมธรรม์ พ.ร.บ. รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ ณ วันที่ดำเนินการต่อภาษี
  • (รถอายุมากกว่า 7 ปี) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ จากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.)
  • (รถใช้ระบบแก๊ส) ใบรับรองการตรวจสภาพระบบแก๊ส โดยระบบ LPG ให้ตรวจสอบทุก 5 ปี / NGV, CNG ให้ตรวจสอบทุกปี และตรวจสอบตัวถังบรรจุแก๊ส LPG ทุก 10 ปี / NGV ทุก 5 ปี
  • (กรณีไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง) หนังสือมอบอำนาจ และ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ

เอกสารการต่อภาษี กรณีขาดต่อภาษีรถยนต์ 3 ปี (ต้องยื่นจดทะเบียนรถยนต์ใหม่)

  • คู่มือจดทะเบียนรถยนต์ หรือ เล่มทะเบียนรถ ตัวจริงหรือสำเนาก็ได้ในกรณีผ่อนชำระอยู่
  • ใบกรมธรรม์ พ.ร.บ. รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ ณ วันที่ดำเนินการต่อภาษี
  • หลักฐานการได้มาของรถ เช่น สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อ และต้องมีใบกำกับภาษีด้วย ยกเว้นรถยนต์ป้ายแดงไม่ต้องยื่นเอกสารนี้
  • ใบรับรองการตรวจสภาพรถ จากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ หรือ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตัวจริงพร้อมสำเนา
  • ใบรับรองการตรวจสภาพระบบแก๊ส สำหรับรถยนต์ระบบแก๊สทั้ง CNG, NGV และ LPG
  • หนังสือมอบอำนาจ และ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ กรณีไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง
  • หนังสือแจ้งการจำหน่ายจากบริษัทผู้ผลิตกรณีเป็นรถนำเข้า เช่น ใบรับรองการนำเข้าจากกรมศุลกากร และใบเสร็จรับเงินค่าอากรขาเข้า

วิธีต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ รถเกิน 7 ปี ต้องทำอย่างไร?

วิธีการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ทั้งรถยนต์ใหม่ และรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี สามารถทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  1. เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ E-Service กรมการขนส่งทางบก
  2. หากเป็นผู้ใช้งานใหม่ให้เลือก “ลงทะเบียนสมาชิกใหม่”
  3. จากนั้นให้กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ปัจจุบันหรือที่อยู่ส่งเอกสาร เบอร์มือถือ อีเมล์ รวมถึงตั้งรหัสผ่าน เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กดบันทึกข้อมูล
  4. เข้าสู่ระบบด้วยเลขบัตรประชาชน และรหัสผ่านที่บันทึกไว้
  5. เลือกไปที่หัวข้อ “ชำระภาษีรถประจำปี”
  6. เลือกไปที่หัวข้อ “ชำระภาษีรถประจำปีผ่านอินเตอร์เน็ต”
  7. กรอกข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ให้ครบถ้วน จากนั้นเลือกไปที่ “ลงทะเบียนรถ”
  8. กรอกข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.บ. โดยถ้าหากยังไม่ได้ซื้อ พ.ร.บ. สามารถซื้อผ่านออนไลน์ในขั้นตอนนี้ได้เลย แต่ถ้าหากว่าทำการซื้อ พ.ร.บ. ไว้แล้ว ให้เลือกไปที่ “มีแล้ว”
  9. เลือกไปที่หัวข้อ “กรอกที่อยู่ส่งเอกสาร” แล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
  10. เลือกไปที่ “เลือกวิธีการชำระเงิน” จากนั้นให้เลือกวิธีการชำระเงินที่ต้องการ ซึ่งจะมีวิธีการชำระเงินให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น หักบัญชีธนาคาร ชำระผ่านบัตรเครดิต และชำระผ่านเคาน์เตอร์บริการ
  11. ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ถูกต้อง แล้วเลือกไปที่ “ตกลง”
  12. จากนั้นให้ทำการชำระเงินตามวิธีการชำระเงินที่เลือก
  13. เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ทางกรมการขนส่งทางบกจะส่งใบเสร็จรับเงิน ป้ายภาษี ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ภายใน 3-5 วันทำการ รวมถึงหากทำการซื้อ พ.ร.บ. ก็จะได้รับกรมธรรม์ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมาให้ด้วยเช่นกัน

**กรณีที่เลือกชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์บริการ ผู้ต่อภาษีจะต้องพิมพ์ใบแจ้งชำระภาษีรถยนต์ และนำไปชำระเงินตามจุดรับชำระต่างๆ เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือตู้ ATM ของธนาคารที่ร่วมโครงการ

ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ รถเกิน 7 ปี มีข้อกำหนดอะไรบ้าง?

ถึงแม้ว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี จะสามารถต่อภาษีออนไลน์ได้แล้ว แต่ก็ยังมีเงื่อนไขและข้อกำหนดตามกฎหมายอยู่หลายข้อ ได้แก่

  • รถยนต์ที่ต้องการต่อภาษีออนไลน์จะต้องไม่ค้างชำระภาษีเกิน 1 ปี
  • รถยนต์ที่ต้องการต่อภาษีออนไลน์จะต้องเป็นรถยนต์ที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สทุกชนิด
  • รถยนต์ที่ต้องการต่อภาษีออนไลน์ต้องมีสถานะทะเบียนปกติ หรือไม่ถูกระงับทะเบียน เนื่องจากค้างชำระภาษีประจำปีนานติดต่อกันครบ 3 ปี
  • รถยนต์ที่ต้องการต่อภาษีออนไลน์ต้องไม่ใช่รถยนต์ที่ถูกอายัด
  • รถยนต์ที่ต้องการต่อภาษีออนไลน์ต้องเป็นรถยนต์ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี หรือไม่ใช่รถของหน่วยงานราชการ

รวมถึงรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปียังต้องทำการตรวจเช็คสภาพก่อนต่อภาษีเหมือนเดิม และยังสามารถชำระภาษีล่วงหน้าก่อนสิ้นอายุภาษีได้ไม่เกิน 90 วัน
จริงๆ แล้วหลักการต่อภาษีประจำปีของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี ก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ ยังคงต้องนำรถยนต์ไปตรวจสภาพก่อนต่อภาษี ต้องเตรียมสมุดเล่มทะเบียนรถหรือสำเนาเล่มทะเบียนรถ เพื่อตรวจสอบข้อมูลและส่งไปให้กับกรมการขนส่งทางบกตามปกติ เพียงแต่สามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ก็ถือว่าสะดวกสบายขึ้นในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ผู้ใดนำรถไม่มีภาษีหรือรถยนต์ทะเบียนขาดมาใช้ จะมีโทษค่าปรับภาษีรถยนต์ไม่เกิน 2,000 บาท โดยทั่วไป เจ้าของรถสามารถต่อล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน หรือ 3 เดือน ก่อนวันหมดอายุ และเมื่อต่อภาษีรถยนต์เรียบร้อย ก็จะได้รับความคุ้มครองขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว ฉะนั้นมาเพิ่มความอุ่นใจด้วยการเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณ

ท่านสามารถต่อภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดายแล้ว การทำประกันรถยนต์ออนไลน์ก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน เมื่อทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ออนไลน์ ผ่าน Rabbit Care เพราะเราเป็นโบรกเกอร์ประกันรถยนต์ที่รวบรวมเอาบริษัทชั้นนำไว้มากกว่า 30 แห่ง มีประกันรถยนต์ให้เลือกหลายหลายรูปแบบ รวมถึงยังมีสิทธิพิเศษที่รับประกันได้ว่ามากกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร หากไม่เสียภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นยังไง?

รถยนต์ไฟฟ้าได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยานพาหนะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากข้อดีในเรื่องของการใช้พลังงานสะอาดเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนตัวรถ ส่งผลให้ลดการปล่อยมลพิษสู่ภายนอก อันเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนและอีกหนึ่งมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันเป็นอย่างมากกับฝุ่น P.M. 2.5 ที่ดีกรีความรุนแรงเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน

อีกหนึ่งข้อดีที่ไม่พูดไม่ได้ของรถไฟฟ้านั้นก็คือเรื่องการประหยัดพลังงานและช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง รวมไปถึงอัตราภาษีของตัวรถที่เจ้าของต้องเสียให้กับทางกรมขนส่งทางบกก็ถือว่าต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันอยู่พอสมควร ภาครัฐที่เล็งเห็นโอกาสทองในครั้งนี้จึงไม่รอช้าที่จะลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้กันมากขึ้น ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับภาษีรถยนต์ไฟฟ้ามาเพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจใช้รถประเภทนี้กัน

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้าหรือภาษีรถ EV คือ การเสียภาษีประเภทหนึ่งที่ผู้ครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าต้องทำการชำระอย่างสม่ำเสมอตามกฎหมาย โดยปกติแล้วรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีการใช้กันในปกติทั่วไปก็จะมีการเสียภาษีด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากตัวรถยนต์ไฟฟ้ามีโครงสร้างของการขับเครื่องรวมถึงระบบการทำงานที่แตกต่างจากรถยนต์ในรูปแบบปกติจึงทำให้กรมการขนส่งทางบกมีการระบุการเสียภาษีรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาเพิ่มเติม

สำหรับเงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าหรือแม้แต่ภาษีรถยนต์ธรรมดาเองก็ตาม จะถูกทางภาครัฐนำไปเป็นเงินส่วนกลางเพื่อพัฒนาการคมนาคมภายในประเทศให้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางเท้า, การก่อสร้างถนนเส้นใหม่ ๆ หรือการปรับปรุงถนนที่มีการชำรุดให้กลับมามีคุณภาพ ทำให้เงินภาษีในส่วนนี้จะถูกนำไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อัตราภาษีรถยนต์ไฟฟ้า

ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522 ได้มีกำหนดเกี่ยวกับการเสียภาษีของรถยนต์ที่ดำเนินการด้วยกำลังไฟฟ้าไว้อย่างชัดเจน และจากในช่วงต้นที่เราได้พอเกริ่นไว้ให้ทุกคนทราบกันคร่าว ๆ แล้วว่าภาษีรถ EV กับภาษีรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงมีการเรียกเก็บที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจากกลไกการขับเคลื่อนของระหว่างรถยนต์ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ซึ่งอัตราภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้วิธีคิดโดยอิงจากตัวน้ำหนักของรถยนต์คันนั้น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถไฟฟ้าเองยังแบ่งแยกย่อยได้เป็นอีกหลายประเภท จึงส่งผลให้การเก็บภาษีรถ EV ในแต่ละชนิดมีการจัดเก็บที่แตกต่างกันไปอีก

รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลสำหรับการนั่งไม่เกิน 7

  • น้ำหนักไม่เกิน 500 กิโลกรัม : 150 บาท
  • น้ำหนัก 501 – 750 กิโลกรัม : 300 บาท
  • น้ำหนัก 751 – 1,000 กิโลกรัม : 450 บาท
  • น้ำหนัก 1,001 – 1,250 กิโลกรัม : 800 บาท
  • น้ำหนัก 1,251 – 1,500 กิโลกรัม : 1,000 บาท
  • น้ำหนัก 1,501 – 1,750 กิโลกรัม : 1,300 บาท
  • น้ำหนัก 1,751 – 2,000 กิโลกรัม : 1,600 บาท
  • น้ำหนัก 2,001 – 2,500 กิโลกรัม : 1,900 บาท
  • น้ำหนัก 2,501 – 3,000 กิโลกรัม : 2,200 บาท
  • น้ำหนัก 3,001 – 3,500 กิโลกรัม : 2,400 บาท
  • น้ำหนัก 3,501 – 4,000 กิโลกรัม : 2,600 บาท
  • น้ำหนัก 4,001 – 4,500 กิโลกรัม : 2,800 บาท
  • น้ำหนัก 4,501 – 5,000 กิโลกรัม : 3,000 บาท
  • น้ำหนัก 5,001 – 6,000 กิโลกรัม : 3,200 บาท
  • น้ำหนัก 6,001 – 7,000 กิโลกรัม : 3,400 บาท
  • น้ำหนัก 7,001 กิโลกรัมขึ้นไป : 3,600 บาท

รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลสำหรับการนั่งเกิน 7

  • น้ำหนักไม่เกิน 500 กิโลกรัม : 75 บาท
  • น้ำหนัก 501 – 750 กิโลกรัม : 150 บาท
  • น้ำหนัก 751 – 1,000 กิโลกรัม : 225 บาท
  • น้ำหนัก 1,001 – 1,250 กิโลกรัม : 400 บาท
  • น้ำหนัก 1,251 – 1,500 กิโลกรัม : 500 บาท
  • น้ำหนัก 1,501 – 1,750 กิโลกรัม : 650 บาท
  • น้ำหนัก 1,751 – 2,000 กิโลกรัม : 800 บาท
  • น้ำหนัก 2,001 – 2,500 กิโลกรัม : 950 บาท
  • น้ำหนัก 2,501 – 3,000 กิโลกรัม : 1,100 บาท
  • น้ำหนัก 3,001 – 3,500 กิโลกรัม : 1,200 บาท
  • น้ำหนัก 3,501 – 4,000 กิโลกรัม : 1,300 บาท
  • น้ำหนัก 4,001 – 4,500 กิโลกรัม : 1,400 บาท
  • น้ำหนัก 4,501 – 5,000 กิโลกรัม : 1,500 บาท
  • น้ำหนัก 5,001 – 6,000 กิโลกรัม : 1,600 บาท
  • น้ำหนัก 6,001 – 7,000 กิโลกรัม : 1,700 บาท
  • น้ำหนัก 7,001 กิโลกรัมขึ้นไป : 1,800 บาท

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล : 50 บาท
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ : 50 บาท

หากไม่เสียภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นยังไง?

นโยบายดังกล่าวช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามือใหม่ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่อาจหลงลืมไม่ชำระภาษีรถยนต์ไฟฟ้าตามกำหนดเวลา ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรลืมเด็ดขาด เพราะถ้าหากคุณไม่ยื่นเสียภาษีรถยนต์ไฟฟ้าตามที่กำหนดไว้ นอกจากจะต้องเสียค่าปรับตามที่กรมการขนส่งทางบกแจ้งไว้แล้ว ก็จะทำให้คุณมีปัญหาด้านเอกสารอื่นๆ เมื่อต้องการต่อภาษีรถยนต์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประวัติไม่ดีติดตัว ทำให้นอกจากค่าปรับที่อาจจะต้องเสียเพิ่ม ก็อาจถูกระงับทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าได้อีกด้วย

ดังนั้นเพื่อที่จะได้ขับรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนโดยไร้ปัญหา ทุกคนต้องอย่าลืมชำระภาษีรถยนต์ไฟฟ้าตามกำหนดเวลาด้วย สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสียภาษีรถยนต์ไฟฟ้าได้กับกรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้แล้วเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และป้องกันค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่อาจเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ประกันรถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพียงเลือกแพ็คเกจประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับตัวคุณผ่านทาง แรบบิท แคร์ ซึ่งรวบรวมประกันรถยนต์จากบริษัทประกันชั้นนำทั่วประเทศไทยเอาไว้แล้วในเว็บไซต์ จะช่วยอำนวยความสะดวกของคุณ ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ไปได้อีกหนึ่งขั้น

ประกันรถยนต์แต่ละประเภท

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา