Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Feb 15, 2023

ยางรถยนต์มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร ใช้แบบไหนดี

ยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ โดยยางรถยนต์มีหลายประเภท และการเลือกใช้ประเภทของยางรถยนต์ที่เหมาะสมสามารถช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดน้ำมันและช่วยให้รถเงียบยิ่งขึ้นด้วย แรบบิท แคร์ จึงอยากพามาดูว่ายางรถยนต์มีกี่ประเภท ควรเลือกใช้ประเภทของยางรถยนต์อย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการใช้งานของรถยนต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีที่สุด

ยางรถยนต์มีกี่ประเภท

หากถามว่ายางรถยนต์มีกี่ประเภท ตอบได้เลยว่ายางรถยนต์นั้นมีหลายประเภทที่แตกต่างกันตามลักษณะการขับขี่และสภาพถนนที่ใช้เดินทาง โดยประเภทของยางรถยนต์ที่พบบ่อยประกอบไปด้วย 7 ประเภทหลัก ๆ และแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันด้านลักษณะของดอกยาง ดังนี้

1. ยางรันแฟลต


  • ยาง run flat คือ
    ยางรถยนต์ประเภทแรกที่คนมักนึกถึงเมือเจอคำถามยางรถยนต์มีกี่ประเภท คือ ยางรันแฟลต (Run Flat) เป็นยางรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีลมในยาง เป็นยางไร้ลมโดยมีการออกแบบด้วยเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยลดการเสียหายจากการแตกหรือระเบิดของยาง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้ต่อเนื่องเมื่อยางเสียหาย โดยไม่ต้องหยุดรถเพื่อเปลี่ยนยาง
  • ยางรันแฟลต ดูยังไง
    ยางรันแฟลต (Run Flat) จะมีลักษณะเด่นที่ต่างจากยางรถยนต์ปกติ อย่างไร โดยยางรันแฟลต (Run Flat) จะมีช่องว่างภายในดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อให้ยางยืดหยุ่นได้ และยังมีชุดระบบช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ว่ายางรถยนต์เสียหาย นอกจากคำตอบเรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภทแล้ว แรบบิท แคร์ จะพามาดูว่าการตรวจสอบยางรันแฟลตสามารถดูได้จากตัวอักษรที่อยู่บนแก้มยาง โดยจะมีสัญลักษณ์คำว่า "RSC" หรือ "Run Flat" เขียนอยู่บนตัวยาง นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือการใช้งานของรถยนต์ หรือสอบถามกับช่างซ่อมรถยนต์
  • ยางรันแฟลต ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว ทีนี้มาศึกษาเพิ่มเติมกันว่ายางรันแฟลต (Run-flat) มีข้อเสียอย่างไร ยางรันแฟลต (Run-flat) เป็นยางที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการรองรับน้ำหนักรถในกรณียางรั่วหรือถูกตำทะลุ แต่ยางรันแฟลตนั้นก็ยังมีข้อเสียบางอย่างที่คนขับรถควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้
  • ราคาแพง
    ยางรันแฟลตมีราคาที่แพงกว่ายางทั่วไป ซึ่งอาจทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกซื้อสำหรับบางคน ทั้งยังมีค่าบริการเพิ่มเติมอีกด้วย เช่น การตรวจเช็คและบำรุงรักษายางรันแฟลต เนื่องจากยางรันแฟลตมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลที่พิเศษมากกว่ายางธรรมดา
  • ความดังของระดับเสียง
    เนื่องจากยางรันแฟลตมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งกว่ายางธรรมดา ทำให้ระดับเสียงที่เกิดขึ้นในรถยนต์มีความดังมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้คนขับรถรู้สึกไม่สะดวกสบาย เช่นเดียวกับผู้โดยสารในรถยนต์
  • ความหนักของยาง
    ยางรันแฟลตมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งกว่ายางธรรมดา ทำให้ยางรันแฟลตมีน้ำหนักที่มากกว่ายางธรรมดา ซึ่งอาจทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และทำให้รถยนต์ใช้พลังงานมากขึ้นในการขับขี่ ซึ่งส่งผลต่อระยะทางการขับขี่ด้วย โดยเฉพาะเมื่อยางรันแฟลตเริ่มเปลี่ยนรุ่น ก็อาจทำให้คนขับรถต้องปรับเปลี่ยนการขับขี่ใหม่อีกครั้ง
  • ยางรันแฟลต ปะได้ไหม
    นอกจากยางรถยนต์มีกี่ประเภทแล้ว ยางรันแฟลตปะได้ไหม? ตามปกติแล้ว ยางรันแฟลตจะมีความหนาแน่นมากกว่ายางธรรมดา และมีลักษณะเป็นเนื้อยางแข็ง ซึ่งทำให้ยางรันแฟลตไม่สามารถปะยางได้ หากยางรันแฟลตถูกตำแหน่งจากแม่แบบของผู้ผลิต หรือถูกใช้งานผิดวิธีก็อาจทำให้ยางรันแฟลตเสียหายได้ ในกรณีที่ยางรันแฟลตเสียหายแล้วต้องการเปลี่ยนยางใหม่ ก็ควรเลือกซื้อยางรันแฟลตจากแบรนด์ที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจากผู้ผลิต และควรใช้บริการจากช่างยางที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลยางรันแฟลตเท่านั้น
  • ยางรันแฟลต อายุการใช้งาน
    ยางรันแฟลตมีอายุการใช้งานที่ยาวกว่ายางปกติ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 80,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของยาง และการใช้งานของผู้ขับขี่ โดยระยะเวลาการใช้งานของยางรันแฟลตจะยาวกว่ายางปกติเนื่องจากมีการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถวิ่งต่อได้เมื่อสูญเสียแรงดันลมยาง แต่อายุการใช้งานของยางรันแฟลตก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งานของผู้ขับขี่ด้วย หากผู้ขับขี่ใช้งานยางรันแฟลตอย่างถูกต้อง และดูแลรักษาโดยเหมาะสม ยางรันแฟลตสามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก ในกรณีที่ยางรันแฟลตมีการใช้งานเกินอายุการใช้งานที่กำหนด อาจทำให้เกิดความเสียหายและอันตรายต่อผู้ขับขี่ได้ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบอายุการใช้งานของยางรันแฟลตอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนยางรันแฟลตทันทีหากพบว่าอายุการใช้งานของยางมีการเกินกำหนด

2. ยางออฟโรด


  • ยางออฟโรด คือ
    ยางรูปแบบที่สองของคำถามยางรถยนต์มีกี่ประเภท คือ ยางออฟโรด (Off-road tires) เป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์ที่ใช้งานในเส้นทางออฟโรด หรือถนนที่ไม่ได้มีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยมักจะมีดอกยางขนาดใหญ่ และยางเป็นแบบเดียวกันทั้ง 4 ล้อ เพื่อให้รถยนต์สามารถเดินทางบนพื้นผิวที่มีความลาดชันสูง หรือพื้นที่ที่มีการขับขี่ที่ยากลำบากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ยางออฟโรดมีหลายแบบ แต่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

    • All-terrain tires : ยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นถนนทางลาดชัน หรือถนนที่เรียบ ยางแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีการขับขี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการขับขี่ในพื้นที่ออฟโรด
    • Mud-terrain tires : ยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับพื้นที่ที่มีความเป็นโคลน หรือมีน้ำ ยางแบบนี้มักมีดอกยางที่ใหญ่และลึก เพื่อให้รถยนต์สามารถเดินทางได้สะดวกและปลอดภัยในสภาพที่มีน้ำหนักหนัก

  • ยางออฟโรด ดูยังไง
    ยางออฟโรด (Off-road tires) นั้นถูกออกแบบมาสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานในเส้นทางออฟโรดหรือถนนที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษา มักมีความหนาแน่นต่ำกว่ายางสากลทั่วไปเพื่อให้ยางสามารถยืดหยุ่นได้มากขึ้น และสามารถรับแรงกระแทกได้ดีกว่ายางสากล ทุกคนคงรู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภทไปแล้ว แรบบิท แคร์ อยากบอกเพิ่มเติมว่ายางออฟโรดมีลักษณะเด่น คือ ความหนาและขนาดใหญ่กว่ายางสำหรับถนนทั่วไป ทำให้มีพื้นที่ผิวติดถนนมากขึ้น และช่วยให้รถยนต์สามารถเหยียบเข้าไปในที่ลุ่มลึก หรือเขาสูงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยางออฟโรดยังมีการออกแบบเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่หลากหลาย เช่น ฝนตกหนัก หิมะ หรือทางลาดชันมาก

    หากต้องการเลือกซื้อยางออฟโรด ควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้:

    • ขนาด : ยางออฟโรดมีขนาดใหญ่กว่ายางสำหรับถนนทั่วไป และควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรถยนต์และการใช้งาน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด
    • ความแข็งแรง : ยางออฟโรดต้องมีความแข็งแรงเพียงพอเพื่อรับมือกับสภาพถนนที่รุนแรง และควรเลือกยางที่มีการออกแบบเพื่อให้มีความทนทานและยืดหยุ่นเมื่อเหยียบเข้าไปในที่ลุ่มลึกหรือเขาสูง
    • การยึดเกาะถนน : ยางออฟโรดต้องมีความสามารถในการยึดเกาะถนนเพื่อให้รถยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมั่นคง ควรเลือกยางที่มีการออกแบบให้มีร่องที่ลึกเพื่อยึดเกาะถนน

  • ยางออฟโรด ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว แรบบิท แคร์ เลยอยากจะพามาศึกษาเพิ่มเติมว่ายางออฟโรด (Off-road tires) มีข้อเสียอย่างไร

    • ระยะการใช้งาน : ยางออฟโรดมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่ายางรันแฟลต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนยางบ่อยขึ้น และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อยางและค่าแรงอีกด้วย
    • ความสบายในการขับขี่ : ยางออฟโรดมีโครงสร้างที่แข็งแรงมากกว่ายางปกติ ทำให้รถยนต์มีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับยางรันแฟลต ยางออฟโรดจะไม่สามารถรองรับการสะท้อนแรงสั่นได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกกระด้างขณะขับขี่อยู่บนถนนที่ไม่ราบรื่น
    • การเติมลมยาง : ยางออฟโรดต้องการการเติมลมยางอย่างถูกต้องเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งาน ถ้าไม่มีการเติมลมยางอย่างเหมาะสม ยางออฟโรดอาจจะเสียหายได้ง่ายขึ้น และยางออฟโรดยังต้องการการตรวจสอบและบำรุงรักษาเพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
    • ราคา : ยางออฟโรดมีราคาที่สูงกว่ายางปกติ และยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและตรวจสอบที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้รถยนต์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อยางและค่าแรงอีกด้วย

  • ยางออฟโรด ปะได้ไหม
    โดยทั่วไปแล้วยางออฟโรดไม่สามารถปะยางได้ แต่ถ้ายางออฟโรดมีการออกแบบเป็นระบบ Run-flat หรือมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ยางยังสามารถวิ่งได้เมื่อเจาะหรือแตก อาจจะมีวิธีการซ่อมแซมยางได้ แต่ต้องใช้เทคนิคการซ่อมแซมที่มีความชำนาญและความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างของยางออฟโรด

  • ยางออฟโรด อายุการใช้งาน
    ยางออฟโรด (Off-Road Tires) เป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการขับขี่ในที่รกร้าง อย่างเช่น ถนนล้มลุก ทางลาดชัน หรือที่รกร้างอื่นๆ ซึ่งต้องการความชำนาญในการขับขี่และความแข็งแรงของยาง เพื่อให้สามารถเผชิญกับสภาพถนนได้อย่างมั่นคง โดยยางออฟโรดจะมีลักษณะดังนี้

    • มีดอกยางขนาดใหญ่ และด้านข้างของยางมีแก้มยางที่สูง เพื่อช่วยให้สามารถเผาะผลาญสิ่งกีดขวางได้ง่าย และช่วยเพิ่มความนิ่งที่สูงขึ้น
    • มีร่องลึกที่ช่วยป้องกันการสะสมของน้ำ และช่วยให้ยางสามารถเดินทางได้ในที่รกร้างได้ดี
    • มีความแข็งแรง และทนทานต่อการเสียหายจากแหล่งที่รกร้าง อย่างเช่น หิน ตะปู หรือวัสดุอื่นๆ

ยางออฟโรดมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่ายางทั่วไป เนื่องจากการขับขี่ในที่รกร้างส่งผลต่อความแข็งแรงของยาง และยังอาจเสียหายได้ง่าย ๆ จากการขับขี่ในที่รกร้าง หากต้องการใช้งานยางออฟโรด ก็ควรตรวจสอบสภาพของยางอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนยางทันทีเมื่อพบว่ามีการสึกหรอ หรือมีรอยแตกหรือรอยขูดมากกว่าปกติ และควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพดีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ในที่รกร้าง

3. ยางประหยัดน้ำมัน


  • ยางประหยัดน้ำมัน คือ
    หากใครถามว่ายางรถยนต์มีกี่ประเภท ยางประหยัดน้ำมันก็คงเป็นหนึ่งในคำตอบ ยางประหยัดน้ำมันเป็ยางรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดการใช้น้ำมันของรถยนต์ โดยยางประหยัดน้ำมันนั้นมีการออกแบบให้มีความต้านทานการเคลื่อนที่ต่ำกว่ายางปกติ ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น และใช้น้ำมันเพียงน้อยกว่า

  • ยางประหยัดน้ำมัน ดูยังไง
    ยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักขับรถสามารถเลือกได้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้งานรถยนต์ โดยยางประหยัดน้ำมันจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงของรถยนต์ได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันรถยนต์

    ตอบเรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภทไปแล้ว แรบบิท แคร์ จะพามาดูว่า การเลือกใช้ยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันนั้นสามารถดูจากสัญลักษณ์บนยางรถยนต์ได้ โดยสัญลักษณ์นี้จะเป็นตัวอักษรที่อยู่บนแก้มยาง ซึ่งจะมีคำว่า "ECO" หรือ "GREEN" เป็นต้น ซึ่งหมายความว่าเป็นยางรถยนต์ประหยัดน้ำมัน

    และยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น มีการออกแบบเพื่อลดการเสียหมอง และเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทนทานอีกด้วย

  • ยางประหยัดน้ำมัน ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว แรบบิท แคร์จะพามาดูว่ายางรถยนต์ประหยัดน้ำมัน มีข้อเสียอย่างไรบ้างที่คนขับรถควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้

    • ความคงทนต่ำกว่า : ยางประหยัดน้ำมันมีความคงทนต่ำกว่ายางปกติ เนื่องจากมีสารเคมีที่ช่วยลดการเสียรูปของยาง ทำให้ยางแตกหักและสึกหยาบขึ้นได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ผู้ใช้ควรตรวจสอบยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
    • ราคาแพงกว่า : ยางประหยัดน้ำมันมีราคาแพงกว่ายางปกติ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ต้องเสียเงินเพิ่มเติมในการซื้อยางรถยนต์ แต่ถ้าคิดเป็นระยะยาว การใช้ยางประหยัดน้ำมันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันรถยนต์
    • การยึดเกาะถนนไม่ดีเท่ายางปกติ : ยางประหยัดน้ำมันมีการยึดเกาะถนนไม่ดีเท่ายางปกติ ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ไม่สะดวกเมื่อเกิดสภาพถนนเปียกหรือเป็นโขดหิน ผู้ใช้ควรเลือกใช้ยางประหยัดน้ำมันที่มีความยืดหยุ่นและยึดเกาะถนนได้ดีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
    • เสียงดัง : ยางประหยัดน้ำมันมีความนุ่มและเงียบกว่ายางปกติ แต่บางครั้งอาจสร้างเสียงดังขณะขับขี่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สะดวกหรือรบกวนผู้อื่นบนท้องถนน ผู้ใช้ควรเลือกใช้ยางประหยัดน้ำมันที่มีการออกแบบให้เงียบสงบเมื่อขับขี่

  • ยางประหยัดน้ำมัน อายุการใช้งาน
    อายุการใช้งานของยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณการใช้งานรถ สภาพถนนที่ขับขี่ และการดูแลรักษายาง แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันสามารถใช้งานได้ประมาณ 2-5 ปี หรือ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร ก่อนที่จะต้องเปลี่ยนยางใหม่

4. ยางสปอร์ต


  • ยางสปอร์ต คือ
    ในส่วนของคำถามยางรถยนต์มีกี่ประเภท ตอบได้เลยว่า ยางสปอร์ตก็จัดเป็นยางอีกหนึ่งประเภท เนื่องจากเป็นยางรถยนต์ที่มีความเหมาะสมกับการขับขี่แบบสปอร์ต โดยมีลักษณะที่เน้นความเร็วและประสิทธิภาพสูง มีลักษณะด้านการออกแบบที่ทำให้มีความยืดหยุ่นและเหนียวแน่น สามารถทำงานได้โดยไม่เสียความเร็ว และยังช่วยลดแรงเสียดทานของยางได้ดี

  • ยางสปอร์ต ดูยังไง
    เมื่อต้องการเลือกซื้อยางสปอร์ต ควรพิจารณาดูก่อนว่ายางที่เลือกจะเหมาะสมกับรถยนต์ของเราหรือไม่ โดยควรตรวจสอบขนาดของยาง และความต้านทานของยางต่อการเสื่อมสภาพ เนื่องจากยางสปอร์ตมักจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่ายางประเภทอื่น ๆ นอกจากคำตอบเรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท แรบบิท แคร์ ก็อยากเสริมว่ายางสปอร์ตนั้นมีลักษณะด้านดอกยางที่แตกต่างจากยางประเภทอื่น ๆ โดยมักจะมีร่องแนวตั้งบนดอกยาง เพื่อช่วยกระจายแรงกดบริเวณหน้าสัมผัสของยางรถยนต์กับพื้นถนน ทำให้ยางสปอร์ตมีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับการขับขี่แบบสปอร์ต

  • ยางสปอร์ต ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว ทีนี้มาศึกษาเพิ่มเติมกันว่ายางสปอร์ตมีข้อเสียอย่างไร ยางสปอร์ตเป็นยางที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยกระจายแรงกดบริเวณหน้าสัมผัสของยางรถยนต์กับพื้นถนน โดยมีลักษณะที่เน้นความเร็วและประสิทธิภาพสูง แต่ยางสปอร์ตนั้นก็ยังมีข้อเสียบางอย่างที่คนขับรถควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้

    • ความคงทนต่ำ : ยางสปอร์ตมักจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่ายางรถยนต์ปกติ เนื่องจากมีการออกแบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงในการขับขี่ แต่ก็ส่งผลให้ยางมีความคงทนต่ำลง ซึ่งอาจทำให้ต้องเปลี่ยนยางบ่อยกว่าที่ควร
    • ราคาสูง : เนื่องจากยางสปอร์ตมีการออกแบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงในการขับขี่ จึงมีราคาสูงกว่ายางรถยนต์ปกติ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อยาง
    • ไม่เหมาะกับการขับในสภาพถนนแย่ : ยางสปอร์ตมีการออกแบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงในการขับขี่ในสภาพถนนที่ดี แต่ไม่เหมาะกับการขับในสภาพถนนที่แย่ เช่น ถนนขรุขระ หรือถนนที่มีน้ำขัง ซึ่งอาจทำให้การขับขี่ไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย

  • ยางสปอร์ต ปะได้ไหม
    นอกจากยางรถยนต์มีกี่ประเภท แล้วยางสปอร์ตปะได้ไหม? การปะยางสปอร์ตจะต้องพิจารณาให้ดีว่าอุปกรณ์ที่ใช้สามารถรองรับการขับขี่แบบสปอร์ตได้หรือไม่ และต้องใช้วิธีการปะยางที่เหมาะสมกับยางสปอร์ตเพื่อป้องกันการเสียหายของยาง การปะยางสปอร์ตสามารถทำได้โดยใช้วิธีการปะยางแบบสตรีมหรือแบบแทงใยไหม แต่ควรพิจารณาความเหมาะสมของวิธีการปะยางกับยางสปอร์ตก่อนด้วย

  • ยางสปอร์ต อายุการใช้งาน
    อายุการใช้งานของยางสปอร์ตจะขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษาของผู้ใช้งาน โดยปกติแล้วยางสปอร์ตจะมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 2-5 ปี หรือ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร แต่ถ้ามีการใช้งานรถขับเร็วหรือเป็นการขับแข่ง อายุการใช้งานอาจลดลงได้เร็วกว่านั้น

5. ยางนุ่มเงียบ


  • ยางนุ่มเงียบ คือ
    ยางรูปแบบที่ห้าของคำถามยางรถยนต์มีกี่ประเภท คือ ยางนุ่มเงียบ เป็นยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติในการลดเสียงรบกวนจากถนนให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยยางรถยนต์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความนุ่มนวลและลดแรงสั่นสะเทือนเมื่อต้องเจอพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างสบาย ๆ และสามารถบรกได้ดีกว่ายางรถยนต์ประเภทอื่น ๆ

  • ยางนุ่มเงียบ ดูยังไง
    ทุกคนคงรู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภทไปแล้ว แรบบิท แคร์ อยากบอกเพิ่มเติมว่าการเลือกใช้ยางนุ่มเงียบควรพิจารณาจากตัวเลขที่บอกคุณสมบัติของยาง เช่น ความกว้างของยาง ความสูงของยาง และอัตราส่วนของความสูงต่อความกว้าง เพื่อให้เหมาะสมกับรถยนต์และสภาพถนนที่ใช้ขับขี่ นอกจากนี้ยังควรเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยมใช้งานจากผู้ใช้รถยนต์อื่น ๆ อย่างเช่นยาง TURANZA T005A จากบริษัท Bridgestone และยาง Pilot Sport 4S จากบริษัท Michelin ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดยางรถยนต์

  • ยางนุ่มเงียบ ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว แรบบิท แคร์ เลยอยากจะพามาศึกษาเพิ่มเติมว่ายางยางนุ่มเงียบมีข้อเสียอย่างไร

    • ยางนุ่มเงียบมักจะมีราคาที่สูงกว่ายางอื่นๆ ที่ไม่มีคุณสมบัตินี้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการ
    • ยางนุ่มเงียบมักจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่ายางปกติ ซึ่งอาจทำให้ต้องเปลี่ยนยางบ่อยขึ้นและเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
    • ยางนุ่มเงียบอาจมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนที่ดีกว่ายางปกติ แต่ก็มีความเสียหายในด้านอื่น ๆ เช่น มีความแข็งแรงน้อยกว่า อาจทำให้ยางมีการเสียหายได้ง่ายขึ้น และยังมีความเสียหายในเรื่องของการเผาผลาญ ซึ่งอาจทำให้ยางสึกกร่อนและส่งผลต่ออายุการใช้งาน
    • ยางนุ่มเงียบอาจไม่เหมาะสมสำหรับการขับขี่ในเส้นทางที่มีเนื้อที่ทางลาดชันหรือถนนที่เปียกลื่น ซึ่งอาจทำให้ยางลื่นและไม่ยึดเกาะถนนได้ดี
    • ยางนุ่มเงียบอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความเร็วสูง ซึ่งอาจทำให้ยางมีการเสียหายได้ง่ายขึ้นและอาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้รับประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ต้องการ
    • ยางนุ่มเงียบอาจมีปัญหาในด้านการระบายความร้อน ซึ่งอาจทำให้ยางมีการเสียหายได้ง่ายขึ้น และอาจทำให้ยางไม่ยึดเกาะถนนได้ดีเมื่อเกิดการเผาผลาญในขณะขับขี่

  • ยางนุ่มเงียบ อายุการใช้งาน
    โดยทั่วไปแล้ว ยางนุ่มเงียบมีอายุการใช้งานประมาณ 2-5 ปี หรือ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษาของผู้ใช้งาน ดังนั้น หากต้องการให้ยางนุ่มเงียบมีอายุการใช้งานยืดหยุ่น ผู้ใช้งานควรดูแลรักษายางอย่างเหมาะสมและเปลี่ยนยางทันทีเมื่อพบว่ายางเสื่อมสภาพหรือเกิดการสึกหรอ

6. ยางเรเดียล


  • ยางเรเดียล คือ
    หากใครถามว่ายางรถยนต์มีกี่ประเภท ยางเรเดียล (Radial Tire) ก็คงเป็นอีกหนึ่งประเภทหลัก ๆ เพราะ ยางเรเดียล (Radial Tire) เป็นยางรถยนต์ที่มีโครงสร้างที่แตกต่างจากยางธรรมดา (Bias Ply Tire) โดยมีโครงสร้างเป็นชั้นผ้าใบเส้นลวดพันอยู่รอบยางทำมุมทะแยงกับเส้นรอบวงของยาง ทำให้ยางเรเดียลมีความยืดหยุ่นในการเคลื่อนที่ได้มากกว่ายางธรรมดา

  • ยางเรเดียล ดูยังไง
    การตรวจสอบความเหมาะสมของยางรถยนต์โดยการดูว่าเหลือประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของยางเดิม ถ้ายางเรเดียลเหลืออยู่ประมาณ 20-30% แสดงว่ายางเรเดียลยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ถ้ายางเรเดียลเหลือน้อยกว่า 20% ก็ควรจะต้องถูกเปลี่ยนแทนทันที นอกจากเรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท แรบบิท แคร์ ก็อยากพามาศึกษาว่าทุกคนสามารถดูความเหมาะสมของยางได้จากสัญลักษณ์บนฝายางเรเดียล โดยจะมีเลขอักษรบนฝายาง โดยจะมีเลขอักษรระบุวันที่ผลิต สัญลักษณ์ DOT (Department of Transportation) และเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและเลือกซื้อยางรถยนต์ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

  • ยางเรเดียล ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว แรบบิท แคร์จะพามาดูว่ายางรถยนต์ยางเรเดียล (Radial Tire) มีข้อเสียอย่างไรบ้างที่คนขับรถควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้

    • ความแข็งแรงไม่ดีเท่ายางธรรมดา : ยางเรเดียลมีแก้มยางที่บางกว่ายางธรรมดา ทำให้มีความแข็งแรงไม่ดีเท่ายางธรรมดา ซึ่งอาจทำให้ยางเรเดียลมีความเสียหายง่ายกว่ายางธรรมดา เช่น รอยขีดข่วน รอยฉีกขาด หรือเป็นรอยร้าว
    • ราคาแพง : ยางเรเดียลมีราคาที่แพงกว่ายางธรรมดา ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานต้องจ่ายเงินมากกว่าเมื่อใช้ยางธรรมดา โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องเปลี่ยนยางทั้ง 4 ล้อ
    • การซ่อมแซมยางยาก : ยางเรเดียลมีการออกแบบแก้มยางที่ซับซ้อนกว่ายางธรรมดา ทำให้การซ่อมแซมยางเรเดียลมีความยากขึ้น และอาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือผู้ชำนาญการในการซ่อมแซม
    • การใช้งานในสภาพอากาศหนาว : ยางเรเดียลมีความเหมาะสมกับการใช้งานในสภาพอากาศร้อน แต่ไม่ค่อยเหมาะสมกับการใช้งานในสภาพอากาศหนาว เนื่องจากยางเรเดียลมีความแข็งแรงน้อยกว่ายางธรรมดา ทำให้ยางเรเดียลมีแนวโน้มที่จะแตกหักง่ายขึ้นในสภาพอากาศหนาว

  • ยางเรเดียล ปะได้ไหม
    นอกจากยางรถยนต์มีกี่ประเภทแล้ว ยางเรเดียล (Radial Tire) ปะได้ไหม? การซ่อมยางเรเดียลจะต้องมีการวางแผ่นยางที่ด้านในของยางและใช้ยางอุดรูรั่ว เพื่อป้องกันการรั่วซึมของลมในยาง และป้องกันการเกิดรอยแตกต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยการปะยางเรเดียลไม่สามารถทำได้เอง เนื่องจากอาจทำให้ยางเสียหายมากขึ้น ดังนั้น หากต้องการปะยางเรเดียล ก็ควรนำรถไปยังศูนย์ซ่อมรถยนต์ที่มีช่างที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการซ่อมยางเรเดียลโดยตรง

  • ยางเรเดียล อายุการใช้งาน
    อายุการใช้งานของยางเรเดียลจะขึ้นอยู่กับการใช้งานและประเภทของรถยนต์ โดยปกติแล้ว ยางเรเดียลจะใช้งานได้ประมาณ 5 ปี หรือวิ่งได้ประมาณ 50,000 กิโลเมตร แต่หากมีการใช้งานอย่างหนักหรือรถยนต์เดินทางไกลบ่อยๆ อายุการใช้งานของยางเรเดียลอาจลดลงได้

7. ยางรีดน้ำ


  • ยางรีดน้ำ คือ
    ในส่วนของคำถามยางรถยนต์มีกี่ประเภท ตอบได้เลยว่า ยางรีดน้ำก็จัดเป็นยางอีกหนึ่งประเภท เป็นยางที่เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่โดยการลดจำนวนน้ำที่เกาะติดกับพื้นผิวของยางรถยนต์ ซึ่งจะช่วยให้ยางเกาะถนนได้ดีขึ้น ลดความเสียหายจากการลื่นไถลในสภาพอากาศที่เปียกชื้น และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

  • ยางรีดน้ำ ดูยังไง
    ตอบเรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภทไปแล้ว แรบบิท แคร์ จะพามาดูว่าการดูแลยางรถยนต์เพื่อรีดน้ำออกจากหน้ายางนั้น สามารถทำได้โดยการตรวจสอบสภาพดอกยาง หากดอกยางเสื่อมสภาพและไม่สามารถรีดน้ำออกได้เพียงพอ ก็ควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนที่ดีและป้องกันอาการเหินน้ำบนถนนที่มีน้ำขัง

  • ยางรีดน้ำ ข้อเสีย
    รู้เรื่องยางรถยนต์มีกี่ประเภท และวิธีดูยางกันไปแล้ว ทีนี้มาศึกษาเพิ่มเติมกันว่ายางรีดน้ำมีข้อเสียอย่างไร ยางรีดน้ำเป็นยางที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ วยให้ยางเกาะถนนได้ดีขึ้น แต่ยางรีดน้ำนั้นก็ยังมีข้อเสียบางอย่างที่คนขับรถควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้

    • แตกต่างไปจากยางแบบอื่น : ยางรถยนต์ที่มีความสามารถในการรีดน้ำออกได้ดีมักจะมีดอกยางที่มีร่องเล็ก ๆ บนผิวยาง ซึ่งช่วยให้น้ำไหลออกได้ง่ายขึ้น แต่ก็ทำให้ยางรถยนต์เหลืองและเป็นรอยได้ง่าย นอกจากนี้ยางรถยนต์ที่รีดน้ำได้ดีมักจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่ายางรถยนต์ที่ไม่รีดน้ำได้ดี
    • การใช้งานในสภาพอากาศแห้ง : ยางรถยนต์ที่รีดน้ำได้ดีมักจะไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพอากาศแห้ง เพราะการรีดน้ำออกจากผิวยางอาจทำให้ยางรถยนต์แตกหรือมีรอยแตก นอกจากนี้ยางรถยนต์ที่รีดน้ำได้ดีอาจทำให้รถยนต์เกิดเสียงดังขณะขับรถในสภาพอากาศแห้ง
    • ราคาแพงกว่า : ยางรถยนต์ที่รีดน้ำได้ดีมักจะมีราคาแพงกว่ายางรถยนต์ที่ไม่รีดน้ำได้ดี ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้รถยนต์ต้องเสียเงินเพิ่มเติมในการซื้อยางรถยนต์

  • ยางรีดน้ำ ปะได้ไหม นอกจากยางรถยนต์มีกี่ประเภทแล้ว ยางรีดน้ำปะได้ไหม? การปะยางแบบรีดน้ำนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องใช้เทคนิคการปะยางที่ถูกต้องเพื่อให้ยางรถยนต์สามารถรีดน้ำออกได้ดี โดยใช้เครื่องมือสำหรับการปะยางแบบรีดน้ำ ซึ่งจะมีการรีดน้ำออกจากดอกยางเพื่อให้น้ำไหลออกไป แต่การปะยางแบบนี้มีข้อเสีย คือ ไม่สามารถปะยางซ้ำได้ และยางรถยนต์ที่ถูกปะแบบนี้จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่ายางรถยนต์ที่ไม่ได้รีดน้ำ

  • ยางรีดน้ำ อายุการใช้งาน ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ มิชลิน, อายุการใช้งานของยางรีดน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี หรือ 20,000-30,000 กิโลเมตร โดยขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของรถ และสภาพถนนที่ใช้รถวิ่ง หากยางรีดน้ำมีการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อให้สามารถทำหน้าที่รีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากยางรีดน้ำมีการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการขับขี่ เช่น การสั่นสะเทือนของรถ การเบรกและการหมุนล้อ ดังนั้น ควรตรวจสอบสภาพของยางรีดน้ำอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนใหม่เมื่อเห็นว่ามีสัญญาณแสดงว่ามีการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพอย่างรุนแรง

ยางรถเสียหาย เคลมได้ไหม

โดยทั่วไปแล้ว การเสียหายของยางรถยนต์จะไม่ถูกคุ้มครองในกรณีที่เกิดจากการใช้งานปกติ แต่ถ้าเป็นการเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุและมีการเคลมประกันรถยนต์ อาจมีโอกาสที่จะได้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไขของประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองการเสียหายของยางรถยนต์ ในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น ยางรถแตกหรือบวมเนื่องจากการชนกับวัตถุอื่น แต่จะไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดจากการใช้งานปกติ เช่น ยางรถหมดอายุการใช้งาน หรือ แตกเนื่องจากการเจาะหรือแตกเพราะการขับรถในที่ราบหรือถนนหลังฝนตก และการเคลมยางรถยนต์จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดโดยบริษัทประกันรถยนต์ โดยมักจะต้องแจ้งเคลมภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ และต้องนำรถยนต์ไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการหลังการขับขี่ โดยบริษัทประกันรถยนต์จะตรวจสอบสภาพของยางรถยนต์และตรวจสอบว่าการเสียหายเป็นเหตุอะไร หากเป็นการเสียหายที่คุ้มครองตามเงื่อนไขของประกันรถยนต์ บริษัทประกันรถยนต์จะชดเชยค่าใช้จ่ายตามสัญญาการประกันรถยนต์

ส่วนใครที่ยังไม่มีแผนประกันภัยรองรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เราแรบบิท แคร์ รวบรวมประกันภัยราคาที่แตกต่างกันออกไปตามความคุ้มครอง แต่ถ้าเทียบความคุ้มครองกับราคาเบี้ยประกันรถยนต์แล้วต้องบอกเลยว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เนื่องจากเรามีแผนประกันมากมายจากบริษัทประกันภัยชั้นนำ คุณสามารถใช้บริการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้เลย เช็คราคาประกันรถยนต์ได้ง่าย รวดเร็ว รับรองว่าราคาประกันภัยรถยนต์ของเราคุ้มค่ากว่าใครแน่นอน และหวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยว่ายางรถยนต์มีกี่ประเภท และควรเลือกใช้ประเภทของยางรถยนต์อย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการใช้งานของรถยนต์ของทุกคนกันนะ

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา