โปรโมชัน
ข้อกำหนดและเงื่อนไข
- สำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ) กับ บริษัท แรบบิท แคร์ โบรคเกอร์ จำกัด (“แรบบิท แคร์”) รับสิทธิ์ซื้อกล้องติดรถยนต์ Xiaomi Dash Cam 2 ในราคา 2,990 บาท (“กล้อง”) และรับแคชแบ็คเป็นบัตรกำนัล Big C มูลค่า 1,500 บาท เมื่อทำการซื้อกล้องสำเร็จ
โปรโมชั่นส่งเสริมการขายนี้สามารถใช้ได้กับการชำระเงินแบบจ่ายงวดเดียวเท่านั้น - โปรโมชั่นส่งเสริมการขายนี้ไม่สามารถ โอน ขาย แลกเปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้
- แรบบิท แคร์ จะจัดส่งกล้องให้กับลูกค้า ผ่านทางขนส่ง Kerry ภายใน 3 วันทำการ หลังจากวันที่แรบบิท แคร์ได้รับชำระเงินเรียบร้อยแล้ว
- กล้องรับประกันโดย Xiaomi Technology (Thailand) Limited (ศูนย์ไทย) 1 ปี
- เงื่อนไขการรับประกันกล้องเป็นไปตามภายใต้นโยบายและเงื่อนไขตามที่ Xiaomi Technology (Thailand) Limited กำหนดเท่านั้น สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่
- แรบบิท แคร์ จัดส่งบัตรกำนัล Big C มูลค่า 1,500 บาท ให้กับลูกค้า ผ่านทาง SMS ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุในการสมัครทำประกันภัยภายใน 7-14 วันทำการ หลังจากวันที่แรบบิท แคร์ได้รับชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เงื่อนไขการใช้บัตรกำนัล Big C เป็นไปตามที่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กำหนดเท่านั้น
- เงื่อนไขบริการส่งเสริมการขายนี้เป็นไปตามที่แรบบิท แคร์ กำหนด
ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการเคลมสินค้า
- กรณีกล้องมีตำหนิ เสียหาย หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ที่ลูกค้าได้รับกล้อง ลูกค้าสามารถติดต่อกลับทางแรบบิท แคร์ ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่กล้องส่งถึงลูกค้า หากเกินจากวันเวลาดังกล่าวแล้ว แรบบิท แคร์ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับคืนกล้องทุกกรณี ช่องทางการติดต่อ โทร. 1438 หรือ 02-022-1222 (ให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 - 21.00 น.)
- กรณีกล้องเสียหาย หรือไม่สามารถใช้งานได้ปกติหลังจากที่มีการใช้งานแล้ว หรือเกินระยะเวลา 7 วัน ตามข้อ 1 ลูกค้าสามารถส่งกล้องซ่อมได้ ภายในระยะเวลาการรับประกันตามข้อ 3 โดยลูกค้าสามารถแจ้งส่งกล้องซ่อมได้ที่นี่
- กล้องรับประกันโดย Xiaomi Technology (Thailand) Limited (ศูนย์ไทย) 1 ปี
- เงื่อนไขการรับประกันกล้องเป็นไปตามภายใต้นโยบายและเงื่อนไขตามที่ Xiaomi Technology (Thailand) Limited กำหนดเท่านั้น สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่
- แรบบิท แคร์ขอสงวนสิทธิ์ในการเคลมกล้องที่แรบบิท แคร์เป็นผู้จัดส่งเท่านั้น โดยกล้องต้องเป็นรุ่นเดียวกัน มีอุปกรณ์ครบ และกล่องอยู่ในสภาพสมบูรณ์เท่านั้น
- เงื่อนไขการคืนกล้องนี้ไม่ครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานของลูกค้าเองเช่น ตกกระแทกแตกหักหลังจากที่ลูกค้าเปิดกล่องพัสดุแล้ว
- กล้องนี้ไม่มีการ์ดความจำมาให้ กล้องรุ่นนี้รองรับ Micro SD Card Class 10 ขึ้นไป หน่วยความจำสูงสุด 128GB
เงื่อนไขการใช้บัตรกำนัล Big C (E-Coupon)
- ต้องแสดงสิทธิ์ก่อนใช้บริการโดยแสดง Barcode หรือ QR Code บนหน้าจอมือถือกับพนักงาน
- ไม่รับ Barcode หรือ QR Code ส่วนลดจากการถ่ายภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หรือการทุจริตใดๆเพื่อนำมาซึ่งการได้สิทธิ์
- Code ส่วนลดสามารถใช้ได้เพียง 1 ส่วนลด /1 ใบเสร็จ
- สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้
- สิทธิพิเศษนี้สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆ ได้ กรณีที่ผู้ร่วมกิจกรรมแลกรางวัลแล้วแต่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ดังกล่าว จะไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นของรางวัลหรือเงินสด หรือสิทธิอื่นได้
- รหัสที่หมดอายุจากการไม่ได้นำมาใช้แสดงสิทธิ์จะถือว่าสละสิทธิ์
- คูปองส่วนลดเงินสดนี้ชำระสินค้าที่บิ๊กซี และ บิ๊กซีมินิ ทุกสาขาทั่วประเทศ
- ยกเว้นการซื้อสินค้าประเภท แอลกอฮอลล์, บุหรี่, นมผงดัดแปลงสูตรพิเศษ, บัตรกำนัล, บัตรของขวัญ, บัตรเติมเงินมือถือ, บิลเพย์เม้นท์, ชำระเงินมัดจำร้านแว่น, ร้านค้าในพลาซ่า, ศูนย์อาหาร, ร้านเวชภัณฑ์, สินค้าผ่อนชำระ และการชำระผ่านซัมซุงเพย์
- คูปองส่วนลดเงินสดนี้ไม่สามารถใช้เป็นส่วนลดค่าสินค้าบนเว็บไซต์บิ๊กซี
- กรณีลูกค้าขอคืนสินค้าที่ใช้คูปองเป็นส่วนลดแล้ว ลูกค้าจะได้รับคืนเฉพาะส่วนที่ชำระจริง (ไม่คืนคูปองและยอดซื้อที่เกิดจากการใช้คูปอง)
- หากพบปัญหาจากการใช้งาน ให้ลูกค้าติดต่อตามช่องทางที่ปรากฏของแอปพลิเคชั่น หรือ ไลน์ ที่ลูกค้าได้ส่วนลดนั้น
กล้องติดรถยนต์ ไอเทมไม่ลับที่ควรมีอยู่บนรถทุกคัน!
ทุกวันนี้นักขับหลายคนหันมาให้ความสำคัญกับกล้องติดรถยนต์กันมากขึ้น เพราะด้วยประโยชน์ที่มีมากมาย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพง แค่จ่ายเงินซื้อหลักพันต้น ๆ ก็ได้กล้องติดรถดี ๆ มาใช้งานแล้ว แต่ถ้าใครยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อกล้องติดรถยนต์ดีไหม เราจะบอกคุณประโยชน์ของกล้องติดรถให้คุณลองตัดสินใจดังนี้
ข้อดีของกล้องติดรถยนต์มีอะไรบ้าง?
กล้องติดรถยนต์แม้เป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่กฎหมายไม่ได้บังคับให้รถทุกคันต้องติด แต่เราขอบอกเลยว่ากล้องติดรถยนต์นั้นมีประโยชน์และจะช่วยคุณยามขับขี่ได้จริง ตามเหตุผลดังนี้
1. กล้องติดรถยนต์จะช่วยเป็นหลักฐานสำคัญเมื่อคุณเกิดอุบัติเหตุบนถนน
"อุบัติเหตุ" มักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน แม้ว่าคุณจะขับรถดีหรือระวังตัวมากแค่ไหนก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนถนนได้ทั้งสิ้น และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ต้องมีผู้เสียหาย มีผู้รับเคราะห์ หรือบางครั้งอาจบานปลายกลายเป็นคดีความเสียด้วยซ้ำ การเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้งแม้ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกแต่ถ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ก็อาจทำให้แพ้คดีความได้ ดังนั้นการติดกล้องรถยนต์จะเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณในกรณีที่เป็นฝ่ายถูกได้ เนื่องจากตัวกล้องติดรถยนต์จะบันทึกภาพต่าง ๆ ระหว่างการเดินทาง หากเกิดเหตุรถชนขึ้นมาภาพวีดีโอเหล่านี้ก็จะบอกถึงลักษณะการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องดิ้นรนหาหลักฐานด้วยหนทางอื่น
2. กล้องติดรถยนต์จะช่วยคุณหากโดนชนแล้วหนี
อย่างที่กล่าวไปว่ากล้องติดรถยนต์จะบันทึกภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมเวลาที่รถคุณจอดอยู่เฉย ๆ หากคุณโดนคู่กรณีชนแล้วหนี ก็มีโอกาสที่กล้องติดรถยนต์ถ่ายติดเลขทะเบียน ยี่ห้อรถ รุ่นรถ และสีรถของคู่กรณี ทำให้เรานำส่งเป็นหลักฐานให้ตำรวจช่วยตามจับได้
3.กล้องติดรถยนต์ช่วยป้องกันมิจฉาชีพ และคู่กรณีหัวร้อน
ตามที่เราเห็นในข่าวทุกวันว่ามีคดีโจรทุบรถเอาของมีค่าไปบ่อยครั้ง การติดกล้องก็จะช่วยเราสามารถจับโจรได้ง่ายขึ้นเพราะกล้องจะบันทึกรูปพรรณสัณฐานคนร้าย ส่วนมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบอื่น ๆ เช่น แก๊งปาหิน แก๊งกระโดดให้ตั้งใจชนเพื่อเรียกค่าเสียหาย แก๊งปล้นทำร้ายรถขับรถ หากมีการบันทึกได้ก็จะช่วยในการตามจับคนร้ายได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการถูกทำร้ายจากคู่กรณีหัวร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะคนสมัยนี้มักกลัวกล้องบันทึกพฤติกรรมต่าง ๆ
4. ติดกล้องหน้ารถ ลดเบี้ยประกันภัยได้
ตามหลักเกณฑ์ที่ คปภ. กำหนดให้รถยนต์ทุกคันที่ติดกล้องรถยนต์จะช่วยลดเบี้ยประกันภัยได้ ทำให้คุณประหยัดค่าประกันภัยในแต่ละปีมากขึ้นนั่นเอง ส่วนการใช้สิทธิ์ขอส่วนรถติดกล้องนั้น ก็ให้คุณแจ้งไปยังบริษัทประกันภัยได้เลยว่าคุณมีกล้องหน้า แค่นี้เบี้ยประกันของคุณก็จะถูกลงแล้ว
5. กล้องติดรถยนต์ช่วยจดจำเส้นทาง
ในบางครั้งเราอาจมีความจำเป็นที่ต้องขับรถไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หากเราหลงทางขึ้นมาเราสามารถเปิดกล้องดูบันทึกภาพได้ว่าเราขับผ่านเส้นทางไหนมาบ้าง ซึ่งเราสามารถจำจุดสังเกตต่าง ๆ แล้วขับย้อนไปทางเดิมได้ นอกจากนี้กล้องหน้ารถยังใช้เป็นอุปกรณ์บันทึกการเดินทาง เผื่อคุณนำไปเป็น Footage สร้างคลิป VDO การเดินทางของคุณ
กล้องติดรถยนต์ ราคาเท่าไหร่ ซื้อได้ที่ไหน?
คุณสามารถซื้อกล้องติดรถได้ตามร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ร้านคาร์แคร์ต่าง ๆ ไปจนถึงสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ตามช่องทางเว็บไซต์ Facebook page รวมแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada ซึ่งคุณสามารถเลือกซื้อได้ตามความสะดวกของคุณ ส่วนราคาของกล้องติดรถยนต์นั้นจะมีขายตั้งแต่ 800 บาท ไปจนถึงรุ่นระดับไฮเอ็นด์ราคา 8,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งราคาจะขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ความละเอียดของการบันทึกภาพ VDO ยิ่งภาพละเอียดมากก็จะทำให้บันทึกภาพเหตุการณ์ชัดขึ้น
- ค่ารูรับแสง หากกล้องมีค่ารูรับแสงมาก ภาพก็จะสว่าง เห็นชัดมากขึ้น
- เฟรมเรท หากกล้องมีเฟรมรถมาก (ควรอยู่ที่ 30 เฟรมเรทต่อวินาที) การเคลื่อนไหวของภาพก็จะสมูทยิ่งขึ้น
- ความจุของกล้อง ยิ่งกล้องที่มีเมมโมรี่มาก ก็จะดูภาพย้อนหลักได้ไกลขึ้น
- เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่นระบบบันทึกภาพเวลากลางคืน ระบบปรับจุดโฟกัส เป็นต้น
สรุปแล้วเราควรสำรวจตนเองก่อนว่าจะใช้งานในลักษณะไหน แล้วเลือกกล้องติดรถยนต์ที่เหมาะสมในราคาที่สมเหตุสมผลและคุณจ่ายไหว
ซื้อกล้องติดรถยนต์รุ่นไหน/ยี่ห้อไหนดี
ปิดท้ายนี้ขอแนะนำรุ่นและยี่ห้อของกล้องติดรถยนต์กันสักหน่อย ซึ่งเราได้รวบรวมกล้องติดรถยนต์รุ่นยอดฮิตประจำปี 2022-2023 มาให้แล้วดังนี้
- 70mai M300 ราคา 1,500 บาท
- Dengo Night Light ราคา 1,500 บาท
- Aston Ultimate X WiFi ราคา 2,000 บาท
- Transcend DrivePro 250 ราคา 4,000 บาท
- 70mai A800S ราคา 4,000 บาท
- Anytek A16 ราคา 4,500 บาท
- Proof PF830 Dual ราคา 7,000 บาท
- DCAM Pro3 Dual ราคา 2,500 บาท
- Transcend DrivePro 110 3,000 บาท
กฎหมาย กล้องหน้ารถยนต์ ถ่ายติดคนผิด PDPA หรือไม่?
จากกฎหมาย PDPA ที่เพิ่งออกมาทำให้หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับกฎหมาย กล้องหน้ารถยนต์ว่าจะผิดหรือไม่ถ้าถ่ายติดคน ซึ่งเราสรุปให้ว่า "ขึ้นกับเจตนาของผู้ใช้งาน" หากเรานำไปบันทึกภาพเหตุการณ์การเดินทางเพื่อเป็นหลักฐาน และใช้เพื่อยืนยันความปลอดภัย ไม่ได้ตั้งใจนำไปเผยแพร่ให้คนอื่นเสียหายก็ไม่ผิดกฎหมาย PDPA นั่นเอง ส่วนกรณีที่ถ่ายติดคนกระทำความผิดเราจะไม่สามารถนำไปเผยแพร่ตามที่สาธารณะเองได้เพราะเสี่ยงถูกฟ้อง แต่ถ้าใช้เป็นหลักฐานกับทางตำรวจก็จะไม่เป็นความผิด สรุปแล้วคือไม่ต้องกังวลเรื่องผิดกฎหมายให้ซื้อกล้องติดรถยนต์มาใช้งานได้เลยแต่อย่านำไปเผยแพร่ในพื้นที่สาธารณะ แต่ให้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดทางกฎหมายนั่นเอง
จะเห็นได้ว่ากล้องติดรถยนต์นั้นมีประโยชน์มากมาย และการติดกล้องหน้ารถ ลดเบี้ยประกันได้ด้วยซึ่งแรบบิท แคร์ ก็มีประกันรถยนต์ที่มอบส่วนลดให้ผู้ติดกล้องด้วย เปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ราคาโดนใจ พร้อมส่วนลดแบบจัดหนัก ใช้บริการแรบบิท แคร์
ติดกล้องหน้ารถ ลดเบี้ยประกันได้เท่าไหร่?
ประกาศของ คปภ. เรื่องกล้องติดรถยนต์ กำหนดให้ผู้ที่มีกล้องติดรถยนต์จะได้รับส่วนลดประกันรถยนต์ได้มากสูงสุดถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประกาศนี้มีผลตั้งแต่ 3 มีนาคม 2560 เป็นต้นมา
สาเหตุการประกาศลดราคาประกันภัยจากการติดกล้องนี้ สืบเนื่องมาจากทาง คปภ. ต้องการสร้างวินัยในการขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ ตลอดจนลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพราะสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเกิดจากการขับขี่ที่ไม่เคารพกฎจราจร ดังนั้นกล้องติดรถจะเป็นหลักฐานบันทึกเหตุการณ์ที่ดีที่สุดบนท้องถนน หากมีอุบัติเหตุหรือภยันตรายต่าง ๆ เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อบริษัทประกันภัย เพราะภาพวีดีโอจะทำให้ทางบริษัทพิจารณาเคลมได้ง่าย ลดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ และในท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการประกันภัยก็หนีไม่พ้นกับตัวผู้ทำประกันเอง
สำหรับการขอส่วนลดประกันภัยรถยนต์จากการติดกล้องนั้น ผู้ขับขี่สามารถซื้อกล้องมาติดที่รถยนต์ตนเองได้เลย แล้วพอจะต่ออายุหรือทำประกันรถยนต์ฉบับใหม่ ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประกันไปได้เลยว่ารถยนต์ของเรามีกล้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำเรื่องขอส่วนลดค่าเบี้ยให้กับผู้ที่ทำประกัน
สำหรับราคาส่วนลดประกันภัยจากการมีกล้องติดรถยนต์นั้นจะมีตัวอย่างการคำนวณส่วนลดดังนี้
กรณีที่ 1 หากคุณขับรถ Honda Civic และทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคา 20,000 บาท คุณจะจ่ายเพียง 18,000 บาท
กรณีที่ 2 หากคุณขับรถ Honda Jazz และทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ราคา 8,000 บาท คุณจะจ่ายเพียง 7,200 บาท
กรณีที่ 3 หากคุณขับรถ Nissan March และทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ ราคา 6,000 บาท คุณจะจ่ายเพียง 5,400 บาท
สรุปแล้วไม่ว่าจะทำประกันภัยชั้นไหนก็ได้ส่วนลดของกล้องติดรถยนต์ได้หมด ทางที่ดีเราแนะนำว่าให้ติดกล้องไว้ก่อน เพราะนอกจากความอุ่นใจแล้วยังช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้ ซึ่งบอกตามตรงว่าบริษัทประกันภัยก็ชอบรถที่ติดกล้องด้วยนะ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะช่วยในการทำเรื่องเคลม และระบุหาตัวผู้ถูก-ผิดง่ายขึ้นด้วย
จะเห็นได้ว่ากล้องติดรถยนต์นั้นมีประโยชน์มากมาย และการติดกล้องหน้ารถ ลดเบี้ยประกันได้ด้วยซึ่งแรบบิท แคร์ ก็มีประกันรถยนต์ที่มอบส่วนลดให้ผู้ติดกล้องด้วย เปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ราคาโดนใจ พร้อมส่วนลดแบบจัดหนัก ใช้บริการแรบบิท แคร์
กล้องติดหน้ารถยนต์ คืออะไร
กล้องติดหน้ารถยนต์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งบริเวณหน้ารถเพื่อบันทึกภาพและวิดีโอขณะขับขี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บหลักฐานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดบนท้องถนน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่หรือป้องกันการฉ้อโกงจากอุบัติเหตุได้อีกด้วย
ทำไมกล้องติดรถยนต์จึงลดเบี้ยประกันได้
กล้องติดรถยนต์สามารถลดเบี้ยประกันได้เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
หลักฐานที่ชัดเจน : กล้องติดรถยนต์สามารถบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่สามารถใช้ข้อมูลจากกล้องเป็นหลักฐานที่ชัดเจนในการพิสูจน์ความผิด-ถูก ซึ่งช่วยให้การดำเนินคดีและการเคลมประกันเป็นไปอย่างรวดเร็วและยุติธรรม
ป้องกันการทุจริต : กล้องติดรถยนต์ช่วยลดความเสี่ยงจากการทุจริต เช่น การจัดฉากอุบัติเหตุ หรือการเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่สมเหตุสมผล เมื่อบริษัทประกันเห็นว่าผู้ขับขี่ใช้กล้องติดรถยนต์ อาจมองว่าความเสี่ยงเหล่านี้ลดลง ทำให้สามารถเสนอเบี้ยประกันที่ต่ำลงได้
ส่งเสริมพฤติกรรมขับขี่ที่ดี : การมีกล้องติดรถยนต์อาจกระตุ้นให้ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ระมัดระวังและปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากรู้ว่ามีการบันทึกทุกขณะ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผู้ขับขี่สามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจได้ด้วยการแสดงหลักฐานจากกล้อง
ลดความเสี่ยงในการเคลมประกัน : ด้วยการมีหลักฐานจากกล้องติดรถยนต์ บริษัทประกันสามารถลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเหตุการณ์ ทำให้การเคลมประกันมีความรวดเร็วและสะดวกขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายลดลง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ บริษัทประกันจึงมีความมั่นใจมากขึ้นในการเสนอตัวเลือกเบี้ยประกันที่ถูกลงสำหรับผู้ขับขี่ที่ติดตั้งกล้องติดรถยนต์
เทคนิคการเลือกกล้องติดรถยนต์
การเลือกกล้องติดรถยนต์ที่เหมาะสมมีความสำคัญ เนื่องจากกล้องที่ดีสามารถช่วยให้คุณได้รับหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ต่อไปนี้คือเทคนิคในการเลือกกล้องติดรถยนต์
- ความละเอียดของกล้อง เลือกกล้องที่มีความละเอียดสูงอย่างน้อย 1080p (Full HD) หรือ 4K เพื่อให้ภาพมีความคมชัด สามารถเห็นรายละเอียดสำคัญ เช่น ป้ายทะเบียนรถหรือใบหน้าผู้ขับขี่อื่น ๆ ได้ชัดเจน
- มุมมองของเลนส์ (Field of View) เลือกกล้องที่มีมุมมองกว้างอย่างน้อย 120 องศา เพื่อให้สามารถบันทึกภาพได้ครอบคลุมทั้งถนนและบริเวณรอบข้าง นอกจากนั้น กล้องที่มุมมองกว้างเกินไปอาจทำให้ภาพบิดเบือน ดังนั้นควรตรวจสอบตัวอย่างภาพเพื่อดูว่ามุมมองเหมาะสมหรือไม่
- คุณภาพการบันทึกในเวลากลางคืน ตรวจสอบว่ากล้องมีฟังก์ชัน Night Vision หรือ WDR (Wide Dynamic Range) ซึ่งช่วยให้ภาพที่บันทึกในเวลากลางคืนหรือในที่ที่มีแสงน้อยมีความชัดเจน
- ฟังก์ชันการบันทึกแบบวนลูป (Loop Recording) ฟังก์ชันนี้ช่วยให้กล้องสามารถบันทึกวิดีโอต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม โดยไฟล์วิดีโอเก่าจะถูกลบออกอัตโนมัติเพื่อให้บันทึกไฟล์ใหม่
- ฟังก์ชันการตรวจจับการชน (G-Sensor) กล้องที่มี G-Sensor จะสามารถตรวจจับการชนหรือการกระแทก และจะบันทึกวิดีโอและล็อกไฟล์นั้นไว้ไม่ให้ถูกลบ เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
- การติดตั้งและความสะดวกในการใช้งาน เลือกกล้องที่สามารถติดตั้งได้ง่าย และมีหน้าจอที่ใช้งานง่าย หรือสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อการควบคุมและดาวน์โหลดไฟล์
- หน่วยความจำ เลือกกล้องที่รองรับการ์ดหน่วยความจำขนาดใหญ่ (เช่น microSD) อย่างน้อย 64GB หรือ 128GB เพื่อให้สามารถบันทึกวิดีโอได้นานขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนการ์ดบ่อยๆ
- ฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติม บางกล้องมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น การตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Detection) ที่ช่วยบันทึกวิดีโอเมื่อมีการเคลื่อนไหวใกล้รถแม้ในขณะจอด หรือฟังก์ชัน GPS ที่บันทึกตำแหน่งและความเร็วของรถ
- การรับประกันและบริการหลังการขาย เลือกกล้องจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีการรับประกันที่น่าเชื่อถือ รวมถึงบริการหลังการขายที่ดี หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
- ราคา ตั้งงบประมาณและเปรียบเทียบกล้องในช่วงราคาที่ต้องการ พิจารณาความคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้รับ ไม่จำเป็นต้องเลือกกล้องที่แพงที่สุด แต่ควรเลือกที่มีคุณภาพดีและฟังก์ชันครบถ้วน
การเลือกกล้องติดรถยนต์ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ และยังช่วยในการเคลมประกันหรือป้องกันการทุจริตได้อีกด้วย
เงื่อนไขติดกล้องหน้ารถได้ส่วนลดประกัน
การติดตั้งกล้องหน้ารถเพื่อรับส่วนลดเบี้ยประกันเป็นข้อเสนอที่บริษัทประกันหลายแห่งในประเทศไทยมีให้บริการ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำหรับการได้รับส่วนลดอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทประกัน ต่อไปนี้คือเงื่อนไขทั่วไปที่มักพบ
- การติดตั้งกล้องที่ได้มาตรฐาน กล้องต้องเป็นกล้องที่ได้มาตรฐาน มีความสามารถในการบันทึกวิดีโอที่ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนั้น บางบริษัทประกันอาจระบุให้ใช้กล้องที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ความละเอียดขั้นต่ำ หรือฟังก์ชัน G-Sensor
- กล้องต้องใช้งานได้จริง กล้องที่ติดตั้งต้องสามารถใช้งานได้จริงและอยู่ในสภาพดี บริษัทประกันอาจต้องการตรวจสอบการติดตั้งหรือหลักฐานว่ากล้องทำงานได้ปกติ
- การแสดงหลักฐานการติดตั้งกล้อง ผู้เอาประกันอาจต้องแสดงหลักฐานการติดตั้งกล้อง เช่น ภาพถ่ายหรือใบเสร็จรับเงินจากการติดตั้ง เพื่อยืนยันว่ามีกล้องติดตั้งอยู่จริง
- ระยะเวลาที่กล้องต้องเปิดใช้งาน ในบางกรณี บริษัทประกันอาจกำหนดว่ากล้องต้องเปิดใช้งานตลอดเวลาที่ขับขี่ หรือมีการบันทึกเหตุการณ์ที่สำคัญ เช่น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- ส่วนลดที่ได้รับ ส่วนลดที่ได้รับจากการติดตั้งกล้องหน้ารถมักอยู่ในช่วง 5-10% ของค่าเบี้ยประกัน โดยอาจแตกต่างกันตามประเภทของกรมธรรม์และบริษัทประกัน
- การต่ออายุกรมธรรม์ ในการต่ออายุกรมธรรม์ บริษัทประกันอาจต้องการตรวจสอบว่ากล้องยังคงติดตั้งอยู่และใช้งานได้ดี เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับส่วนลดต่อเนื่อง
- การแจ้งให้บริษัทประกันทราบ ผู้เอาประกันต้องแจ้งให้บริษัทประกันทราบเมื่อทำการติดตั้งกล้อง และต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนดเพื่อให้ได้รับส่วนลด
- ประเภทของกรมธรรม์ที่เข้าร่วม ส่วนลดสำหรับการติดตั้งกล้องหน้ารถอาจมีให้เฉพาะกับกรมธรรม์บางประเภท เช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้น 2+
หากต้องการทราบรายละเอียดและเงื่อนไขที่แน่นอนเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องเพื่อรับส่วนลดเบี้ยประกัน แนะนำให้ตรวจสอบกับบริษัทประกันภัยที่คุณสนใจโดยตรง เนื่องจากแต่ละบริษัทอาจมีนโยบายและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
กล้องหน้ารถสำคัญไหม
กล้องหน้ารถมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากสามารถให้ประโยชน์หลายด้านทั้งในแง่ความปลอดภัยและด้านกฎหมาย:
- หลักฐานในกรณีอุบัติเหตุ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ กล้องหน้ารถสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้อย่างละเอียด ซึ่งช่วยเป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ความถูกต้องหรือความผิดของคู่กรณี ช่วยลดข้อโต้แย้งและความขัดแย้งในการเคลมประกัน
- ป้องกันการทุจริต กล้องหน้ารถช่วยป้องกันการทุจริต เช่น การจัดฉากอุบัติเหตุหรือการเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่สมเหตุสมผล หากมีหลักฐานจากกล้องจะช่วยให้เจ้าของรถสามารถปกป้องตนเองจากการถูกหลอกลวงได้
- ความมั่นใจในการขับขี่ การมีกล้องติดตั้งในรถทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะรู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะมีหลักฐานสนับสนุนเพื่อใช้ในการตัดสินใจ
- ส่งเสริมการขับขี่อย่างมีวินัย การมีกล้องติดรถอาจช่วยกระตุ้นให้ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เพราะรู้ว่าการกระทำทุกอย่างถูกบันทึกไว้ ทำให้ลดการขับขี่ที่ประมาทหรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
- ช่วยในการติดตามเหตุการณ์ กล้องหน้ารถสามารถบันทึกเหตุการณ์อื่น ๆ บนถนนที่อาจเป็นประโยชน์ เช่น การบันทึกป้ายทะเบียนของรถที่ชนแล้วหนี หรือเหตุการณ์ผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่
- ส่วนลดเบี้ยประกัน การติดตั้งกล้องหน้ารถอาจทำให้ได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันจากบริษัทประกันภัย เนื่องจากกล้องช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาด้านการเคลมประกัน
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ กล้องหน้ารถจึงถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและควรติดตั้งไว้ในรถยนต์ของคุณ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อื่น ๆ บนท้องถนน
กล้องติดหน้ารถมีกี่แบบ
กล้องติดหน้ารถมีหลายประเภทที่สามารถเลือกใช้ตามความต้องการและงบประมาณของผู้ขับขี่ แต่ละแบบมีคุณสมบัติและฟังก์ชันที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. กล้องหน้าเดี่ยว (Single Dash Cam)
ลักษณะ : บันทึกภาพเฉพาะด้านหน้าของรถยนต์
ข้อดี : ราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย
ข้อเสีย : ไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลังหรือภายในรถได้
2. กล้องหน้าหลัง (Dual Dash Cam)
ลักษณะ : ประกอบด้วยกล้องสองตัว หนึ่งตัวติดที่ด้านหน้าและอีกตัวติดที่ด้านหลังของรถ
ข้อดี : บันทึกภาพได้ทั้งด้านหน้าและหลังรถ ครอบคลุมเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากทิศทางทั้งสอง
ข้อเสีย : ติดตั้งยากกว่ากล้องเดี่ยว และมีราคาสูงกว่า
3. กล้องหน้าหลังและภายใน (Triple Dash Cam)
ลักษณะ : กล้องสามตัวที่บันทึกภาพด้านหน้า ด้านหลัง และภายในห้องโดยสารของรถ
ข้อดี : ครอบคลุมทุกทิศทาง รวมถึงการบันทึกเหตุการณ์ภายในรถที่อาจเกิดขึ้น เช่น การโต้เถียงกับผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่
ข้อเสีย : ราคาสูงและติดตั้งซับซ้อน
4. กล้อง 360 องศา (360-Degree Dash Cam)
ลักษณะ : กล้องที่สามารถบันทึกภาพได้รอบทิศทาง 360 องศา ครอบคลุมทั้งด้านหน้า หลัง และด้านข้างของรถ
ข้อดี : ให้มุมมองที่ครอบคลุมที่สุด บันทึกได้ทุกทิศทาง
ข้อเสีย : ราคาแพง และการติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก
5. กล้องกระจกมองหลัง (Rearview Mirror Dash Cam)
ลักษณะ : กล้องติดหน้ารถที่ติดตั้งรวมกับกระจกมองหลังของรถ ทำหน้าที่เป็นกระจกมองหลังและกล้องในตัว
ข้อดี : ไม่เกะกะมุมมองของผู้ขับขี่ มีฟังก์ชันเสริม เช่น การแสดงผลวิดีโอบนกระจกมองหลัง
ข้อเสีย : อาจไม่สะดวกในการปรับมุมมองและอาจมีราคาสูงกว่ากล้องทั่วไป
6. กล้องติดรถยนต์แบบ Wi-Fi และ GPS (Wi-Fi & GPS Dash Cam)
ลักษณะ : กล้องที่มีฟังก์ชันการเชื่อมต่อ Wi-Fi สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลและฟังก์ชัน GPS สำหรับบันทึกตำแหน่งและความเร็วของรถ
ข้อดี : สามารถเข้าถึงวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที และบันทึกข้อมูลตำแหน่งที่เกิดเหตุได้
ข้อเสีย : ราคาสูงกว่าและอาจซับซ้อนในการใช้งาน
7. กล้องติดรถยนต์แบบบันทึกเสียง (Dash Cam with Audio Recording)
ลักษณะ : กล้องที่สามารถบันทึกเสียงภายในห้องโดยสารได้
ข้อดี : เหมาะสำหรับใช้เป็นหลักฐานเสียงควบคู่กับวิดีโอ
ข้อเสีย : อาจมีข้อจำกัดด้านกฎหมายในการบันทึกเสียงในบางพื้นที่
การเลือกกล้องติดหน้ารถขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ เช่น ความต้องการด้านความปลอดภัย ความครอบคลุมของการบันทึก หรือฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่อาจจำเป็นในชีวิตประจำวัน
วิธีติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์ ต้องเช็กอะไรบ้าง
การติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญซึ่งต้องเช็กหลายอย่างเพื่อให้แน่ใจว่ากล้องจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อการขับขี่ นี่คือรายการสิ่งที่คุณควรเช็กก่อนและหลังการติดตั้ง:
1. ตำแหน่งการติดตั้ง
- เช็กมุมมองของกล้อง : ตำแหน่งที่เลือกติดตั้งควรมีมุมมองกว้าง ครอบคลุมทั้งถนนด้านหน้า และไม่ขัดขวางทัศนวิสัยของผู้ขับขี่
- ตรวจสอบเงื่อนไขประกันรถยนต์ : กล้องติดหน้ารถยนต์บางประเภท เช่น ติดตั้งด้วยอุปกรณ์ฟิวส์แท็ป (Fusetap) ถือว่าเป็นการดัดแปลงรถยนต์รูปแบบหนึ่งและอาจส่งผลต่อเงื่อนไขความคุ้มครองประกันรถยนต์ได้
2. การยึดกล้อง
- ตรวจสอบการยึดติด : ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้องติดแน่นกับกระจก ไม่หลุดง่ายเมื่อรถเจอแรงกระแทก
- ตรวจเช็กการสั่น : เช็กว่ากล้องไม่สั่นหรือหลุดเมื่อรถวิ่งผ่านพื้นผิวขรุขระ ซึ่งอาจทำให้วิดีโอที่บันทึกไม่ชัดเจน
3. การเดินสายไฟ
- เช็กการจัดการสายไฟ : ตรวจสอบว่าสายไฟถูกซ่อนและจัดการอย่างเรียบร้อย ไม่ขัดขวางการมองเห็นหรือการควบคุมรถ
- ความยาวสายไฟ : ตรวจสอบว่าสายไฟมีความยาวเพียงพอที่จะเชื่อมต่อจากกล้องไปยังแหล่งจ่ายไฟโดยไม่ต้องดึงหรือยืดสายมากเกินไป
4. แหล่งจ่ายไฟ
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อไฟฟ้า : หากเชื่อมต่อกล้องกับที่จุดบุหรี่ ตรวจสอบว่าสายเสียบแน่นและกล้องทำงานเมื่อสตาร์ทรถ
- ฟิวส์และการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร : หากคุณเชื่อมต่อกล้องกับกล่องฟิวส์ ต้องเช็กว่ามีการเชื่อมต่อที่ถูกต้องและติดตั้งฟิวส์ป้องกันในกรณีเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
5. การตั้งค่ากล้อง
- ตรวจสอบมุมกล้อง : เปิดกล้องและเช็กภาพบนหน้าจอหรือสมาร์ทโฟนเพื่อดูว่ามุมมองถูกต้องครอบคลุมถนนด้านหน้าหรือไม่
- การตั้งค่าการบันทึก : เช็กว่ากล้องมีการตั้งค่า Loop Recording, G-Sensor และ Night Vision (ถ้ามี) เพื่อให้กล้องทำงานตามความต้องการ
- ความละเอียดของวิดีโอ : ตรวจสอบว่าความละเอียดของการบันทึกถูกตั้งค่าในระดับที่คุณต้องการ (เช่น 1080p หรือ 4K)
6. การตรวจสอบหลังการติดตั้ง
- ทดลองขับและตรวจสอบภาพวิดีโอ : หลังจากติดตั้งเสร็จ ให้ทดลองขับรถและบันทึกวิดีโอสั้นๆ เพื่อตรวจสอบคุณภาพของวิดีโอ รวมถึงตรวจดูว่ากล้องยังติดตั้งแน่นและไม่สั่น
- เช็กการบันทึก G-Sensor : ลองจำลองเหตุการณ์กระแทกเล็กน้อย (เช่นการเบรกอย่างกระทันหัน) เพื่อเช็กว่ากล้องทำงานในการบันทึกและล็อกไฟล์วิดีโอในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
7. การเก็บรักษาและดูแล
- เช็กสภาพการติดตั้งเป็นระยะ : ตรวจสอบการยึดกล้องและสายไฟเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังคงแน่นหนาและทำงานได้ดี
- ดูแลความสะอาดของเลนส์ : ทำความสะอาดเลนส์กล้องเป็นประจำเพื่อให้ภาพที่บันทึกมีความคมชัด
การเช็กสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้กล้องหน้ารถของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ติดกล้องหน้ารถด้วยตัวเอง ทำอย่างไร
การติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์ด้วยตัวเองเป็นงานที่สามารถทำได้ไม่ยาก หากคุณมีความเข้าใจขั้นตอนและอุปกรณ์ที่จำเป็น ต่อไปนี้คือวิธีติดตั้งกล้องหน้ารถด้วยตัวเอง:
อุปกรณ์ที่จำเป็น
- กล้องหน้ารถยนต์
- สายไฟ (มักจะมาพร้อมกับกล้อง ควรมีความยาวพอที่จะเชื่อมต่อจากกล้องไปยังแหล่งจ่ายไฟ)
- เครื่องมือสำหรับถอดแผงคอนโซล (ถ้ามี)
- เทปกาวสองหน้า 3M หรืออุปกรณ์ยึดติดอื่นๆ
- ฟิวส์ (ถ้าต้องการเชื่อมต่อกับกล่องฟิวส์ของรถ)
ขั้นตอนการติดกล้องหน้ารถ
1. เลือกตำแหน่งติดกล้องหน้ารถ
เลือกตำแหน่งติดตั้งกล้องบนกระจกหน้ารถที่ไม่ขัดขวางมุมมองของผู้ขับขี่ โดยทั่วไปกล้องจะติดตั้งไว้ด้านหลังกระจกมองหลัง หรือบริเวณที่ปัดน้ำฝนไม่บดบัง จากนั้น ทำความสะอาดบริเวณกระจกหน้ารถให้สะอาดก่อนติดตั้ง เพื่อให้กล้องยึดติดได้ดี
2. ยึดกล้องกับกระจกหน้ารถ
ใช้เทปกาวสองหน้า 3M หรือตัวดูดสูญญากาศที่มาพร้อมกับกล้อง ยึดกล้องไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ และตรวจสอบมุมมองของกล้องโดยเปิดกล้องและดูภาพในหน้าจอหรือแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อปรับให้ได้มุมที่ดีที่สุด
3. เดินสายไฟ
การเดินสายไฟควรเดินตามขอบกระจกหน้ารถไปยังที่ปัดน้ำฝน จากนั้นให้สอดสายไฟตามขอบแผงคอนโซลและแอบซ่อนไว้ในช่องว่างหรือใต้แผงควบคุม เพื่อลดความรกรุงรังของสาย จากนั้น ใช้คลิปหรือตัวหนีบที่มาพร้อมกับกล้อง (ถ้ามี) เพื่อจัดสายไฟให้เรียบร้อย
4. เชื่อมต่อเข้าแหล่งจ่ายไฟ
การเชื่อมต่อกล้องติดหน้ารถจะมี 2 รูปแบบ
- เสียบสายเข้าที่ช่องจุดบุหรี่: นี่เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด โดยจะต่อเข้ากับที่จุดบุหรี่ในรถยนต์
- เชื่อมต่อกับกล่องฟิวส์: หากคุณต้องการเชื่อมต่อแบบถาวรและให้กล้องเปิดปิดพร้อมกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ คุณสามารถใช้สายไฟที่มาพร้อมกับฟิวส์แตะ ซึ่งจะเชื่อมต่อกล้องกับกล่องฟิวส์ในรถยนต์ โดยควรเลือกฟิวส์ที่ทำงานเมื่อเปิดสวิตช์กุญแจ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญด้านเครื่องยนต์เนื่องจากมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก
5. ทดสอบการทำงานของกล้อง
หลังจากเชื่อมต่อสายไฟและติดตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว ให้สตาร์ทรถยนต์และตรวจสอบว่ากล้องทำงานปกติหรือไม่ ตรวจสอบมุมมองของกล้องอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าบันทึกภาพได้ตามต้องการ
6. จัดการสายไฟให้เรียบร้อย
เมื่อทดสอบการทำงานของกล้องเรียบร้อยแล้ว ให้จัดสายไฟให้เรียบร้อยอีกครั้งเพื่อไม่ให้รกรุงรังหรือเกะกะการขับขี่
7. การบันทึกและตั้งค่า
ตั้งค่าการบันทึกแบบ Loop Recording เพื่อให้สามารถบันทึกวิดีโอได้ต่อเนื่อง โดยที่กล้องจะลบไฟล์เก่าออกเมื่อหน่วยความจำเต็ม จากนั้น ตรวจสอบว่ากล้องมีการตั้งค่า G-Sensor และการบันทึกภาพที่ความละเอียดที่ต้องการ
ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งกล้องในตำแหน่งที่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่
- หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับกล่องฟิวส์ ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าของรถ
การติดตั้งกล้องหน้ารถด้วยตัวเองเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถติดตั้งกล้องได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย