ประกันรถยนต์กับการต่อทะเบียนรถยนต์เหมือนกันไหม?
สำหรับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้น ไม่เหมือนกับการต่อทะเบียนรถยนต์ และเป็นคนละส่วนกับ การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ เบื้องต้นเราสามารถสรุปความแตกต่างที่เข้าใจกันได้ง่าย ๆ ดังนี้
ต่อทะเบียนรถยนต์ คือ คือการนำรถยนต์มาตรวจสภาพรถ พร้อมเสียภาษีสำหรับรถยนต์เป็นประจำในทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เป็นเจ้าของรถต้องทำตามตามกฎหมาย โดยเงินภาษีที่จ่ายไป ทางหน่วยงานของรัฐบาลจะนำไปใช้เป็นงบประมาณต่าง ๆ บนท้องถนน เช่น สร้างถนน หรือปรับปรุงเส้นทางการเดินทางต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมื่อหลังจากวิธีต่อทะเบียนรถยนต์เรียบร้อย เจ้าของรถจะได้รับป้ายภาษี หรือป้ายวงกลม (ป้ายสี่เหลี่ยม) ที่แสดงวันที่หมดอายุชัดเจน และการไม่นำรถไปต่อทะเบียน อาจเกิดผลเสียด้านกฎหมายได้
พ.ร.บ รถยนต์ จะเป็นกฎหมายที่บังคับให้รถทุกคันต้องทำประกันรถยนต์ภาคบังคับ เพื่อให้เกิดความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น และผู้มีรถจะต้องต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ทุกปี ซึ่งประกันรถภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. รถยนต์ นี้ ก็จะแตกต่างจากประกันรถภาคสมัครใจในเรื่องความคุ้มครอง และอิสระในการเลือกทำนั่นเอง
ถ้าไม่ไปต่อทะเบียนรถยนต์ตามระยะเวลา จะมีโทษอะไรบ้างไหม?
ในกรณีที่ลืมต่อทะเบียนรถยนต์อาจจะโดนปรับ หรือถ้าลืมต่อทะเบียนรถยนต์เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจต้องโทษทางกฎหมาย ดังนี้
เสียค่าปรับ 1% ของภาษีรถยนต์ต่อเดือน ยิ่งปล่อยไว้นาน ค่าปรับก็จะยิ่งเพิ่ม นอกจากค่าปรับแล้ว การไม่ต่อภาษีรถยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมายที่คุณอาจคาดไม่ถึง เช่น ค่าตรวจสภาพ, ค่าป้ายใหม่ เป็นต้น นี่ยังไม่รวมไปถึงค่าเดินทางไป ๆ มา ๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการที่เราไปต่อภาษีแน่นอน
ในกรณีที่เราไม่ได้ทำการต่อทะเบียนเกิน 3 ปี ทางขนส่งจะดำเนินการระงับป้ายทะเบียนของเราทันที หากจะใช้รถคันเดิมจะต้องดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนรถใหม่พร้อมคืนป้ายทะเบียน รวมถึงดำเนินการชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลัง
สรุปแล้ว หากจะให้ประหยัดเงิน และเวลามากที่สุด วิธีต่อทะเบียนรถยนต์ที่ดี คือการต่อเป็นประจำทุกปีอย่างสม่ำเสมอ เป็นเรื่องที่คุณไม่ควรมองข้าม ในกรณีที่กลัวว่าไม่มีเวลา การต่อทะเบียนรถออนไลน์จะเป็นหนทางที่น่าสนใจมาก
มีวิธีต่อทะเบียนรถยนต์มีกี่ช่องทาง สามารถต่อทะเบียนรถออนไลน์ได้ไหม?
เบื้องต้นแล้ว เราสามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้ล่วงหน้า 3 เดือน โดยมีวิธีต่อทะเบียนรถยนต์ได้ จะต้องเตรียมเอกสารสำหรับการต่อทะเบียนรถออนไลน์และแบบต่อทะเบียนเอง ดังนี้
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา
- เอกสาร พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป )
- เงินสำหรับอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522
หลังจากที่นำรถไปตรวจสภาพ (รถที่มีอายุเกิน 7 ปี) และมี พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นเสียภาษีประจำปีได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือจะเป็นช่องทางอื่น ๆ ที่เปิดให้เข้าไปยื่นเสียภาษีได้ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลากหลายช่องทาง ดังนี้
- สำนักงานขนส่งทางบก (ต่อทะเบียนรถได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องไปต่อที่จังหวัดที่จดทะเบียน)
- ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ
- เคาน์เตอร์เซอร์วิส
- ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่รับต่อทะเบียนรถยนต์ ได้แก่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์สาขาที่ร่วมรายการ, พาราไดซ์ พาร์ค, เซ็นทรัลสาขาที่ร่วมรายการ,เดอะมอลล์ งามวงศ์วานและศูนย์บริการร่วมคมนาคมเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน
- จุดบริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru For Tax) ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 5
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ตู้รับชำระภาษีและต่อทะเบียนรถประจำปีอัตโนมัติ
กรณีที่ต้องการต่อทะเบียนรถออนไลน์ สามารถต่อได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก eservice.dlt.go.th และแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax
หากรถอายุเกิน 7 ปี จะไม่สามารถต่อทะเบียนรถออนไลน์ได้ และต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถจากสถานที่ตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่รับรองโดยกรมขนส่ง ซึ่งจะตรวจความพร้อมของสัญญาณไฟ สภาพการเบรก ตรวจควันดำเสียก่อน
สำหรับการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี ทุก ๆ ปีเจ้าของรถจะต้องดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ หรือต่อทะเบียนรถ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2562 ซึ่งในหมวด 3 ข้อที่ 17 ระบุไว้ว่า รถทุกคันที่จดทะเบียนแล้ว ต้องเสียภาษีรถประจำปี เว้นแต่รถที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีประจำปี
โดยเอกสารของการต่อทะเบียนออนไลน์และภาษีรถ ในกรณีที่ต่อทะเบียนรถออนไลน์สามารถรอรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ได้ภายใน 5 วัน ทำการนับจากวันชำระเงิน แต่ในกรณีที่เดินทางไปติดต่อ
นอกจากรถยนต์สภาพเกิน 7 ปี เงื่อนไขอะไรอีกบ้าง ถึงสามารถต่อทะเบียนรถออนไลน์ได้?
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น มีข้อกำหนดว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์เกิน 5 ปี จะไม่สามารถต่อทะเบียนรถออนไลน์ได้ เพราะตามกฎหมายบังคับให้ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถเพื่อยืนยันว่ารถยังมีสภาพดี สามารถใช้งานได้จริงอยู่ นอกจากนี้ เงื่อนไขของรถที่เราสามารถต่อทะเบียนรถออนไลน์ได้ มีดังนี้
- ต้องเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน, รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน, รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์
- รถไม่เคยค้างชำระภาษีไม่เกิน 1 ปี
- รถยนต์ที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สทุกชนิด
- รถทุกจังหวัดที่มีสถานะทะเบียนปกติ หรือไม่ถูกระงับทะเบียนเนื่องจากค้างชำระภาษีประจำปี ติดต่อกันครบ 3 ปี
- ต้องเป็นรถที่ไม่ถูกอายัด
- ต้องเป็นรถที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี หรือไม่ใช่รถของหน่วยงานราชการ
หากต้องตรวจสภาพรถเพื่อต่อทะเบียน จะเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด?
ในกรณีที่รถของคุณมีอายุการใช้เงินเกินระยะเวลาที่กำหนดตามข้างต้นได้กล่าวไว้ จะต้องมีการตรวจสภาพรถ โดยสามารถตรวจได้ที่สถานตรวจเอกชน (ตรอ.) ทุกแห่ง ที่ได้การรับรองจากกรมการขนส่งทางบก รวมถึงที่กรมขนส่งทางบกทุกแห่ง ส่วนอัตราค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับรถยนต์ ขึ้นอยู่กับประเภทรถ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท
นอกจากนี้จะมีรถบางประเภทที่ไม่สามารถตรวจสภาพได้ที่ ตรอ. ของเอกชน ต้องนำไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ได้แก่
- รถที่ดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้
- รถที่เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมุดคู่มือทะเบียนรถ เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์, เปลี่ยนลักษณะรถ, เปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
- รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ เช่น ไม่ปรากฏตัวเลข, ตัวเลขชำรุด หรือมีร่องรอยการแก้ไข, ขูด, ลบ หรือลบเลือน จนไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ เป็นต้น
- รถที่เจ้าของได้แจ้งการไม่ใช้ชั่วคราว หรือแจ้งการไม่ใช้รถตลอดไปไว้
- รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001, กทจ-0001 เป็นต้น ซึ่งรถดังกล่าวต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่เมื่อมีการนำมาเสียภาษีประจำปี
- รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
- รถที่ได้สิ้นอายุภาษีประจำปี (ขาดต่อทะเบียน) เกิน 1 ปี
ต่อทะเบียนรถยนต์ใช้อะไรบ้าง
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา
- เอกสาร พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (เฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไปหรือรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป)
- เงินค่าต่อทะเบียนรถตามอัตราที่กำหนด
ต่อทะเบียนรถยนต์กี่บาท
1. การคำนวณราคาต่อทะเบียนรถยนต์สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป
สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีที่นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง (ป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือดำ) เช่น รถเก๋ง การคำนวณราคาต่อทะเบียนจะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ (ซีซี) โดยมีอัตราการคำนวณดังนี้:
- 600 ซีซีแรก คิดอัตราซีซีละ 50 สตางค์
- 601–1,800 ซีซี คิดอัตราซีซีละ 1.50 บาท
- ตั้งแต่ 1,801 ซีซีขึ้นไป คิดอัตราซีซีละ 4 บาท
นอกจากนี้ รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป จะได้รับส่วนลดค่าต่อทะเบียนตามอัตราดังต่อไปนี้:
- รถยนต์อายุเกิน 6 ปี ลดราคาลง 10%
- รถยนต์อายุเกิน 7 ปี ลดราคาลง 20%
- รถยนต์อายุเกิน 8 ปี ลดราคาลง 30%
- รถยนต์อายุเกิน 9 ปี ลดราคาลง 40%
- รถยนต์อายุเกิน 10 ปี ลดราคาลง 50%
2. การคำนวณราคาต่อทะเบียนรถบรรทุกส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง
สำหรับรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ รถบรรทุกส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง (ป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีเขียว) เช่น รถกระบะ 2 ประตู รถบรรทุก หรือ รถตู้ขนส่งสินค้า จะมีวิธีคิดคำนวณค่าต่อทะเบียนรถยนต์ตามน้ำหนักรถยนต์
- น้ำหนักรถ 0-500 ราคา 300 บาท
- น้ำหนักรถ 501- 750 กก. ราคา 450 บาท
- น้ำหนักรถ 751 – 1,000 กก. ราคา 600 บาท
- น้ำหนักรถ 1,001 – 1,250 กก. ราคา 750 บาท
- น้ำหนักรถ 1,251 – 1,500 กก. ราคา 900 บาท
- น้ำหนักรถ 1,501 – 1,750 กก. ราคา 1,050 บาท
- น้ำหนักรถ 1,751 – 2,000 กก. ราคา 1,350 บาท
- น้ำหนักรถ 2,001 – 2,500 กก. ราคา 1,650 บาท
- น้ำหนักรถ 2,501 – 3,000 กก. ราคา 1,950 บาท
3. การคำนวณราคาต่อทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง
ในส่วนของรถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง เช่น รถตู้ (ป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีน้ำเงิน) ก็จะมีวิธีคำนวณต่อทะเบียนตามน้ำหนักเช่นกัน แต่คนละอัตรา ดังนี้
- น้ำหนักรถไม่เกิน 1,800 กก. ราคา 1,300 บาท
- น้ำหนักรถเกิน 1,800 กก. ราคา 1,600 บาท
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
- เข้าไปที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก ที่ https://eservice.dlt.go.th (สำหรับผู้ที่ใช้บริการออนไลน์ครั้งแรก จะต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้งานก่อน)
- เลือกเมนู ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี
- กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถและดำเนินการยื่นชำระภาษี
- กรอกข้อมูลหลักฐานการเอาประกัน ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หรือสามารถซื้อประกันจากระบบได้
- เลือกช่องทางการชำระเงิน ซึ่งมีหลายวิธีให้เลือก เช่น การหักบัญชี, บัตรเครดิตหรือเดบิต, เคาน์เตอร์บริการต่าง ๆ หรือผ่านตู้ ATM ของธนาคารที่ร่วมรายการ
- เมื่อชำระเงินเสร็จสิ้น กรมการขนส่งทางบกจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินและป้ายต่อทะเบียนรถยนต์อันใหม่ไปทางไปรษณีย์
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax จาก App Store หรือ Google Play
- ลงทะเบียนสำหรับผู้ใช้ครั้งแรก โดยกรอกชื่อ-นามสกุล, อีเมล, เลขประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์
- กดปุ่ม กดเพื่อรับรหัส OTP และกรอกรหัส OTP ที่ได้รับทางอีเมล จากนั้นกดยืนยัน
- ตั้งรหัส PIN 6 หลัก เพื่อใช้ในการเข้าสู่ระบบครั้งถัดไป
- สำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้วหรือทำการลงทะเบียนเสร็จสิ้น สามารถเข้าสู่เมนู ชำระภาษีรถ
- เลือกรูปแบบการชำระภาษี
- กรอกข้อมูลหมายเลขบัตรประชาชน หรือเลขทะเบียนนิติบุคคลของผู้ครอบครองรถ
- เลือกประเภทรถ ที่ต้องการชำระภาษีและกรอกข้อมูลทะเบียนรถ
- กรอกข้อมูลประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.
- เลือกวิธีการรับเครื่องหมายการเสียภาษีรถประจำปี ทางไปรษณีย์หรือรับที่ตู้ Kiosk (เฉพาะในกรุงเทพมหานคร)
- เลือกช่องทางการชำระเงิน ผ่าน SCB Easy App หรือ QR ชำระเงิน
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
การต่อทะเบียนรถยนต์สามารถทำได้ที่สำนักงานขนส่ง ซึ่งมีสาขาอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ข้อดีของการต่อภาษีที่สำนักงานขนส่ง คือ คุณสามารถใช้บริการได้ข้ามจังหวัด โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการในจังหวัดที่รถของคุณจดทะเบียนไว้เท่านั้น นอกจากนั้น ยังไม่มีค่าดำเนินการเพิ่มเติมอีกด้วย โดยแต่ละสำนักงานขนส่งจะเปิดให้บริการวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ที่ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ
ปัจจุบันสามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ โดยจะรับต่อทะเบียนรถทุกประเภทยกเว้นรถที่ยังผ่อนไม่หมด โดยจะมีค่าดำเนินการ 40 บาท ให้บริการวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08.00 - 18.00 น. และวันเสาร์ - วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดชดเชย เวลา 09.00 - 17.00 น.
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ที่ที่ห้างสรรพสินค้า
การต่อทะเบียนรถยนต์สามารถทำได้ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” โดยมีสาขาของห้างสรรพสินค้าที่พร้อมให้บริการดังนี้
- ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 09.00 - 17.00 น. ที่สาขาลาดพร้าว,
- รามอินทรา, รัชดาภิเษก, บางปะกอก, เพชรเกษม, สุขาภิบาล 3, อ่อนนุช, แจ้งวัฒนะ, สำโรง, บางบอน, สุวินทวงศ์, สมุทรปราการ, บางใหญ่ และบางนา
- ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น.
- ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 11.00 - 18.00 น.
- ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เปิดให้บริการวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่สาขาศาลายา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต
- เดอะมอลล์ เปิดให้บริการวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่สาขางามวงศ์วาน
- ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน เปิดให้บริการวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08.30 - 15.00 น.
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ที่ ธ.ก.ส.
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั่วประเทศก็มีให้บริการต่อทะเบียนรถยนต์ โดยจะต้องเป็นรถยนต์ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระภาษีไม่เกิน 1 ปี หรือมีภาษีค้างชำระเกิน 1 ปีแต่นายทะเบียนได้ประกาศยกเว้นการตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี นอกจากนั้น ยังยื่นขอเสียภาษีล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันครบกำหนดเสียภาษีเว้นแต่เป็นรถที่มีภาษีค้างชำระให้สามารถยื่นได้ทันที
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส
ปัจจุบันสามารถรับบริการต่อทะเบียนรถยนต์ได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 07.30 - 15.30 น. และจะมีค่าบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส 20 บาท พร้อมค่าจัดส่งป้ายต่อภาษีรถยนต์ 40 บาท โดยจะได้รับป้ายต่อทะเบียนทางไปรษณีย์ภายใน 10 วันนับจากวันที่ชำระเงินตามที่อยู่ที่ระบุ
วิธีการต่อทะเบียนรถยนต์ผ่านแอปฯ mPay และ TrueMoney Wallet
รถยนต์ที่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน mPay และ TrueMoney Wallet จะต้องเป็นรถที่ไม่มีภาษีค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 1 ปี ไม่ถูกอายัดทะเบียน ไม่ใช่รถที่ใช้ก๊าซ หรือไม่ได้ดัดแปลงหรือแต่งรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ โดยเจ้าของรถสามารถต่อทะเบียนได้โดยการสแกนบาร์โค้ดบนหนังสือเรียกชำระภาษีรถยนต์และส่งเอกสารต่างๆ เพื่อต่อทะเบียนรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชั่นได้ทันที
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท