Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info
🎵 เดือน 10 นี้!! Rabbit Care แจกลำโพง Marshall Emberton 2 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 13,490 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

เปรียบเทียบบัตรเครดิต ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

VAT
user profile image
เขียนโดยPaweennuch W.วันที่เผยแพร่: Jul 06, 2023
วิชา VAT 101! รวมเรื่องที่คนทั่วไปควรรู้เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเวลาจ่ายเงินซื้อของต่าง ๆ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT และเรามีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเหล่านี้ รวมถึงร้านค้ามีสูตรคำนวณคิด VAT อย่างไร เราสามารถปฏิเสธไม่จ่ายได้หรือไม่ วันนี้แรบบิท แคร์ จะมาอธิบายเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มให้ทุกคนเข้าใจมา ณ ที่นี้

VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร?

ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ Value Added Tax เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยภาษีจะถูกคิดจากมูลค่าสุทธิของสินค้าหรือบริการ ซึ่งจะมีอยู่ในรูปของเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดโดยกฎหมายของแต่ละประเทศ โดยขณะนี้ประเทศไทยจะเสียภาษีอยู่ที่ 7%

ในการซื้อขายสินค้าหรือบริการที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินให้กับผู้ขายโดยรวมทั้งมูลค่าสินค้าหรือบริการและภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ขายจะต้องนำภาษีที่เก็บได้นี้ส่งให้กับหน่วยงานภาษีอย่างกรมสรรพากรของภาครัฐบาล และผู้ที่ซื้อสินค้าหรือการบริการก็จะได้ใบกำกับภาษีมาเก็บไว้เป็นหลักฐาน ดังนั้นผู้ที่เสีย VAT จึงสามารถขอใบกำกับภาษีได้และร้านค้าต้องมีหน้าที่ออกให้ใบกำกับให้ลูกค้า

การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่อยู่ในระบบสมดุลเนื่องจากผู้ซื้อจะได้รับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ขายในกรณีที่มีการซื้อขายข้ามชาติ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มากขึ้น

วิธีคิด VAT และสูตรคำนวณในประเทศไทย

สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าร้านค้ามีสูตรคิด VAT อย่างไร เราขออธิบายว่า ในประเทศไทย อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 7% โดยสูตรคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยจะเป็นดังนี้


VAT = มูลค่าสินค้าหรือบริการ x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม


ยกตัวอย่างเช่น นายสมพงษ์ซื้อสินค้าในห้างแห่งหนึ่ง ประกอบด้วย น้ำหอมราคา 3,000 บาท, รองเท้าราคา 2,000 บาท, เสื้อเชิ้ตแขนยาวราคา 1,000 บาท รวมรายการสินค้าในบิลเดียวราคารวมทั้งสิ้น 8,000 บาท นายสมพงษ์ จะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มคือ


VAT = 8,000 x 0.07 = 560 บาท


สรุปแล้วสมพงษ์ต้องจ่ายภาษีราคา 560 บาท และต้องจ่ายค่าสินค้ารวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 8,560 บาท นั่นเอง

การเก็บ VAT มีประโยชน์อย่างไร?

VAT เป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยมีการเรียกเก็บภาษีจากผู้ซื้อสินค้าหรือบริการและนำไปส่งเป็นรายได้ให้กับรัฐบาล ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดังเหตุผลต่อไปนี้

  • เป็นให้รายได้ให้กับรัฐบาล เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล ซึ่งจะนำไปใช้ในการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของประเทศ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การใช้งบลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น
  • สร้างความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน การเรียกเก็บ VAT จะช่วยให้ราคาสินค้าและบริการเท่าเทียมกัน โดยไม่มีผู้ซื้อหรือผู้ขายที่ได้รับประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ถ้าไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้หรือร้านค้าผลิตรายใหญ่อาจขายตัดราคาร้านค้ารายย่อย เป็นต้น
  • ส่งเสริมการแข่งขันในตลาดการค้า เนื่องจากการเรียกเก็บ VAT จะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อการแข่งขันกันในตลาด
  • ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ โดยช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการผลิตและขายสินค้าได้ และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจในระยะยาว

VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่จ่ายได้ไหม?

การจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการจ่ายภาษีที่เป็นมาตรฐานในหลายประเทศซึ่งประเทศไทยก็จะบังคับให้จ่ายในอัตรา 7% แต่ก็จะมีในบางกรณีที่สินค้าจะไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การขายสินค้าหรือบริการในพื้นที่ปลอดภาษี สินค้าหรือบริการที่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การขายสินค้าหรือบริการระหว่างประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย กฎหมายกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในหลายกรณี และหากผู้ขายหรือผู้ให้บริการไม่รับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ จะต้องรับผิดชอบในการเสียภาษีแทน ดังนั้น หากมีการซื้อขายสินค้าหรือบริการในประเทศไทย ในหลายกรณีจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ซื้อควรตรวจสอบว่ามีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในใบเสร็จรับเงินหรือไม่

EX VAT คืออะไร ต่างกับ IN VAT อย่างไร?

EX VAT ย่อมาจาก "Excluding Value Added Tax" หรือ "ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม" ซึ่งเป็นคำบอกว่าราคาสินค้าหรือบริการที่ประกาศนั้นยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นการระบุราคา EX VAT จะช่วยให้ผู้ซื้อเข้าใจได้ว่าราคาที่ประกาศนั้นไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ด้วย แตกต่างจาก Including VAT ซึ่งเป็นสินค้าที่แสดงไว้ว่าราคาได้รวมราคาค่าภาษีไปแล้ว

เรื่องควรรู้สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับการควรจด VAT

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร เป็นเรื่องที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของคุณ โดยทางกฎหมายได้ระบุว่าผู้ประกอบการที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากไม่มีการจดทะเบียนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน และปรับ 5,000 บาท โดยประโยชน์ของการจด VAT คือผู้ประกอบการสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีในกรณีที่บริษัทไปซื้อสินค้าจากบริษัทอื่น รวมถึงยังช่วยต่อการจัดบัญชีการซื้อขาย-ให้เป็นระบบยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจนั้นมีความน่าเชื่อถือ ตลอดจนทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเพราะสามารถนำใบกำกับภาษีที่ร้านออกให้ไปลดหย่อนภาษีตามโครงการรัฐได้

ส่วนข้อเสียของการจด VAT ก็คืออาจทำให้ราคาสินค้าของดูแพงมากขึ้น เพราะต้องพวกราคาไปอีก 7% และต้องยื่นแบบให้กรมสรรพากรตรวจสอบอยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่มีการซื้อขายสินค้าก็ตาม

จดทะเบียน VAT ออนไลน์ ต้องทำอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้วผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนภาษีได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือพื้นที่บริเวณสถานประกอบการตั้งอยู่ แต่ปัจจุบันคุณสามารถจดทะเบียนผ่านออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยคุณสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

1. เข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร

เข้าเว็บไซต์ลงทะเบียนภาษีของกรมสรรพากร แล้วเลือก "การลงทะเบียนภาษี" จากนั้นเลือก "ลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม"

2. กรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องและอัพโหลดเอกสาร

กรอกข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและข้อมูลธุรกิจของคุณ และอัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ สำเนาบัตรประชาชน และอื่นๆ ตามที่เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรต้องการ

3. ยืนยันข้อมูลการสมัคร

ตรวจสอบข้อมูลที่กรอกให้ถูกต้อง และกดยืนยันการสมัคร จากนั้น กรอกข้อมูลที่เหลือตามคำชี้แนะจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร

4. รอรับเลขที่ผู้เสียภาษี

รอรับเลขที่ผู้เสียภาษีที่จะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ และเอกสารประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านทางอีเมลที่คุณได้ลงทะเบียนไว้

5. นำหลักฐานไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

นำเลขที่ผู้เสียภาษีและเอกสารประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไปยังสำนักงานภาษีท้องถิ่นเพื่อทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างสมบูรณ์

บุคคลธรรมดาจด VAT ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ประกอบการ
  • สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ
  • แบบคำขอจดทะเบียน ภ.พ.01
  • หนังสือจดทะเบียนบริษัท (กรณีเป็นบริษัท)
  • หลักฐานการตั้งสถานประกอบการ
  • แผนที่ของสถานประกอบการ

VAT ID คืออะไร?

VAT ID หรือ VAT identification number เป็นหมายเลขรหัสประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งใช้ในการระบุนามผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อจัดเก็บและรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้เสียภาษีให้กับหน่วยงานภาษีของรัฐ การระบุ VAT ID เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกรรมให้มีความโปร่งใส ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นตัวเลขเดียวกับเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

VAT refund คืออะไร?

VAT Refund หมายถึงการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เสียจากการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถทำได้โดยมีเงื่อนไขตามที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งอาจแบ่งตามช่วงเวลา ลักษณะสินค้า หรือโครงการตามที่ภาครัฐประกาศ

วิธีถอด VAT ต้องทำอย่างไร?

การถอด VAT เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ประกอบการ เพื่อทำข้อมูลรายการสินค้า เราสามารถถอด ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามสูตรดังนี้

ราคาสินค้าสุทธิไม่รวม VAT :ให้นำราคารวมภาษีคูณ 100/107

เช่น สินค้ารวม VAT ราคา 1070 บาท ราคาสินค้าสุทธิไม่รวม VAT จะเท่ากับ 1,070 X 100/107 = 1,000 บาท

ราคาเฉพาะ VAT : นำราคารวมภาษีคูณ 7/107

เช่น สินค้ารวม VAT ราคา 1070 บาท ราคาเฉพาะ VAT จะเท่ากับ 1,070 X 7/107 = 1,000 บาท = 70 บาท

สรุปก็คือราคาก่อนบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมกับมูลค่าของภาษี จะเท่ากับราคาสินค้ารวมภาษีนั่นเอง

จะเห็นว่าภาษีมูลค่าเพิ่มมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากคุณช้อปปิ้งซื้อสินค้าอย่างถูกต้องจะมีการคิดภาษีเพิ่มทั้งสิ้น ซึ่งแรบบิท แคร์ ขอแนะนำตัวช่วยให้คุณชำระสินค้าได้ง่าย ๆ ด้วยบัตรเครดิต ทำให้คุณจ่ายทีเดียวครอบคลุมทั้งราคาสินค้าและราคา VAT ช้อปปิ้งง่าย ใช้จ่ายสบาย แถมมีข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย ซึ่งคุณสามารถเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่โดนใจกับเราได้ทันทีภายใน 30 วินาที อีกทั้งเรายังมีบริการความแคร์ให้กับคุณยิ่งกว่าใคร สมัครเลย!

บัตรเครดิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ
บัตรเครดิต ไทเทเนียมบัตรเครดิต ไทเทเนียม

ธ. กรุงเทพ / มาสเตอร์การ์ด

  • ยอดใช้จ่ายบัตร รับเงินคืนสูงสุด 2%
  • บริการช่วยเหลือ 24 ชม. ครอบคลุมทุกกรณี
  • เพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์ทั่วโลกจากมาสเตอร์การ์ด
  • คุ้มครองอุบัติเหตุเดินทาง วงเงินสูงสุด 3 ล้าน
  • รับเงินคืน 12% ที่ศูนย์โตโยต้า สูงสุด 500 บาท/เดือน
  • คืนเงินไม่เกิน 2,000 บาทต่อบัตรต่อรอบบัญชี
บัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด แพลทินัม ท่องเที่ยวบัตรเครดิต มาสเตอร์การ์ด แพลทินัม ท่องเที่ยว

ธ. กรุงเทพ / มาสเตอร์การ์ด

  • ทุก 25 บาท รับคะแนน แลกรางวัลง่าย ๆ
  • แลกคะแนนสะสมเป็นไมล์บินไทย บางกอกแอร์ AirAsia
  • ประสานงานฉุกเฉินรถเสีย บริการช่วยเหลือครบวงจร
  • ประกันอุบัติเหตุเดินทาง คุ้มครองสูงสุด $200,000
  • บัตรมาสเตอร์การ์ด แพลทินัม เข้าห้องพักรับรองฟรี
  • สิทธิพิเศษทั่วโลก สำหรับบัตรมาสเตอร์การ์ด
บัตรเครดิต เคทีซี เอ๊กซ์ อโกด้า เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ดบัตรเครดิต เคทีซี เอ๊กซ์ อโกด้า เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด

เคทีซี / มาสเตอร์การ์ด

  • รับ AgodaCash สูงสุด 1,000 บาท ภายใน 90 วัน
  • รับ KTC FOREVER x2 เมื่อใช้จ่ายต่างประเทศ
  • รับสิทธิ์เข้าห้องรับรอง MIRACLE LOUNGE 2 ครั้ง/ปี
  • รับสิทธิ์พัก 1 คืน ฟรี ที่โรงแรมในเครือ Banyan Tree, Centara
  • ชำระสินค้าผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนผ่าน KTC
  • ทุก 25 บาท ใช้จ่ายรับ 1 คะแนน KTC FOREVER
บัตรเครดิต CardX FAMILY PLUSบัตรเครดิต CardX FAMILY PLUS

CardX / มาสเตอร์การ์ด

  • เครดิตเงินคืน 4% ในวันเกิด
  • รับเครดิตเงินคืน 1% ทุกยอดใช้จ่าย
  • รับเงินคืน 5% ร้านอาหาร 4 วันพิเศษ
  • รับเครดิตคืน 4% ในวันเกิด
  • รับส่วนลด 10% รถเช่าและเรือ ทรู ลีสซิ่ง
  • ประกันอุบัติเหตุเมื่อจ่ายค่าตั๋วอากาศ
ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา